ทริปเที่ยวญี่ปุ่นกับJENESYS!

โอ๊ส! สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปญี่ปุ่นกับโครงการ JENESYS2019 ตั้งแต่วันที่ 5-13 พ.ย. นะคะ
มันเริ่มจากการที่เราได้ชนะการแข่งทักษะภาษาญี่ปุ่นและผ่านการสัมภาษณ์กับคนญี่ปุ่นมาค่ะ หลังจากนั้นกระทรวงจะส่งเอกสารให้เรากรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อ – นามสกุล ที่อยู่ อาหารที่แพ้ รวมถึงแผนกำหนดการต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงจะออกค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอาหารให้ทั้งทริปเลยยยยยย
 
DAY 1 รวมตัว 
 
ในโครงการของเราจะมีเด็กศิลป์-ญี่ปุ่นจากทั่วประเทศอีก15คนที่ได้เข้าร่วม ทุกคนจะมาต้องมารวมตัวกันที่กระทรวงศึกษาธิการ ก่อนหน้าที่จะเจอกัน เรามีไลน์กลุ่มที่สร้างไว้เพื่อรับข่าวสาร เตรียมการแสดง และพูดคุยทำความรู้จักกัน แต่สุดท้ายในวันแรกทุกคนก็ดูเกร็งๆกันอยู่ดีเพราะไม่มีใครมาจากโรงเรียนเดียวกันเลย5555555 พอคนมาครบ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงก็พูดชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ทริปนี้จัดโดยบริษัท JTB ซึ่งมีตัวแทนเข้ามาพูดเรื่องการเตรียมตัวก่อนออกไปประเทศญี่ปุ่นและการใช้ชีวิตที่นั่น แล้วเราก็ไปที่สนามบินกัน โดยคนไทยที่บินไปญี่ปุ่นจะมีนักเรียนม.ปลายทั้งหมด 16 คน และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ เราได้ขึ้นเครื่องของสายการบิน ANA ก่อนเครื่องออกจะมีวิดีโอสาธิตกฎระเบียบในการนั่งเครื่องบินด้วย ซึ่งเราชอบมากเพราะมีการประยุกต์ละครคาบูกิมาใช้ มันน่าสนใจและดูเพลินมาก เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายไว้ T^T ซ้ำร้ายเราปวดหัวรู้สึกเหมือนเมาเครื่องบิน ข้าวเราก็กินได้แค่ 2-3 คำ พอแอร์โฮสเตสมาเก็บจานเลยถามอาการเรา เราเลยขอไปล้วงคอซึ่งปกติเราไม่เมารถเมาเรือ เลยไม่ได้พกยา ดีที่แอร์ให้ยาเราแล้วก็วัดอุณหภูมิเรา 2 รอบ เทคแคร์ดีมากเลย ซึ้งค่ะ พอลงจากเครื่อง เอากระเป๋า ออกจากเกต จะมีเจ้าหน้าที่ของ JTB 2 คนมาคอยดูแลทั้งทริปนี้ คนนึงเป็นไกด์ อีกคนเป็นล่าม ทั้งคู่เป็นคนญี่ปุ่น แต่ล่ามพูดไทยชัดมากกกกก แล้วเราก็ขึ้นรถทัวร์ไปโรงแรมในโตเกียว 1 ห้องนอนประมาณ 2-3 คน โดยสุ่มเอา วันแรกก็มีแค่เดินทางกับจัดของค่ะแต่เหนื่อยมาก55555 แอบคิดถึงไทยด้วยเพราะยังไม่ชินและไม่สนิทกับใคร แต่ขอยืนยันค่ะ การไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ

โรงแรมที่พักในโตเกียวนะคะ
 
 
 
DAY 2 ทางการ
 
วันนี้เราทั้งหมดต้องแต่งชุดทางการ บางคนใส่ชุดนักเรียนพร้อมสูท บางคนเชิ้ตกับสูท แต่เราไม่มีสูทเลยใส่เชิ้ตกับเสื้อกันหนาว (เป็นเสื้อกันหนาวสีดำที่ปกเสื้อเหมือนสูทจริงๆเลยค่ะ5555555) เราได้พบอดีตเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ท่านเล่าถึงความสัมพันธ์ของไทยและญี่ปุ่นที่มีมาแต่ช้านาน เกี่ยวข้องกันด้วยสังคม เศรษฐกิจ ฯลฯ ตรงๆคือมันค่อนข้างจะน่าเบื่อ เพราะเป็นเรื่องยากสำหรับเรา แต่มันช่วยตือนเราว่าได้ภาษาอย่างเดียวไม่พอ ความรู้เรื่องสังคมก็จำเป็นเหมือนกัน! 

เราได้กินข้าวเที่ยงที่ภัตคารอาหารจีนค่ะ
 นี่คือชานะคะทุกคน

ตกเย็นเราไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยเอโดะ เราชอบมาก มันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่มาก จำลองการใช้ชีวิตในสมัยนั้นและภาพวาดต่างๆ ตระการตาสุดๆ ปล.เราซื้อน้ำหอมมาใช้จากชอป มันมีกลิ่นไผ่อ่อนๆ ดมแลเวผ่อนคลาย แต่ตอนซื้อทุกคนควรอ่านให้ละเอียดนะ เราจ่ายเงินเสร็จเพิ่งรู้ว่าซื้อน้ำหอมฉีดห้องมา

 
 
DAY 3 รถยนต์
 
เราได้ไปเยี่ยมชมโรงงาน Denso ส่วนของการผลิตอะไหล่รถยนต์ เขาเปิดวิดีโอแอนิเมชั่นเกี่ยวกับโลกอนาคตให้ดู ซึ่งเข้าใจง่ายและน่ารักมากๆ เขาพาไปดูแบบจำลองมิเตอร์รถที่โรงงานกำลังพัฒนาอยู่ คือ มิเจอร์ดิจิตอลที่มีการบอกสภาพของคนขับว่าพร้อมขับขี่หรือไม่ รวมถึงมีเซเซอร์ตรวจจับใบหน้าเพื่อจะส่งสัญญาณเมื่อผู้ขับมีอาการหลับใน ในตัวโรงงานมีความเข้มงวดเรื่องความสะอาดมาก ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อน มีกระจกกั้นและจุดที่เรายืนห่างจากจุดที่คนทำงานมาก เราสังเกตเห็นว่ามีการใช้หุ่นยนต์ผ่อนแรงมนุษย์ โดยให้หุ่นยนต์เดินตามเส้น ส่วนคนที่ทำงานจะมีป้ายติดว่าห้ามรบกวน เพราะการประกอบมิเตอร์เป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน

 
พิพิธภัณฑ์โตโยต้าเหมือนจะใหญ่กว่าพิพิธภัณฑ์เอโดะนิดหน่อย เราจำแนกเองได้3แบบคือยุคแรกเริ่ม = อุตสาหกรรมทอผ้า 

รุ่นหลัง = อุตสาหกรรมรถยนต์ 

กำลังพัฒนา = อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ที่นี่มีหุ่นยนต์ที่สีไวโอบินได้ด้วย เสียดายที่ดูไม่ทัน หลงทางอยู่

 
 
จากนั้นเราก็ได้ไปขึ้นรถไฟชินคันเซนเพื่อไปพักที่จังหวัดมิเอะด้วย ไกด์บอกเราว่าวันนี้เป็นโชคของพวกเราเพราะท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นภูเขาไฟฟูจิชัดเลย!
 
 
DAY 4 มิเอะ
 
เราไปวัดทาคาดะฮอนเซนโดยจะแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่มเพื่อจับคู่กับนักเรียนญี่ปุ่นที่จะมาเป็นไกด์ให้ ทุกคนตื่นเต้นกว่าปกติเพราะอยากเจอและอยากคุยกับคนญี่ปุ่นวัยเดียวกันมานานแล้ว แต่แอบเสียดายเพราะนักเรียนญี่ปุ่นตั้งใจมาฝึกภาษาอังกฤษกัน มันจึงเป็นบทสนทนาที่คนไทยพูดญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นพูดอังกฤษ55555 สำเนียงญี่ปุ่นมันฟังยากไปสักหน่อยแต่เรานับถือความพยายามของพวกเขามากเลย 
 
หลังจากนั้นเราได้พบรองผู้ว่าราชการ ทำให้รู้สึกเกร็งๆ ท่านมาบอกเกี่ยวกับของดีประจำจังหวัดทั้งส้ม หอยมุก รวมถึงหมู่บ้านนินจาด้วย!
 
กิจกรรมต่อไปคือ 1 ในกิจกรรมที่ทุกคนรอคอย การไปเยี่ยมชมโรงเรียนมิเอะ!!! สำหรับเรา โรงเรียนมีขนาดใหญ่ มีชมรมให้เลือกมากมาย เราได้เข้าร่วมกิจกรรมของชมรมชงชา นักเรียนจะเสิร์ฟขนมญี่ปุ่นก่อน มันหวานขนาดที่กินเกิน 3 ชิ้นอาจต้องตัดขาเลย555555 ที่มันหวานขนาดนี้เพื่อกินคู่กับชาที่ขมมาก แต่เขาจะเสิร์ฟชาตามลำดับที่นั่ง กว่าเราจะได้ดื่มชา ความหวานของขนมก็หายไปแล้ว 
ตกดึกเราจะถูกสุ่มจับกลุ่มประมาณ 3-4 คน เพื่อไปใช้ชีวิตกับโฮสต์แฟมิลี่ชาวญี่ปุ่น เราได้อยู่กับรูมเมทคนเดิมเพิ่มเติมคือเพื่อนที่เคยแข่งในเขตเดียวกัน โฮสต์ของเราเป็นคุณตาและคุณยายเพียง 2 คน แต่เราก็จะเรียกเขาว่า 'คุณพ่อและคุณแม่' อยู่ดี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่