จัดไปครับบบ รีวิวกระทู้ที่ 2 ของผม ที่ประเทศอินโดนีเซีย  รอบนี้ไปตะลุยกระเป๋าฉีกที่บาหลี และ ภูเขาไฟโบรโม่ ได้ถ่ายรูปสวยๆแบบนี้แหละ มาติดตามชมกันได้เลยคร๊าบบบบ ช่วงที่ผมไปนี้คือปี 2561 เป็นเวลา 7 วัน 1-7 ตุลาตม 2561 บรรยากาศก็ร้อนจนหัวร้อนกันเลยทีเดียวว 

เดินทางรอบนี้ใช้สายการบิน Air asia ใช้เวลาบิน 4.15 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เครื่องออก 06.15 ตื่นแหกขี้ตากันมาเลยทีเดียว

เช็คอินโหลดของเรียบร้อยเข้ามาใน Gate กันเลยพร้อมลุย

เพื่อนผมอ่ะพร้อมนะ....พร้อมนอนยังไม่พร้อมลุย อิอิ ทำงานเสร็จแล้วขึ้นเครื่องมา กทม. ไฟท์สุดท้ายกันเลยทีเดียว

พร้อมแล้วซิ ตื่นแล้วเว้ยยยยยย 

ขึ้นเครื่องกันแล้วจ้า... พร้อมนอน นอนต่อไปสัก 4.30 ชั่วโมงครึ่ง

ถึงแล้ววววจ้า Denpasar International Airport (สนามบินที่บาหลี)  ฟ้าเปิดโล่งและแสงแดดอันเผาไหม้ตอนรับพวกเราแล้วว

ไปเลยจ้า....ยาวไปตามป้ายยย

ตามไปเอากระเป๋าที่หนักหน่วงงงงง

ต่อแถวผ่าน ตม. เข้าประเทศเลย คิดยาวสุดๆฝรั่งมาเที่ยวเยอะมาก งานดีนะ บอกเลย ทั้ง ช และ ญ

ได้เหยียบแผ่นดินแล้วววววแบบถูกกฏหมายแล้ว บาหลีอันแหล้าร้อน เอะๆไม่ใช่ล่ะ 55+

มีพนักงานต้อนรับเต็มเลย จะไปไหนค่ะ รถส่วนตัว รถรับส่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะออกจากสนามบินไม่ได้ คนส่วนมากที่นี่พูดอังกฤษได้ครับ

ส่วน เดอะแก็งค์เรานั้น ได้เช่ารถตู้(ทัวร์พาเที่ยว รถมีหลายรุ่นให้เลือกนะครับสำหรับ 2-4 คนแบบนี้ก็มีครับ)พร้อมคนขับเป็นเวลา 4 วันในบาหลีและโปรแกรมที่จะไปสถานที่เที่ยวต่างๆเราสามารถวางแผนอยู่ไทยว่าอยากไปไหนแล้วทางรถเช่านั้นเขาจะวางแผนให้เราว่าควรไปไหนก่อน ไปวันไหนอะไรแบบนี้  เขาจะคิดในราคาเป็นวันนะครับ ทางผมที่เหมาทั้ง 4 วันนี้หมดไป 8700 บาทรวมน้ำมันแล้วนะครับ ซึ่งทริปนี้มี 7 คน ตกคนล่ะประมาณ 1250 บาท  สามารถจ่ายก่อนครึ่งหนึ่งได้ด้วยนะครับ ลองตกลงกับเขาได้เลยครับ ผู้นำทริปเราคนนี้คือ >>> FB:Tri Adnyana <<<  ติดต่อเขาทาง FB ได้เลยครับ  ชื่อเขาเรียกยากครับเป็นภาษาทางเขา ทางพวกเราผมเรียกเขาว่า   เนียวมัน   

นั่งกันครบแล้ว นี่ไงคนขับ 555+ สำหรับรถคันนี้นั่งได้ 9 คนเลยครับ ก็จะหารค่ารถถูกลงอีกครับ มาติดตามกันได้เลยครับว่าทริปที่เราไปคุ้มแค่ไหนกับเงิน 1250 บาท ที่เราเสียไปใน 4 วัน

เงินกองกลางครับ  สำหรับทริปนี้คนล่ะ 4 ล้าน...รูปเปียห์    รวยกันเลยทีเดียวถ้าหน่วยเป็นเป็นบาท เอาไว้จ่ายสำหรับค่ากิน ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เมื่อเราบินมาถึงที่นี่เที่ยง เราสอบถามร้านอาหารเลย ทางพี่เนียวมัน เขาพาไปจัดอาหารพื้นเมืองเลยทีเดียว เพราะเรารีเควสไปอาหารพื้นเมือง

นี่ไง....ถึงร้านแล้วววที่พี่เนียวมัน พามา

เดินเข้าไปในร้านกันเลย.

จัดไปเบียร์ท้องถิ่น บินตั่งดาวแดง 555+  ตั้งให้เอง คอแห้งพอดี

ไก่ย่างกับน้ำจิ้มเครื่องเทศ น้ำจิ้มอ่ะเผ็ดๆอร่อยดีครับ แต่ไก่น้อยไปหน่อยและแห้งไปนิดครับ

อันนี้ก็ปลาย่างเกลือครับคล้ายๆบ้านเรา แต่น้ำจิ้มใช้อันเดียวกัน อาหารอย่างอื่นก็จะมีข้าวผัด และ สเต็กไก่ซอสบาบีคิว

รูปรวมสั่งมาเต็มโต๊ะเลย

ค่าเสียหายก็ประมาณนี้ครับ 479000 รูเปียรห์ ประมาณ 1034 บาท

ต่อไปเราเที่ยว Lempuyang Temple  ซึ่งเป็นวัดที่วิวสวยมากและมีประตูที่สวยข้างหลังเห็นภูเขาไฟสุดอลังการด้วยจ้า แล้วเราก็มาถึงที่จอดรถ ซึ่งต้องเปลี่ยนรถขึ้นไปเพราะวัดนี้อยู่บนเขา 

นี่ไง รถกระป๋อ ขึ้นเขาของเรา ลุยได้เลยจ้า มีเสียค่ารถนิดหน่อยนะครับไม่แพงครับคิดเป็นหัวครับ

มาถึงข้างบนแล้วครับ เราต้องใส่โสร่งทับกางเกงเราครับ เสียค่าใช้จ่ายนะครับ ครับต้องใส่โสร่งทุกคนครับเป็นวัฒนธรรมในการเข้าวัดของที่นี่ครับ

เท่ห์ไหมล่ะครับบบบบ สวยไปอีกแบบ

เดินขึ้นเขาไปต่อครับ เพราะไม่ให้รถขึ้นไปครับ

ลุยต่อยาวไปปป 

ใกล้ล่ะ ใกล้ถึงล่ะ....

ถึงประตูทางเข้าแล้ว ถ้าอากาศร้อนนี่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันครับ พอดีผมมาช่วงบ่ายเย็นๆ

งามๆสักรูปหน่อยล่ะกัน

บรรยากาศภายในวัดครับ สวยงามกับสถาปัตยกรรมของประเทศอินโดนีเซียครับ

อย่ายิ้มให้พี่เขาเดี๋ยวโดนแอบถ่ายนะ

ใครแน่เจอได้.....ค๊า

อย่าไปยอมสีผมนี่กินขาดไปเลยยย

ขนาดคุกเข่ายังเท่ห์ขนาดนี้ ไก่ยังเดินตามเลยคิดดูสิ

ผู้พิทักษ์แห่งประตูเทพ

นี่ไงมุมมหาชน ดูแสงแดดกำลังสวยเลยครับ สายถ่ายอ่ะ เตรียมกล้องไปให้พร้อมเลยยย  เห็นคนกลางร่มไหมครับ นั่นคือคนที่จะถ่ายมุมสวยๆให้เราครับ แต่ต้องยื่นกล้องให้เขาครับ จะมีค่าถ่ายรูปคือให้บริจาคเอาครับแล้วแต่จะให้ 1 คนจะถ่ายได้ประมาณ 3 – 5 ท่า ถ่ายรวมก็ได้ครับแต่ต้องเร็วๆหน่อย รูปสวยไม่สวยอยู่ที่ดวงและตั้งค่ากล้องให้คนถ่ายนะครับ เขามีกระจกสะท้อนให้เราเลยครับ เหมือนคนอื่นๆที่ถ่ายจากที่นี่ไปคิดว่าถ่ายเหนือบนผิวน้ำ ที่แท้เป็นกระจกนะครับ

บอกเลยว่าคนเยอะมากนะครับบ พวกผมยืนรอเกือบครึ่ง ชม. กว่าจะได้ถ่าย ดูคิวสิ บอกเลยว่าคนถ่ายรวยเงินนี่เป็นกองเลยล่ะครับ

หามุมสวยๆถ่ายก่อนรอคิวครับ พระอาทิตย์ก็กำลังตกครับ 

นี่ไงครับ รูปที่เขาถ่ายให้ครับ ได้ไหมล่ะ......

พอถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็เดินลง แวะซื้อน้ำซื้อไรกินครับ มีร้านขายของเล็กๆข้างทางด้วยครับ

จัดไปจ้า เฮียเขาจะเหมาหมดตู้เลยหรอ ?? 

แสงได้มากกกก เห็นภูเขาไฟด้วยนะจ๊ะ ทางลง แนะนำมาช่วงบ่ายแก่ๆ

ไปที่พักกันเลยจ้า มืดแล้ว ถึงแล้ว ขอภาพสตรีทสักรูปติดภูเขาด้วยอ่ะ คือ ดีอ่ะ

ที่พักชื่อ Manik Garam Boutique Villa คืนล่ะ 900 บาท ต่อห้องต่อคืน  เข้าไป Check in เลยจ้า 
 
ไปห้องพักกันเลยย

ตกลงกันแป๊ป ใครจะเอาห้องไหน

เย็นแล้วววว หิวข้าววแล้วเว้ยยย จัดไปหน้า โรงแรมเหมือนมีบาร์เล็กๆ เลยไปจัดเลยร้านนี้ เพราะในระแวกนั้นไม่มีร้านอะไรเปิดเลย รถก็ไม่มีเพราะ พี่เนียวมันกลับแล้ว เขามารับ พรุ่งนี้เช้า

นี่ไงบาร์เล็กๆเปิดเพลงสากล EDM ด้วยนะ

จัดไปเมนูแรก เบอร์เกอร์ก็รสชาติธรรมดาครับ 

นี่ไง hot dog ดำ ดำจริงๆนะไม่รู้ทำจากเนื้ออะไรรสชาติไมได้แย่แบบหน้าตานะ แต่เพราะว่าก็ไม่มีไรกินอยู่ดี พวกเราก็กระหน่ำเบียร์และเฟรนฟราย  ให้อิ่มไปเลย ไปกินอาหารเช้าพรุ่งนี้แทน

ภาพตอนเช้าของโรงแรม สวยกว่าตอนกลางคืนเยอะ 555+

นี่ไงใครร้อนมาโดดน้ำได้ เสียดายไมได้ลง เพราะถึงดึกแล้ว และต้องออกแต่เช้า วิวทะเลด้วยนะ

ที่ทานข้าวเช้าจัดไป อาหารเช้าเบสิค ไส้กรอกไข่ดาวขนมปัง น้ำผลไม้

ตื่นๆๆเว้ยยยย เหมือนจะยังไม่ตื่น
มีให้ถ่ายรูปด้วยนะตรงริมทะเลอ่ะ ทรายดำ กับ เรือไม้เก๋ๆ

ทริปสำหรับวันนี้เราจะไป พระราชวังริมน้ำเตียร์ตา กังกา เป็นสวนสำราญริมน้ำของเหล่าราชาแห่งอาณาจักรการางาเซ็มในอดีต ภายในถูกออกแบบอย่างสวยงามทั้งสระน้ำและสระว่ายน้ำที่เชื่อมกับน้ำพุตามธรรมชาติ และแล้วเราก็มาถึง

บรรยากาศรอบๆก่อนเข้าไป

มีร้านขายของมากมาย และงูเหลือมตัวใหญ่สีเหลืองรอต้อนรับลูกค้า ^^

หิวน้ำหรือขนมจัดได้ตามสบายจ้า

เชิญทางนี้ค่ะ...ขอต้อนรับน้องๆทุกคนเลย