สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
มีค่า พ่อเรานี่แหละ ชีวิตติดลบของแท้
ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง นี่เงินติดบ้านเหลือไม่ถึงพัน ตอนนั้นพ่ออายุ 40 กว่าๆค่ะ
พี่สาวสอบติด เภสัชฯจุฬาฯ เกือบอดเรียน แต่โชคดีญาติให้ยืมเงินค่าเทอม
เราก็ไปขอเงินแม่แทน(พ่อกะแม่เลิกกัน แต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน)
ตอนที่แย่มากๆพ่อทำอาชีพวัดตัวตัดสูท ไม่มีลูกค้าเลย เพราะลูกค้าต่างคนต่างก็ไม่มีเงิน แม่เลยชวนออกมาขายของตามตลาดนัด โดยแบ่งของที่มีให้พ่อขายก่อน แล้วเอาต้นทุนมาคืน
พ่อก็เลยค้าขายตามตลาดนัดแต่นั้นมา คราวนี้ตอนแรกอยู่กรุงเทพ ขายแล้วตลาดมันตัน ก็เลยไปขายที่ต่างจังหวัด วิ่งตลาดนัดต่างจังหวัดทุกวัน
ขายไปขายมา รับแก้ เสื้อผ้า แก้ชุด ลูกค้าก็เลยเอาผ้ามาแก้ ใครซื้อเสื้อจากร้าน แล้วใส่ไม่สวย ก็แก้ให้เข้าทรง อารมณ์ซื้อเสื้อผ้าตลาดนัด แต่ใส่สวยเหมือนสั่งตัด
ด้วยความที่พ่อมีฝีมือด้านตัดสูท กางเกง ชุดราชการทำได้หมด จังหวัดที่พ่อย้ายไปอยู่นั้น ข้าราชการเยอะ ลูกค้าก็ให้เอาชุดข้าราชการ เอากางเกง เสื้อ มาแก้ จนพ่อกลับมารับตัดชุด คราวนี้ ปากต่อปาก แนะนำกันต่อ
จนต้องเลิกขายของที่ตลาดนัด มาเปิดร้านรับตัดสูท
ลูกค้าเยอะมาก ข้าราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดารา ที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง แถวนั้นมาตัดกับพ่อเยอะ
จนตอนนี้ร้านสูทพ่อ ได้เป็น ของดีประจำจังหวัด
ภูมิใจกับพ่อมากๆเลย ตอนนี้ก็ลืมตาอ้าปาก ครอบครัวมีความสุขแบบพอเพียง ถึงจะไม่ว่างมาก ก็หาเวลาให้ตัวเองไปเที่ยวต่างประเทศได้ ใช้ชีวิตแบบมีความสุข
แต่สิ่งที่พ่อภูมิใจยิ่งกว่า เราคิดว่าพ่อได้ตัดชุดราชการให้พี่สาวใส่ ตอนนี้พี่ได้ c7 เป็นหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชฯ ใน รพ.รัฐแห่งหนึ่ง
พ่อบอกเสมอว่า ถ้าไม่ตัดสินใจย้ายออกมาจากกรุงเทพ ก็คงจะไม่มีวันนี้ บางทีความสามารถมี แต่อยู่ผิดที่ก็ไม่โตค่ะ
การประสบความสำเร็จต้องอาศัย ทั้งความสามารถ โอกาส การตัดสินใจและการอดออม ค่ะ
ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง นี่เงินติดบ้านเหลือไม่ถึงพัน ตอนนั้นพ่ออายุ 40 กว่าๆค่ะ
พี่สาวสอบติด เภสัชฯจุฬาฯ เกือบอดเรียน แต่โชคดีญาติให้ยืมเงินค่าเทอม
เราก็ไปขอเงินแม่แทน(พ่อกะแม่เลิกกัน แต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน)
ตอนที่แย่มากๆพ่อทำอาชีพวัดตัวตัดสูท ไม่มีลูกค้าเลย เพราะลูกค้าต่างคนต่างก็ไม่มีเงิน แม่เลยชวนออกมาขายของตามตลาดนัด โดยแบ่งของที่มีให้พ่อขายก่อน แล้วเอาต้นทุนมาคืน
พ่อก็เลยค้าขายตามตลาดนัดแต่นั้นมา คราวนี้ตอนแรกอยู่กรุงเทพ ขายแล้วตลาดมันตัน ก็เลยไปขายที่ต่างจังหวัด วิ่งตลาดนัดต่างจังหวัดทุกวัน
ขายไปขายมา รับแก้ เสื้อผ้า แก้ชุด ลูกค้าก็เลยเอาผ้ามาแก้ ใครซื้อเสื้อจากร้าน แล้วใส่ไม่สวย ก็แก้ให้เข้าทรง อารมณ์ซื้อเสื้อผ้าตลาดนัด แต่ใส่สวยเหมือนสั่งตัด
ด้วยความที่พ่อมีฝีมือด้านตัดสูท กางเกง ชุดราชการทำได้หมด จังหวัดที่พ่อย้ายไปอยู่นั้น ข้าราชการเยอะ ลูกค้าก็ให้เอาชุดข้าราชการ เอากางเกง เสื้อ มาแก้ จนพ่อกลับมารับตัดชุด คราวนี้ ปากต่อปาก แนะนำกันต่อ
จนต้องเลิกขายของที่ตลาดนัด มาเปิดร้านรับตัดสูท
ลูกค้าเยอะมาก ข้าราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดารา ที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง แถวนั้นมาตัดกับพ่อเยอะ
จนตอนนี้ร้านสูทพ่อ ได้เป็น ของดีประจำจังหวัด
ภูมิใจกับพ่อมากๆเลย ตอนนี้ก็ลืมตาอ้าปาก ครอบครัวมีความสุขแบบพอเพียง ถึงจะไม่ว่างมาก ก็หาเวลาให้ตัวเองไปเที่ยวต่างประเทศได้ ใช้ชีวิตแบบมีความสุข
แต่สิ่งที่พ่อภูมิใจยิ่งกว่า เราคิดว่าพ่อได้ตัดชุดราชการให้พี่สาวใส่ ตอนนี้พี่ได้ c7 เป็นหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชฯ ใน รพ.รัฐแห่งหนึ่ง
พ่อบอกเสมอว่า ถ้าไม่ตัดสินใจย้ายออกมาจากกรุงเทพ ก็คงจะไม่มีวันนี้ บางทีความสามารถมี แต่อยู่ผิดที่ก็ไม่โตค่ะ
การประสบความสำเร็จต้องอาศัย ทั้งความสามารถ โอกาส การตัดสินใจและการอดออม ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
โลกโซเชี่ยลมักฝังหัวคนรุ่นใหม่ ว่าจะประสบความสำเร็จตอนอายุน้อยๆคือเจ๋ง เก่ง หลังจากนี้ไปแล้ว สามสิบแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จถือว่าล้มเหลว ซึ่งมันไม่ใช่เลย ในความเป็นจริงแล้ว คนธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมรดกของพ่อแม่ ต้องสร้างตัวจากศูนย์ ล้วนต้องพยายามและใช้เวลาในการสร้างตัวทั้งนั้น
นี่อายุ40+ ต้องทำงานหนักมาเกือบ20ปี ถึงจะเก็บเงินได้ พอมีทรัพย์สิน และได้เที่ยวต่างประเทศบ้าง ตอนอายุ40 คนรุ่นเก่าๆที่น้องเห็นว่าเขาประสบความสำเร็จนั้น ล้วนต้องใช้เวลา อายุ40-50 ถึงนับว่ามีพร้อมทุกอย่าง
ยกตัวอย่างแม่ของเราเอง ก่อนหน้านี้ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ค้าขายอะไรก็ไม่รอด แต่ตอนอายุ50+ มาจับธุรกิจหนึ่ง รุ่งมาก ทำอยู่10ปีตอนนี้แกอายุ65 แล้ว มีทรัพย์สินที่ดินเยอะแยะ ตอนนี้ก็เรียกว่าประสบความสำเร็จได้แล้ว
คนรู้จัก ล้มละลายจากทำธุรกิจ เป็น บุคคลล้มละลายอยู่หลายปี แต่ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดตอนอายุ50
ถ้าน้องล้มเลิกความตั้งใจเร็ว ก็ล้มเหลวเร็ว ถ้ายังสู้ ก็มีวันนั้น แต่ต้องใช้เวลา เป็นพนักงานเงินเดือนก็เก็บออม 10ปี20ปี ก็รวยได้ แต่มันไม่ทันใจคนรุ่นใหม่เท่านั้นเอง
เคยได้ยินเขาพูดว่า “คนล้มเหลวนั้นไม่มี มีแต่ล้มเลิกไปก่อนเท่านั้น”
และอีกอย่างทัศนคตินั้นสำคัญมาก
นี่อายุ40+ ต้องทำงานหนักมาเกือบ20ปี ถึงจะเก็บเงินได้ พอมีทรัพย์สิน และได้เที่ยวต่างประเทศบ้าง ตอนอายุ40 คนรุ่นเก่าๆที่น้องเห็นว่าเขาประสบความสำเร็จนั้น ล้วนต้องใช้เวลา อายุ40-50 ถึงนับว่ามีพร้อมทุกอย่าง
ยกตัวอย่างแม่ของเราเอง ก่อนหน้านี้ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ค้าขายอะไรก็ไม่รอด แต่ตอนอายุ50+ มาจับธุรกิจหนึ่ง รุ่งมาก ทำอยู่10ปีตอนนี้แกอายุ65 แล้ว มีทรัพย์สินที่ดินเยอะแยะ ตอนนี้ก็เรียกว่าประสบความสำเร็จได้แล้ว
คนรู้จัก ล้มละลายจากทำธุรกิจ เป็น บุคคลล้มละลายอยู่หลายปี แต่ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดตอนอายุ50
ถ้าน้องล้มเลิกความตั้งใจเร็ว ก็ล้มเหลวเร็ว ถ้ายังสู้ ก็มีวันนั้น แต่ต้องใช้เวลา เป็นพนักงานเงินเดือนก็เก็บออม 10ปี20ปี ก็รวยได้ แต่มันไม่ทันใจคนรุ่นใหม่เท่านั้นเอง
เคยได้ยินเขาพูดว่า “คนล้มเหลวนั้นไม่มี มีแต่ล้มเลิกไปก่อนเท่านั้น”
และอีกอย่างทัศนคตินั้นสำคัญมาก
แสดงความคิดเห็น
อายุ 37 แก่เกินไปไหมที่จะพลิกชีวิตให้ร่ำรวยจากติดลบ
บั้นปลายคงแย่ ทุกวันนี้ไม่สนใจเรื่อความครัว ความรัก เรื่องไร้สาระ มุ่งหน้าพัฒนาตัวเอง หาเงินอย่างเดียว เชื่อว่า ถ้าคนเราการงาน การเงิน
ยังไม่ดีพอ คุณเอาสิทธิ์อะไรไปมีความสุข มีแฟน มีความรัก หรือมีครอบครัว.