หลังจากที่ได้อ่านคอมเม้นต์จากเพื่อนๆแล้ว มันทำให้เราสับสนว่าจะเอายังไงต่อดี จะฟ้องกลับลูกหนี้ที่ทำให้เราต้องเดือดร้อน หรือว่าหยุดคิดเสียว่าเป็นกรรมของเราเอง กรรม คือการกระทำ คือเราเข้าใจนะคะว่า เราผิดที่เซ็นต์เอกสารและเช็คค้ำ แต่ในสัญญานั้นถึงจะเซ็นต์ชื่อลอยไว้ แต่ในการกรอกข้อความทั้งหมด เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถึงจะเซ็นต์ชื่อไว้มันก็เป็นสัญญาปลอม
ด้วยความไว้ใจและเชื่อใจเพื่อน คิดว่าเขาจะซื่อสัตย์กับเรา คิดว่าเขาจะมีสัจจะ ทำตามที่เขาพูดว่าไม่ฟ้อง แค่เรียกให้มาเขียนค้ำเฉยหลังจากที่กำลังตามลูกหนี้ตัวจริงอยู่ แต่ว่าในเมื่อลูกหนี้ตัวจริงปรากฏแล้ว ตามได้แล้ว ตัวโจทก์รู้ดีและรู้จักลูกหนี้ด้วย แต่ทำไมไม่ยอมลด-ลบหนี้ออก ทำไมกิน 2 ทาง โดยไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลย
แต่มันค้านในความรู้สึกลึกๆว่า เราต้องพิสูจน์ความจริง ทำไมเราต้องรับกรรมคนเดียว ส่วนโจทก์กิน 2 ทาง โดยโจทก์ตอนนี้ได้ให้ลูกหนี้มาเซ็นต์สัญญากับเขา ก่อนหน้าลูกหนี้มาเซ็นต์สัญญากับเรา สัญญาอยู่กับเรา2ปีกว่า แต่กับโจทก์ไม่มีสัญญาใดๆ พอตามลูกหนี้ได้ โจทก์กลับไม่ลดหนี้ลง กลับนำเช็คที่เคยเขียนไว้พร้อมสัญญาของเรา นำกลับมาฟ้อง ซึ่งมันไม่ยุติธรรม
ในสมองของเราตอนนี้มันกำลังตีกัน ระหว่างฟ้องกลับลูกหนี้ ที่ทำสัญญากับเรา เพราะลูกหนี้รายนี้ได้ไปเชื่อฟังโจทก์ ได้ไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์เองโดยตรงหลังจากลงจากศาลแล้ว โดยโจทก์อ้างว่าเป็นหนี้คนละส่วนกัน แต่ข้อเท็จจริงในคำเบิกความโจทก์ ถูกบันทึกไว้คือหนี้ที่เกิดจากลูกหนี้รายนี้ บันทึกยอดเงิน 180,000.-บาท พร้อมชื่อนาม-สกุล ลูกหนี้ และยังมีลูกหนี้รายอื่นๆอีก ที่ถูกบันทึกไว้พร้อมยอดเงิน
โดยสัญญาของลูกหนี้ก็ยังอยู่กับเราครบทั้งหมดทุกอย่างสมบูรณ์ มีลูกหนี้บางรายที่ได้ชดใช้เงินให้กับโจทก์หมดแล้ว แต่โจทก์บอกยังไม่ครบ
แต่หลักฐานน่าเชื่อถือได้ โดยลูกหนี้บางรายนำสเตทเม้นแบบละเอียดมาโชว์ให้เรา และเราได้ขอสเตทเม้นของลูกหนี้ไปพิสูจน์บนศาล ยันกับบัญชีของโจทก์ ทำให้ได้เห็นข้อเท็จจริง ว่าลูกหนี้บางรายไม่ได้โกหกเรา ได้จ่ายหนี้ไปหมดแล้ว แต่ปัญหาคือ โจทก์อ้างในคำเบิกความ ว่ายังมีหนี้อยู่
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สืบเบิกความจำเลย และพยานจำเลยที่เตรียมมา ทำไมถึงไม่สืบ เราไม่เข้าใจ หรือว่า กลัวเราจะฟ้องกลับเช็ค ที่โจทก์นำเช็คมาฟ้องเท็จ เป็นคดีอาญา เราก็พยายามชี้นำให้ทนายเห็นว่า มันเป็นเช็คค้ำประกันเงินกู้ ไม่ได้เพื่อนำมาชำระหนี้แต่อย่างใด แต่ทำไมมุ่งเป้าไปที่หนังสือสัญญาอย่างเดียว คือเราไม่เข้าใจ มันค้างคาใจ ตรงที่ไม่ได้ขึ้นสืบจำเลย เบิกความแค่โจทก์ฝ่ายเดียว
ลูกหนี้บางรายก็เพิ่งไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์โดยตรง เราเข้าใจว่า ลูกหนี้ก็คงจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยอมรับผิดชอบหนี้ที่เขาได้ก่อขึ้น โดยยอมเซ็นต์สัญญากับเจ้าหนี้โดยตรง ไม่หนีไปไหนแล้ว หลังจากที่หนีไปกว่า2ปี แต่เราต้องการให้โจทก์ ลด-ลบ หนี้ที่ลูกหนี้ยอมมาชดใช้แล้ว ออกจากหนี้ที่ไม่มีมูลจริงออกในส่วนของเรา ไม่ใช่กิน 2 เด้ง 2 ทางแบบนี้ มันเกินคนปกติจะทำกัน มันเป็นการโกงเห็นๆเลย ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร จิตใต้สำนึกยังเป็นคนอยู่หรือไม่
แล้วในสัญญาที่ลูกหนี้ได้ทำกับเราล่ะ ที่เราโอนเงินเข้าไปให้ลูกหนี้รายที่ไปเซ็นต์สัญญากับเราล่ะ เราควรจะฟ้องกลับใช่มั้ยคะ
ถ้าลูกหนี้จะยอมเป็นหนี้ 2 ทางก็สุดแล้วแต่เขา แต่ถ้าลูกหนี้ไม่ยอม มันต้องมีการไต่สวนสืบพยาน+หลักฐาน โชว์ข้อเท็จจริงกัน ไม่ใช่ว่าปล่อยให้โจทก์ทำแบบนี้ เราเป็นผู้เสียหาย ต้องมารับใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ
เราสับสนระหว่างปล่อยให้เป็นตามกรรม แต่ว่า จิตใต้สำนึกเรา มันค้านตลอดเวลา ว่ามันไม่ใช่ ข้อเท็จจริงไม่ใช่แบบนี้ มันไม่ยุติธรรม
ในเมื่อลูกหนี้ก็มารับใช้หนี้กับโจทก์แล้ว ทำไมยังอ้างเราเป็นหนี้อยู่ คือ เราต้องการให้ข้อเท็จจริงเปิดเผย เราควรจะสู้ และฟ้องลูกหนี้รายที่ไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์ใช่ไหมคะ เรารู้สึกว่า มันไม่ถูกต้อง ในสมองในหัวเราคิดแต่ว่า โจทก์ทำไม่ถูกต้อง
ลูกหนี้รายที่จ่ายหมดแล้ว แต่จ่ายผ่านโจทก์โดยตรงตามสเตทเม้นที่โชว์ให้เราดู โจทก์เอามารวมกับหนี้ที่ฟ้องเรา แต่เราเห็นว่าเขาได้จ่ายคืนไปหมดแล้ว โดยจ่ายดอกเบี้ยมหาโหดไปร้อยละ 10ต่อเดือน ลูกหนี้จ่ายมาตลอด เพราะลูกหนี้ได้ติดต่อกับโจทก์โดยตรง แต่ผ่านไป1ปีกว่า โจทก์มาฟ้องเรา ว่าลูกหนี้ยังจ่ายไม่ครบ โดยฟ้องยอดเต็มจำนวนแสนกว่าที่ลูกหนี้เอาไป ซึ่งเราเห็นว่าหลักฐานมันจับต้องได้ ในสเตทเม้นอย่างละเอียดที่ลูกหนี้โอนเข้าบัญชีโจทก์ ข้อเท็จจริงอันนี้ เราก็จะไม่ฟ้องรายที่เขาโอนเข้าบัญชีโจทก์ ซึ่งเขาได้ชดใช้หนี้หมดแล้ว ดังหลักฐานที่ปรากฏคือสเตทเม้นมันเชื่อถือได้
ซึ่งความจริงแล้วสัญญาลูกหนี้ได้ทำกับเรา เราไม่เอาไม่กินดอกเบี้ย เราสงสารลูกหนี้ จึงปล่อยให้โจทก์และลูกหนี้โอนเข้าบัญชีกันเอง แต่ไมคิดว่าโจทก์จะมาหักหลังเราแบบนี้ .... บางรายโจทก์ได้ไปบอกลูกหนี้ด้วยว่า ไม่ต้องจ่ายหนี้ให้แก่โจทก์แล้วนะ คือ ข้อเท็จจริงลูกหนี้ทุกคนจะรู้ว่าเงินที่พวกเขาได้ขอกู้ยืมนั้นเป็นของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์บอกว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน ได้ขอให้เราชดใช้หนี้ให้แทนลูกหนี้ก่อน แล้วให้เราไปเก็บเองกับลูกหนี้ทีหลัง
แต่เมื่อเราได้ชดใช้แทนลูกหนี้แล้ว และเราได้ตกลงกับลูกหนี้แล้วว่าจะให้ลูกหนี้จ่ายเราทุกเดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ลูกหนี้ตกลงตามข้อเสนอนั้น
โดยที่ยังไม่รู้ความจริงว่า เราได้นำเงินก้อนไปจ่ายให้โจทก์แทนลูกหนี้แล้ว ......... ปัญหาเกิดคือ โจทก์ได้ขับรถไปบอกลูกหนี้โดยตรง ว่า ไม่ต้องจ่ายหนี้แล้วนะ ได้จ่ายหมดแล้ว ซึ่งจริงๆมันไม่เกี่ยวกับโจทก์เลย โจทก์ทำไมหักหลังแบบนี้ ทำให้ลูกหนี้บางรายชับดาบ ไม่จ่ายเรา
สาเหตุที่โจทก์ทำแบบนี้ เพราะคดีแรก เราบอกความจริงกับเพื่อนโจทก์ว่า เราไม่ได้นำเงินไปใช้แต่อย่างใด ที่มากู้ยืมนี้ คือโจทก์ได้ปล่อยเงินกู้แต่ว่า มีปัญหายังตามเก็บลูกหนี้ไม่ได้ทั้งหมด โจทก์ไม่รอ รอไม่ได้ ทำให้โจทก์ออกอุบายให้เราเปิดสมุดเช็ค และนำพาเราไปแนะนำเพื่อนโจทก์ให้รู้จักและทำการกู้ยืมเงินจากเพื่อนโจทก์ นำมาฟ้องเราเป็นคดีแรก และเราจำนนด้วยหลักฐานที่ได้ทำไว้กับเพื่อนโจทก์ ทำให้เราต้องถูกตัดสินแพ้คดี ต้องชดใช้หนี้ 250,000.- ตามหน้าเช็ค+สัญญาเงินกู้ที่เขียนไว้ให้แก่เพื่อนโจทก์
แต่คดีนี้เราแพ้โดยไม่ได้สืบจำเลย เพราะทนายเราไม่ทำอะไรเลย ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมาชี้ให้ศาลเห็นความเป็นมา ทนายเราไม่ทำงาน เอาแต่เงิน เรามีหลักฐานการสนทนาทางแชทไลน์กับทนายตลอด สรุปคดีนั้นเราแพ้ไป ต้องใช้หนี้เพื่อนโจทก์
เราเจ็บใจตรงที่รับเงินสดมาให้โจทก์ทั้งหมด ยื่นให้กับมือ แต่โจทก์บอกได้รับแค่ 2 แสน ส่วนที่เหลือโจทก์ไม่ได้นำเข้าบัญชี ทำให้ไม่มีหลักฐาน โจทก์อ้างในส่วนที่นำเงินเข้าบัญชี 2แสน (อันนี้คือเราโง่เอง เพราะความเชื่อใจเพื่อนรุ่นพี่ล้วนๆ คบกันมา 20กว่าปี ตั้งแต่เรายังเด็ก ไม่คิดว่าเขาจะคดโกงแบบนี้)
เรื่องเราไม่ได้ซับซ้อนอะไร หลักฐานมีพร้อม พยานก็มี แต่ว่าเราแค่ไม่เข้าใจ ทำไมคดีถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าความยุติธรรมมีจริง ควรจะให้เราได้เบิกความ บอกข้อเท็จจริง โต้แย้งคำให้การของโจทก์บ้าง ซึ่งบางอย่างโจทก์บอกความเท็จ ลูกหนี้ที่จ่ายหนี้ครบแล้ว บางคนโจทก์ก็แอบอ้างว่ายังเป็นหนี้อยู่ คำเบิกความของโจทก์ไม่เป็นความจริง และพยานรายนี้ซึ่งเป็นลูกหนี้ ต้องการเบิกความว่าได้จ่ายหนี้หมดแล้ว ทำไมยังแอบอ้างต่อศาลเบิกความเท็จว่ายังคงเป็นหนี้อยู่ แต่เสียดาย เราและพยายจำเลย ไม่มีโอกาสนั้น ได้ขึ้นเบิกความ มันข้องใจจนถึงขณะนี้ กลายเป็นคดีจำหน่ายออกไปชั่วคราว ง่ายๆคือรับสภาพหนี้
ปล...... ถ้าเป็นไปได้เราตั้งใจให้โจทก์หรือลูกๆของโจทก์ได้อ่านในสิ่งที่เรามาระบายในเพจนี้ เราเชื่อว่าพวกคุณต้องได้เข้ามาเพจดังกล่าวนี้แน่นอน เผื่อจะมีจิตสำนึกขึ้นมาได้มาบ้าง ว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง โลภไปตายไปเอาอะไรไปได้บ้าง ข้อเท็จจริงมีคุณเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ ถ้ากล้าท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริง เรายินดีไปทุกที่ ไม่ว่าจะต่อหน้าสาธารณชน ออกสื่อรายการใดๆ ก็ตาม เรายินดีนำทุกอย่างไปพิสูจน์ เราขอท้าว่าคุณกล้าพอที่จะยอมรับความจริงหรือไม่ ถ้าเราแพ้ เรายอมจ่ายหนี้ให้คุณแทนลูกหนี้ที่คุณกำลังกิน 2 ทาง เราจะจ่ายด้วยความเต็มใจ จะไม่มีอคติใดๆค้างคาใจอีก แต่เพียงแค่ขอให้เราได้ออกมาพูดความจริง+หลักฐานที่มีอยู่บ้างเท่านั้น
ที่ผ่านมาเราทำผลประโยชน์ให้คุณมากมาย โดยที่เราไม่กินดอกเบี้ยร่วมด้วย เพราะจิตใจเราไม่เหมือนคุณ เราใจไม่แข็งพอ เห็นลูกหนี้ไม่มีเงิน เราใจอ่อนไม่เอาดอกไม่ร่วมกินด้วย แถมหลักฐานมีพร้อมที่จะฟ้องลูกหนี้ทุกราย แต่เราไม่ทำ ไม่ฉวยโอกาสนี้แบบที่คุณทำกับเรา ใจเราไม่ร้ายพอ และเรายึดหลักความถูกต้อง ในเมื่อเขาใช้หนี้หมด ก็ควรจะหมด ไม่ใช่ยัดเยียดหนี้ให้เขาอีก มันไม่ใช่คนแล้วแบบนี้
สุดท้ายนี้ เราอยากจะถามกลับเพื่อนๆว่า เราควรจะฟ้องกลับลูกหนี้ (บางราย) ที่ไปทำสัญญากับโจทก์ดีหรือไม่ เพื่อให้ลูกหนี้ตาสว่างเสียที ว่าข้อเท็จที่โจทก์เกลี้ยกล่อมคุณอยู่มันไม่ใช่ความจริง แต่ถ้าลูกหนี้รายนี้ ไม่เชื่อเรายอมจ่ายหนี้ เพิ่มอีก 180,000.- บาท 2 ทาง โดยให้กับเราและโจทก์ก็ตามใจเขา
ขอบคุณเว็บไซต์นี้ที่ให้พื้นที่เราได้ระบายความอัดอั้น และขอบคุณเพื่อนๆที่ให้คำแนะนำที่ดีด้วยนะคะ เราสับสน ตอนี้ในหัวเรามีแต่คำว่า มันไม่ยุติธรรม จะฟ้องกลับลูกหนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงมันปรากฏ หรือจะก้มหน้ารับกรรมเพียงผู้เดียว...... ถ้าเป็นไปได้ เราอยากติดต่อออกรายการ เราคิดว่าสื่อน่าจะช่วยเราได้บ้าง เราไม่กลัวความจริง เรากล้าท้าไปทุกที่ แต่ไม่รู้จะติดต่อได้ในช่องทางใดบ้าง ใครรู้โปรดช่วยบอกเราด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
กฏแห่งกรรมมันมีจริงหรือเปล่านะ??? (2)
ด้วยความไว้ใจและเชื่อใจเพื่อน คิดว่าเขาจะซื่อสัตย์กับเรา คิดว่าเขาจะมีสัจจะ ทำตามที่เขาพูดว่าไม่ฟ้อง แค่เรียกให้มาเขียนค้ำเฉยหลังจากที่กำลังตามลูกหนี้ตัวจริงอยู่ แต่ว่าในเมื่อลูกหนี้ตัวจริงปรากฏแล้ว ตามได้แล้ว ตัวโจทก์รู้ดีและรู้จักลูกหนี้ด้วย แต่ทำไมไม่ยอมลด-ลบหนี้ออก ทำไมกิน 2 ทาง โดยไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลย
แต่มันค้านในความรู้สึกลึกๆว่า เราต้องพิสูจน์ความจริง ทำไมเราต้องรับกรรมคนเดียว ส่วนโจทก์กิน 2 ทาง โดยโจทก์ตอนนี้ได้ให้ลูกหนี้มาเซ็นต์สัญญากับเขา ก่อนหน้าลูกหนี้มาเซ็นต์สัญญากับเรา สัญญาอยู่กับเรา2ปีกว่า แต่กับโจทก์ไม่มีสัญญาใดๆ พอตามลูกหนี้ได้ โจทก์กลับไม่ลดหนี้ลง กลับนำเช็คที่เคยเขียนไว้พร้อมสัญญาของเรา นำกลับมาฟ้อง ซึ่งมันไม่ยุติธรรม
ในสมองของเราตอนนี้มันกำลังตีกัน ระหว่างฟ้องกลับลูกหนี้ ที่ทำสัญญากับเรา เพราะลูกหนี้รายนี้ได้ไปเชื่อฟังโจทก์ ได้ไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์เองโดยตรงหลังจากลงจากศาลแล้ว โดยโจทก์อ้างว่าเป็นหนี้คนละส่วนกัน แต่ข้อเท็จจริงในคำเบิกความโจทก์ ถูกบันทึกไว้คือหนี้ที่เกิดจากลูกหนี้รายนี้ บันทึกยอดเงิน 180,000.-บาท พร้อมชื่อนาม-สกุล ลูกหนี้ และยังมีลูกหนี้รายอื่นๆอีก ที่ถูกบันทึกไว้พร้อมยอดเงิน
โดยสัญญาของลูกหนี้ก็ยังอยู่กับเราครบทั้งหมดทุกอย่างสมบูรณ์ มีลูกหนี้บางรายที่ได้ชดใช้เงินให้กับโจทก์หมดแล้ว แต่โจทก์บอกยังไม่ครบ
แต่หลักฐานน่าเชื่อถือได้ โดยลูกหนี้บางรายนำสเตทเม้นแบบละเอียดมาโชว์ให้เรา และเราได้ขอสเตทเม้นของลูกหนี้ไปพิสูจน์บนศาล ยันกับบัญชีของโจทก์ ทำให้ได้เห็นข้อเท็จจริง ว่าลูกหนี้บางรายไม่ได้โกหกเรา ได้จ่ายหนี้ไปหมดแล้ว แต่ปัญหาคือ โจทก์อ้างในคำเบิกความ ว่ายังมีหนี้อยู่
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สืบเบิกความจำเลย และพยานจำเลยที่เตรียมมา ทำไมถึงไม่สืบ เราไม่เข้าใจ หรือว่า กลัวเราจะฟ้องกลับเช็ค ที่โจทก์นำเช็คมาฟ้องเท็จ เป็นคดีอาญา เราก็พยายามชี้นำให้ทนายเห็นว่า มันเป็นเช็คค้ำประกันเงินกู้ ไม่ได้เพื่อนำมาชำระหนี้แต่อย่างใด แต่ทำไมมุ่งเป้าไปที่หนังสือสัญญาอย่างเดียว คือเราไม่เข้าใจ มันค้างคาใจ ตรงที่ไม่ได้ขึ้นสืบจำเลย เบิกความแค่โจทก์ฝ่ายเดียว
ลูกหนี้บางรายก็เพิ่งไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์โดยตรง เราเข้าใจว่า ลูกหนี้ก็คงจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยอมรับผิดชอบหนี้ที่เขาได้ก่อขึ้น โดยยอมเซ็นต์สัญญากับเจ้าหนี้โดยตรง ไม่หนีไปไหนแล้ว หลังจากที่หนีไปกว่า2ปี แต่เราต้องการให้โจทก์ ลด-ลบ หนี้ที่ลูกหนี้ยอมมาชดใช้แล้ว ออกจากหนี้ที่ไม่มีมูลจริงออกในส่วนของเรา ไม่ใช่กิน 2 เด้ง 2 ทางแบบนี้ มันเกินคนปกติจะทำกัน มันเป็นการโกงเห็นๆเลย ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร จิตใต้สำนึกยังเป็นคนอยู่หรือไม่
แล้วในสัญญาที่ลูกหนี้ได้ทำกับเราล่ะ ที่เราโอนเงินเข้าไปให้ลูกหนี้รายที่ไปเซ็นต์สัญญากับเราล่ะ เราควรจะฟ้องกลับใช่มั้ยคะ
ถ้าลูกหนี้จะยอมเป็นหนี้ 2 ทางก็สุดแล้วแต่เขา แต่ถ้าลูกหนี้ไม่ยอม มันต้องมีการไต่สวนสืบพยาน+หลักฐาน โชว์ข้อเท็จจริงกัน ไม่ใช่ว่าปล่อยให้โจทก์ทำแบบนี้ เราเป็นผู้เสียหาย ต้องมารับใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ
เราสับสนระหว่างปล่อยให้เป็นตามกรรม แต่ว่า จิตใต้สำนึกเรา มันค้านตลอดเวลา ว่ามันไม่ใช่ ข้อเท็จจริงไม่ใช่แบบนี้ มันไม่ยุติธรรม
ในเมื่อลูกหนี้ก็มารับใช้หนี้กับโจทก์แล้ว ทำไมยังอ้างเราเป็นหนี้อยู่ คือ เราต้องการให้ข้อเท็จจริงเปิดเผย เราควรจะสู้ และฟ้องลูกหนี้รายที่ไปเซ็นต์สัญญากับโจทก์ใช่ไหมคะ เรารู้สึกว่า มันไม่ถูกต้อง ในสมองในหัวเราคิดแต่ว่า โจทก์ทำไม่ถูกต้อง
ลูกหนี้รายที่จ่ายหมดแล้ว แต่จ่ายผ่านโจทก์โดยตรงตามสเตทเม้นที่โชว์ให้เราดู โจทก์เอามารวมกับหนี้ที่ฟ้องเรา แต่เราเห็นว่าเขาได้จ่ายคืนไปหมดแล้ว โดยจ่ายดอกเบี้ยมหาโหดไปร้อยละ 10ต่อเดือน ลูกหนี้จ่ายมาตลอด เพราะลูกหนี้ได้ติดต่อกับโจทก์โดยตรง แต่ผ่านไป1ปีกว่า โจทก์มาฟ้องเรา ว่าลูกหนี้ยังจ่ายไม่ครบ โดยฟ้องยอดเต็มจำนวนแสนกว่าที่ลูกหนี้เอาไป ซึ่งเราเห็นว่าหลักฐานมันจับต้องได้ ในสเตทเม้นอย่างละเอียดที่ลูกหนี้โอนเข้าบัญชีโจทก์ ข้อเท็จจริงอันนี้ เราก็จะไม่ฟ้องรายที่เขาโอนเข้าบัญชีโจทก์ ซึ่งเขาได้ชดใช้หนี้หมดแล้ว ดังหลักฐานที่ปรากฏคือสเตทเม้นมันเชื่อถือได้
ซึ่งความจริงแล้วสัญญาลูกหนี้ได้ทำกับเรา เราไม่เอาไม่กินดอกเบี้ย เราสงสารลูกหนี้ จึงปล่อยให้โจทก์และลูกหนี้โอนเข้าบัญชีกันเอง แต่ไมคิดว่าโจทก์จะมาหักหลังเราแบบนี้ .... บางรายโจทก์ได้ไปบอกลูกหนี้ด้วยว่า ไม่ต้องจ่ายหนี้ให้แก่โจทก์แล้วนะ คือ ข้อเท็จจริงลูกหนี้ทุกคนจะรู้ว่าเงินที่พวกเขาได้ขอกู้ยืมนั้นเป็นของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์บอกว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน ได้ขอให้เราชดใช้หนี้ให้แทนลูกหนี้ก่อน แล้วให้เราไปเก็บเองกับลูกหนี้ทีหลัง
แต่เมื่อเราได้ชดใช้แทนลูกหนี้แล้ว และเราได้ตกลงกับลูกหนี้แล้วว่าจะให้ลูกหนี้จ่ายเราทุกเดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ลูกหนี้ตกลงตามข้อเสนอนั้น
โดยที่ยังไม่รู้ความจริงว่า เราได้นำเงินก้อนไปจ่ายให้โจทก์แทนลูกหนี้แล้ว ......... ปัญหาเกิดคือ โจทก์ได้ขับรถไปบอกลูกหนี้โดยตรง ว่า ไม่ต้องจ่ายหนี้แล้วนะ ได้จ่ายหมดแล้ว ซึ่งจริงๆมันไม่เกี่ยวกับโจทก์เลย โจทก์ทำไมหักหลังแบบนี้ ทำให้ลูกหนี้บางรายชับดาบ ไม่จ่ายเรา
สาเหตุที่โจทก์ทำแบบนี้ เพราะคดีแรก เราบอกความจริงกับเพื่อนโจทก์ว่า เราไม่ได้นำเงินไปใช้แต่อย่างใด ที่มากู้ยืมนี้ คือโจทก์ได้ปล่อยเงินกู้แต่ว่า มีปัญหายังตามเก็บลูกหนี้ไม่ได้ทั้งหมด โจทก์ไม่รอ รอไม่ได้ ทำให้โจทก์ออกอุบายให้เราเปิดสมุดเช็ค และนำพาเราไปแนะนำเพื่อนโจทก์ให้รู้จักและทำการกู้ยืมเงินจากเพื่อนโจทก์ นำมาฟ้องเราเป็นคดีแรก และเราจำนนด้วยหลักฐานที่ได้ทำไว้กับเพื่อนโจทก์ ทำให้เราต้องถูกตัดสินแพ้คดี ต้องชดใช้หนี้ 250,000.- ตามหน้าเช็ค+สัญญาเงินกู้ที่เขียนไว้ให้แก่เพื่อนโจทก์
แต่คดีนี้เราแพ้โดยไม่ได้สืบจำเลย เพราะทนายเราไม่ทำอะไรเลย ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมาชี้ให้ศาลเห็นความเป็นมา ทนายเราไม่ทำงาน เอาแต่เงิน เรามีหลักฐานการสนทนาทางแชทไลน์กับทนายตลอด สรุปคดีนั้นเราแพ้ไป ต้องใช้หนี้เพื่อนโจทก์
เราเจ็บใจตรงที่รับเงินสดมาให้โจทก์ทั้งหมด ยื่นให้กับมือ แต่โจทก์บอกได้รับแค่ 2 แสน ส่วนที่เหลือโจทก์ไม่ได้นำเข้าบัญชี ทำให้ไม่มีหลักฐาน โจทก์อ้างในส่วนที่นำเงินเข้าบัญชี 2แสน (อันนี้คือเราโง่เอง เพราะความเชื่อใจเพื่อนรุ่นพี่ล้วนๆ คบกันมา 20กว่าปี ตั้งแต่เรายังเด็ก ไม่คิดว่าเขาจะคดโกงแบบนี้)
เรื่องเราไม่ได้ซับซ้อนอะไร หลักฐานมีพร้อม พยานก็มี แต่ว่าเราแค่ไม่เข้าใจ ทำไมคดีถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าความยุติธรรมมีจริง ควรจะให้เราได้เบิกความ บอกข้อเท็จจริง โต้แย้งคำให้การของโจทก์บ้าง ซึ่งบางอย่างโจทก์บอกความเท็จ ลูกหนี้ที่จ่ายหนี้ครบแล้ว บางคนโจทก์ก็แอบอ้างว่ายังเป็นหนี้อยู่ คำเบิกความของโจทก์ไม่เป็นความจริง และพยานรายนี้ซึ่งเป็นลูกหนี้ ต้องการเบิกความว่าได้จ่ายหนี้หมดแล้ว ทำไมยังแอบอ้างต่อศาลเบิกความเท็จว่ายังคงเป็นหนี้อยู่ แต่เสียดาย เราและพยายจำเลย ไม่มีโอกาสนั้น ได้ขึ้นเบิกความ มันข้องใจจนถึงขณะนี้ กลายเป็นคดีจำหน่ายออกไปชั่วคราว ง่ายๆคือรับสภาพหนี้
ปล...... ถ้าเป็นไปได้เราตั้งใจให้โจทก์หรือลูกๆของโจทก์ได้อ่านในสิ่งที่เรามาระบายในเพจนี้ เราเชื่อว่าพวกคุณต้องได้เข้ามาเพจดังกล่าวนี้แน่นอน เผื่อจะมีจิตสำนึกขึ้นมาได้มาบ้าง ว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง โลภไปตายไปเอาอะไรไปได้บ้าง ข้อเท็จจริงมีคุณเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ ถ้ากล้าท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริง เรายินดีไปทุกที่ ไม่ว่าจะต่อหน้าสาธารณชน ออกสื่อรายการใดๆ ก็ตาม เรายินดีนำทุกอย่างไปพิสูจน์ เราขอท้าว่าคุณกล้าพอที่จะยอมรับความจริงหรือไม่ ถ้าเราแพ้ เรายอมจ่ายหนี้ให้คุณแทนลูกหนี้ที่คุณกำลังกิน 2 ทาง เราจะจ่ายด้วยความเต็มใจ จะไม่มีอคติใดๆค้างคาใจอีก แต่เพียงแค่ขอให้เราได้ออกมาพูดความจริง+หลักฐานที่มีอยู่บ้างเท่านั้น
ที่ผ่านมาเราทำผลประโยชน์ให้คุณมากมาย โดยที่เราไม่กินดอกเบี้ยร่วมด้วย เพราะจิตใจเราไม่เหมือนคุณ เราใจไม่แข็งพอ เห็นลูกหนี้ไม่มีเงิน เราใจอ่อนไม่เอาดอกไม่ร่วมกินด้วย แถมหลักฐานมีพร้อมที่จะฟ้องลูกหนี้ทุกราย แต่เราไม่ทำ ไม่ฉวยโอกาสนี้แบบที่คุณทำกับเรา ใจเราไม่ร้ายพอ และเรายึดหลักความถูกต้อง ในเมื่อเขาใช้หนี้หมด ก็ควรจะหมด ไม่ใช่ยัดเยียดหนี้ให้เขาอีก มันไม่ใช่คนแล้วแบบนี้
สุดท้ายนี้ เราอยากจะถามกลับเพื่อนๆว่า เราควรจะฟ้องกลับลูกหนี้ (บางราย) ที่ไปทำสัญญากับโจทก์ดีหรือไม่ เพื่อให้ลูกหนี้ตาสว่างเสียที ว่าข้อเท็จที่โจทก์เกลี้ยกล่อมคุณอยู่มันไม่ใช่ความจริง แต่ถ้าลูกหนี้รายนี้ ไม่เชื่อเรายอมจ่ายหนี้ เพิ่มอีก 180,000.- บาท 2 ทาง โดยให้กับเราและโจทก์ก็ตามใจเขา
ขอบคุณเว็บไซต์นี้ที่ให้พื้นที่เราได้ระบายความอัดอั้น และขอบคุณเพื่อนๆที่ให้คำแนะนำที่ดีด้วยนะคะ เราสับสน ตอนี้ในหัวเรามีแต่คำว่า มันไม่ยุติธรรม จะฟ้องกลับลูกหนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงมันปรากฏ หรือจะก้มหน้ารับกรรมเพียงผู้เดียว...... ถ้าเป็นไปได้ เราอยากติดต่อออกรายการ เราคิดว่าสื่อน่าจะช่วยเราได้บ้าง เราไม่กลัวความจริง เรากล้าท้าไปทุกที่ แต่ไม่รู้จะติดต่อได้ในช่องทางใดบ้าง ใครรู้โปรดช่วยบอกเราด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ