ยกระดับการศึกษาให้กับนักเรียนต่างจังหวัดได้เข้าถึงมหาวิทยาลัยระดับนานาชาติ

ช่วงหลังมานี้ ไม่ว่าจะคุยกับมหาวิทยาลัยราชภัฎหรือราชมงคลไหน ก็จะเจอแต่คำบ่นว่าเด็กน้อยลง แต่ถ้าไปคุยกับมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ เช่นจุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร มหิดล มช มข มอ คำบ่นเรื่องเด็กน้อยลงไม่มี แต่จะบ่นเรื่องเด็กคุณภาพแย่ลงแทน
สาเหตุปัจจุบัน มาจากเด็กเกิดน้อยลง มหาวิทยาลัยใหญ่ใช้วิธีเติมที่นั่งของตัวเองด้วยการลดคุณภาพของเด็กที่จะรับเข้าเรียน ซึ่งกระทบโดยตรงต่อจำนวนเด็กที่จะเข้าราชภัฎ ราชมงคล ราม และ มสธ
สถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เพราะเมื่อโลกออนไลน์เปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเรียนมหาวิทยาลัยดังๆ ของต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปเรียนถึงต่างประเทศ แต่นั่งเรียนที่บ้านตัวเอง ในเวลาไหนก็ได้ที่ตัวเองสะดวก ทำให้สามารถหารายได้ขณะเรียนได้ และ certificate ที่ได้จากมหาวิทยาลัยดังๆ ระดับโลกเหล่านี้ ก็ได้รับการยอมรับและผู้ที่เรียนก็ได้ประโยชน์จริง เอาความรู้มาทำมาหากินได้จริง ผมเองเคยเข้าไปเรียน ยังรู้สึกว่าสนุกกว่านั่งเรียนในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยไทยเองในหลายคลาสด้วยซ้ำไป เพราะเค้าใช้เทคโนโลยีการสอนที่ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน มีการทดสอบความรู้ระหว่างเรียน ต้องส่งการบ้าน และมีการสอบเพื่อจบคอร์ส บางแห่งพัฒนาจากแค่ได้ certificate ไปถึงได้เป็นปริญญาเลยก็มี และบอกแนวทางการเรียนด้วยว่า ถ้าเราต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ต้องเรียนอะไรบ้าง
ผู้ประกอบการในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี เริ่มไม่สนใจว่าเด็กจะจบอะไรมา แต่สนใจว่าเค้าทำในสิ่งที่บริษัทอยากให้เค้าทำได้หรือไม่ โดยไม่สนใจวุฒิการศึกษาของเขา และสถานการณ์นี้จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
แล้วมหาวิทยาลัยจะปรับตัวอย่างไร
เมื่อผมได้มีโอกาสคุยกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฎ ไม่ว่าจะเป็นราชภัฎไหน ก็มักจะเสนอความคิดไปว่า ถ้าราชภัฎจะอยู่รอด ราชภัฎต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการศึกษารูปแบบใหม่นี้ โดยอาศัยความจริงที่ว่า แม้โลกออนไลน์จะเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยระดับโลกมาตั้งอยู่ในบ้านของเด็กทุกคน แต่เด็กไทยจำนวนมากก็ไม่สามารถเอื้อมถึงการศึกษาที่ดีและมีคุณภาพระดับโลกนี้ได้ เพราะสาเหตุหลักสองประการคือ 1. พื้นฐานความรู้ที่ยังต่ำกว่า minimum requirement ของคอร์ส (แต่เรียนวิชาเดียวกันในมหาวิทยาลัยไทยได้ เพราะความเข้มข้นต่างกัน) และ 2.ไม่สามารถฟังและเขียนภาษาอังกฤษได้
ผมเสนอไปว่า ถ้าราชภัฎสามารถเป็นสะพานหรือสปริงบอร์ดให้เด็กๆ ก้าวไปสู่คอร์สออนไลน์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกนี้ได้ เด็กๆ จำนวนมากก็คงอยากจะมาเรียนกับราชภัฎ
ผมดีใจมากที่ผู้บริหารที่ผมคุยด้วย บอกกับผมว่า อยากทำ MOU กับมหาวิทยาลัยเหล่านั้น เพื่อส่งเด็กต่างจังหวัดให้ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยเหล่านั้นให้ได้
ที่จริง ท่านคิดไปเกินกว่าผมเยอะเลย เพราะผมแค่อยากให้เด็กต่างจังหวัดได้ certificate ในวิชาที่เค้าจะไปหากินได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ก็พอ เช่น การทำงานเป็น digital workforce ที่ส่งออกความคิดให้กับผู้จ้างที่อยู่ในกรุงเทพหรือแม้แต่ต่างประเทศโดยนั่งทำงานอยู่ที่บ้านของตัวเอง แค่นี้ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะนั่นหมายถึงการยกระดับรายได้ของคนในต่างจังหวัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
และหากทุกราชภัฎทำอย่างที่ท่านตั้งใจ การที่ราชภัฎมี 38 แห่งทั่วประเทศ แต่ละราชภัฏมีพื้นที่ให้บริการ 2-3 จังหวัด หากทำได้ คนต่างจังหวัดอีก 70 จังหวัด นอกกรุงเทพและปริมณฑลและนอก eec จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่