'ดุนยา' ในชายแดนใต้

เรื่องเล่าทั้งหมด ขอเล่าตามที่เขาเล่ามา ไม่ได้สร้างความแตกแยกใดๆ แต่เป็นการบอกความจริงบางอย่างให้สังคมรับรู้ส่วนหนึ่ง
ผมได้รู้จักชายคนหนึ่ง ชื่อว่า แบหมัด ปัจจุบันทำอาชีพขายอาหารอยู่ที่จังหวัดหนึ่งในภาคใต้ (ที่ไม่ใช่ 3 จังหวัดชายแดน)
แบหมัด เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวเขา เป็นครอบครัวผู้เคร่งศีล ทั้งปู่และพ่อ เคยไปทำฮัจญ์มาแล้ว
หลังจากที่ผ่านการทำสุหนัตได้ไม่นาน แบหมัดถูกพ่อส่งไปปอเนาะแห่งหนึ่งในนราธิวาส
ทางครอบครัว ต้องการให้เขา เป็นอุลามะห์ต่อจากปู่และพ่อ แต่มันแทบจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

แบหมัดบอกว่า ปอเนาะอื่นๆที่ทั้งดีและไม่ดี ไม่รู้ว่าสอนกันอย่างไร แต่ในปอเนาะที่เขาเคยเรียน จะเต็มไปด้วยความตื่นตัวในเชื้อชาติ
โต๊ะครูบางคน จะเล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองของปาตานียุคก่อนที่สยามจะยึดครอง เล่าเรื่องราวการพยายามทำลายศาสนาอิสลามของรัฐไทย
รวมถึงพยายามยกคำสอนของการสู้เพื่อศาสนา มาอ้างว่าเป็นการทำเพื่อศาสนาด้วย ทำเพื่อมาตุภูมิด้วย ยกเหตุผลต่างๆนาๆ
แบหมัดในตอนนั้น เชื่อมั่นในเรื่องสวรรค์ เชื่อว่าการสู้เพื่อศาสนา จะทำให้เขา ไม่ต้องตกนรก ไม่เป็นชาวนรกด้วยเหตุผลใดๆ
เมื่ออายุย่างเข้าวัยหนุ่ม แบหมัด จึงขอเข้าร่วมกลุ่มต่อสู้เพื่อศาสนา หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า 'โจรใต้'

อย่างไรก็ตาม แบหมัดเล่าว่า ชีวิตในตอนนั้น ค่อนข้างบัดซบ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขา กลับเอาแต่ดื่มน้ำกระท่อม บ้างก็ติดยาเสพติด
ยาเสพติดที่ว่า แบหมัดไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่รู้มาว่า มันถูกส่งมาเพื่อมาขายต่อเพื่อซื้ออาวุธ และมันก็ระบาดกันในหมู่กลุ่ม
แบหมัด พยายามไม่หลงดุนยาตาม ถืออุดมการณ์มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่เขารู้สึกว่าต้องหนีออกไป 
เพื่อนของเขาถูกยิงเสียชีวิต เขาเห็นพ่อแม่และชาวบ้านของเขา ต้องแบกญานะซาห์ (ศพ) ไปฝังทั้งน้ำตา เขาคงรับไม่ได้ถ้านั้นคือเขาเอง
คืนนั้น เขาอ้างว่าเขาจะไปตรวจตราสังเกตพวกทหาร และเขา ก็ทิ้งอาวุธ ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่บอกใคร หนีจากบ้านเกิดไปยังที่อื่น

แบหมัด เมื่อหนีออกมาได้ ได้โทรแจ้งบอกครอบครัวให้รีบหนีมาด้วย และเขาก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเมื่อครอบครัวได้หนีตามมา
ภายหลัง เขาพบว่า แนวคิดต่อต้านอิสลามของรัฐไทยนั้น ไม่มีอยู่จริง ทั้งยังพยายามส่งเสริมศาสนา ส่งเสริมวัฒนธรรมต่างๆนาๆ
เขาศึกษาเพิ่มเติม จึงได้รู้ความจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับ ทั้งยังรู้ว่า เพื่อนๆ เขา มักจะยิงผู้บริสุทธิ์อยู่หลายครั้งหลายคราวด้วยซ้ำ
เขาจึงวัลลอฮิ (สาบาน) ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการสู้รบอีก แต่เขาจะใช้วิธีสันติและพิสูจน์ถึงแนวทางที่งดงามที่แท้จริงของอิสลาม
เขาบอกว่า การต่อสู้เพื่อศาสนาด้วยอาวุธนั้น ควรหมดไปจากโลกแล้ว แต่บางคน ยึดติดดุนยามากไป เพราะคิดว่าดุนยานั้นจะพาไปอาคีเราะฮ์ได้

ดุนยาที่ว่าของแบหมัด เขากล่าวว่า การหลงใหลในสวรรค์โดยไม่สนใจวิธีการนั้น ไม่ต่างอะไรกับการหลงดุนยา แต่ไม่ได้เข้าถึงแก่นแท้ที่แท้จริง
เพื่อนๆ ของเขา จับปืนก็เพราะต้องการอาคีเราะห์ แต่ใจจริงไม่เคยตั้งใจ เพราะเสพยาเสพติดอยู่ตลอด ทั้งยังฆ่าคนบริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก
บางคนมาบรรยายธรรม แล้วก็เก็บค่าบรรยายธรรมแสนแพง จนทำให้เหมือนว่า การเข้าถึงสวรรค์นั้นกลับต้องใช้จ่ายเงินแสนหนักหนายิ่ง
ทั้งๆที่ความจริง นอกจากความพยายามและความอดทนแล้ว แทบไม่มีอะไรที่ไม่ต้องเสียให้กับพระผู้เป็นเจ้าเลย
และนั้นก็คือเรื่องราวของแบหมัด ที่เคยหลงผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังมีโอกาสได้กลับตัวกลับใจ มาทำสิ่งที่ถูกต้องในปัจจุบัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในอินโดนีเซียและมาเลเซียนั้น รัฐบาลเป็นผู้ควบคุม หลักสูตรการศึกษา และครูผู้สอน นะครับ

มาเลเซีย ควบคุมโดย JAKIM

อินโดนีเซีย ควบคุมโดยกระทรวงศาสนา สำหรับโรงเรียนสอนศาสนาแบบ pesantren และ madrasah ส่วนกระทรวงศึกษาธิการก็ควบคุมหลักสูตรของโรงเรียนสอนศาสนาแบบ sekolah Islam

ทั้งนี้ในอินโดนีเซีย กลุ่มก่อการร้ายโดยบรรดาผู้ที่จบการศึกษาด้านศาสนาจากตะวันออกกลาง ที่คนอินโดยกย่องว่าเป็น "เชค" และได้มาเปิดโรงเรียนสอนศาสนานั้น เป็นผู้ที่นำลัทธิก่อการร้ายมาเผยแพร่ด้วย

ตั้งแต่สมัยซูฮาร์โต้ ก็กลุ่ม  Darul Islam ซึ่งมีอุดมการณ์สร้าง "รัฐอิสลาม" ต่อมา แปลงร่างกลายเป็นกลุ่ม Jemaah Islamiyah (JI) ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับกลุ่ม อัลกอดิอะห์ ของ อุสสามะ บิน ลาเดน

ต่อมาภายหลัง พวก วะฮาบีย์ จากซาอุดิอารเบีย ก็ได้ให้ทุนมาสร้างมัสยิด สร้างโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม สอนตามแนวทางของพวก วะฮาบีย์ ซึ่งมีอุดมการณ์สร้าง "รัฐอิสลาม" หรือ คอลิฟะห์ เช่นกัน

แนวทางการสอนศาสนาอิสลามของทั้งคู่ล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อ อุดมการณ์สร้างชาติของอินโดนีเซีย ที่รู้จักกันในชื่อ "ปัญจศีล" ของซูการ์โน ประธานาธิบดีคนแรกและบิดาของชาติอินโดนีเซียทั้งสิ้น

ดังนั้น อินโดนีเซียจึงต้องมีหลักสูตรการเรียนศาสนาอิสลามของทางการ เพื่อสอนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม ไม่ได้ให้ผู้ที่เรียนจบศาสนาจากตะวันออกกลาง มาสอนได้อย่างอิสระ

แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีการแอบซ่อนหลักสูตรจากพวกตะวันออกกลางอยู่อย่างลับ ๆ ซึ่งรัฐบาลเขาก็จับตามองดูการเคลื่อนไหวของพวกนี้ตลอด

ส่วนมาเลเซียนั้น อิสลามที่สอนได้ในมาเลเซียต้องเป็นอิสลามแบบที่ JAKIM รับรองเท่านั้น แบบอื่น ผิดกฎหมายทั้งหมด ครูสอนศาสนาที่จะสอนได้ต้องจบจากสถาบันการศึกษาที่ JAKIM รับรอง และสอนตามหลักสูตรของ JAKIM เท่านั้น

ในขณะที่โรงเรียนสอนศาสนาของไทยนั้น มันมีความอิสระเสรีมาก ไม่เคยมีข้อกำหนดเลยว่า หลักสูตรที่ใช้สอนได้นั้นเป็นอย่างไร ครูผู้สอนนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ........... ไม่มีเลย........... ฟรีสไตล์จริง ๆ

ดังนั้น พวกที่จบการศึกษาด้านศาสนาอิสลามจากตะวันออกกลาง สามารถสอนอิสลามแบบต้นฉบับของตะวันออกกลาง ซึ่งต้นฉบับ มันไม่ได้มีแต่เรื่องสันติ แต่มันมีเรื่อง "ญิฮาด" หรือ สงครามศาสนา กับคนต่างความเชื่อ หรือ มุชริก เต็มไปหมด

ไม่แปลกใจเลยที่ว่า โรงเรียนปอเนาะของไทยกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะของผู้ก่อการร้ายยุคแล้วยุคเล่า

โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามของไทยขณะนี้ ไม่ต่างอะไรจากโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในปากีสถาน ที่สนับสนุนก่อตั้งโดยซาอุดิอารเบีย และ สหรัฐอเมริกา เพื่อบ่มเพาะผลิตนักรบมาต่อสู้กับการยึดครองอัฟกานิสถานของสหภาพโซเวียตเลย

ผลผลิตของโรงเรียนสอนศาสนาแบบวะฮาบีย์ ในปากีสถาน นี่ก็คือ กลุ่มตอเลบัน อัลกออิดะห์ ไอเอส และ กลุ่มก่อการร้ายอีกสารพัดกลุ่ม

อย่าแปลกใจที่นักเรียนที่จบการศึกษาจากปอเนาะของไทย แล้วไปเรียนต่อด้านศาสนาที่ปากีสถาน เพราะที่นั่นเป็นแหล่งสั่งสอนให้ซึมซาบในลัทธิ ฝึกฝนอาวุธเพื่อการก่อการร้าย อีกทั้งสร้างเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกด้วย
ความคิดเห็นที่ 5
และก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่มองถึงปัญหาจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ได้แต่คิดกันเองขำๆว่า โจรใต้ไม่มีจริง ที่เห็นระเบิดกันนั่นคือการสร้างสถานการณ์เพื่อให้มีงบลงพื้นที่เท่านั้น

ในพันทิปนี่แหละ เสิร์ชหาก็จะเจอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่