กาลครั้งหนึ่ง....
ครอบครัวเราเคยเป็นครอบครัวที่แสนสุข พ่อแม่ของเราถึงจะแต่งงานอยู่กินกันมาจนลูกโต แต่ก็ยังหยอกล้อเล่นกุ๊กกิ๊กจนหลายๆครอบครัวอิจฉา (พ่อเราเป็นคนพูดเพราะ ขี้เกรงใจและให้เกียรติคนอื่น ส่วนแม่นะนิสัยออกห่างไปนิดนึง) บ้านเรามีกิจการเป็นของตัวเอง คือขายอุปกรณ์การเกษตร ข้าวสาร และอาหารสัตว์ทุกชนิด มีฟาร์มเลี้ยงหมูเพราะพันธ์ลูกหมูขาย กิจการไปได้ดีมากๆ ได้กำไรวันละ 2-3 หมื่น (ในชนบทถือว่าดีมากๆ)
มาวันนึงถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต พ่อเราเริ่มมาอาการป่วยเเปลกประหลาด ที่ว่าแปลกคือ พ่อเรามีอาการเหนื่อย ใจสั่น สูบผอมลงทุนวัน ตาเหลือง ดูแล้วก็เหมือนคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่พอไปหาหมอ หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไรเลยทุกอย่างปกติ แม่พาพ่อไปหาหมอหลายโรงพยาบาลมากแทบจะทั่วทุกที่ในจังหวัดที่อยู่และจังหวัดใกล้เคียง แต่ที่หมอพูดเหมือนกันคือพ่อไม่ได้เป็นอะไรหมอให้แค่ยาบำรุงมาทาน อาการพ่อไม่ดีขึ้นเลยนับวันยิ่งแย่ลงเหมือนนอนรอความตาย และพักหลังๆ พ่อชอบพูดภาษาเขมร สวดอะไหล่ก็ไม่รู้ (ปกติพ่อเราสวดมนต์ไหว้พระไม่เป็นพ่ออ่านหนังสือไม่ค่อยเก่ง และไม่รู้ภาษาเขมรมาก่อน ) ที่พึ่งทางใจสุดท้ายคือการเข้าวัด การไปหาร่างทรงต่างๆ และสิ่งที่ทุกวัด ทุกที่ ทุกร่างทรงพูดเหมือนกันคือ พ่อโดนของ และทุกที่บอกเหมือนกันว่าของเขาแรงมากไม่สามารถเอาออกให้หมดได้ แม่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้อาการพ่อดีขึ้นแม่พาพ่อไปรักษาทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางไสยศาสตร์ วันแล้ววันเล่าอาการพ่อก็ไม่ดีขึ้นสักทีมีแต่แย่ลง วันที่เราเข้าวิทยาลัยเราได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งแม่ของเขาก็เป็นร่างทรงแม่ของเขาอาสามาดูอาการพ่อให้
(ขอเสริมนิดนึงในช่วงเวลาที่พ่อเราป่วยพ่อเราไม่สามารถเข้าวัดได้ เพราะมีอาการแสบร้อนเหมือนโดนไฟเผา กระวนกระวาย)
ในช่วงที่ร่างทรงทำพิธี พ่อเรามีอาการตาขวางพูดภาษาเขมร เจ็บปวด ร้องไห้ ร่างทรงคุยกับพ่อเป็นภาษาเขมร ได้ความประมาณว่าเจ้านายใช้ให้มาทำลายครอบครัวนี้เพราะไม่พอใจที่ครอบครัวนี้ค้าขายได้ดีเกินหน้าเกินตา ทั้งที่เขาขายของมาก่อน (พระ แม่ชี ร่างทรงทุกที่พูดเหมือนกันคือ คนที่ทำเป็นผู้หญิง อยู่หมู่บ้านเดียวกัน รู้จักกัน เปิดกิจการเหมือนกัน) เขาบอกว่าจะทำให้ครอบครัวนี้ล่มจม แตกแยก และเจ็บปวดที่สุด ที่จริงแล้วเขาสั่งให้มาทำใส่ผู้หญิง(ซึ่งหมายถึงแม่ของเรา) แต่มันจิตแข็งมาก ทำมันไม่ได้เลยมาทำไอ้นี่แทน หลังจากพูดจบร่างกายของพ่อเราก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น นั่นก็คือมียันต์เป็นรอยแดงรูปสามเหลี่ยมขึ้นมาบนหลังพ่อเรา แล้วมีอะไรก็ไม่รู้เคลื่อนไหวในผิวหนังของพ่อ ตอนนั้นมันทำให้พ่อเราเจ็บปวดทรมานมาก เรานั่งอยู่ตรงนั้นน้ำตาตกเลยสงสารจับใจ ร่างทรงทำพิธีต่อไปเหมือนสู้กันสักพักพ่อเราก็อาการสงบลง ความเจ็บปวดทุเลาลง พ่อมีสติขึ้นมาอีกครั้ง เสร็จพิธีแล้วร่างทรงกลับบ้านเขาบอกว่าคนที่ทำเก่งมาก ไม่สามารถเอาออกให้ได้หมด แต่สิ่งที่จะทำให้ดีขึ้นได้คือการอโหสิกรรม และตัวพ่อเองต้องเข้มแข็งทั้งกายและใจ พ่อเราเริ่มอาการดีขึ้นแต่ยังไม่หายขาด อาการแปลกๆจะกำเริบขึ้นทุกวันพระ แต่สิ่งที่แย่ลงคือกิจการต่างๆ เนื่องจากว่าปิดร้านบ่อยเพื่อรักษาอาการของพ่อลูกค้าก็หายหมด เงินหมดไปกับการรักษา ร้านเริ่มมีหนี้สินรุงรัง จะล้มละลาย แลเซ้งกิจการต่อให้คนอื่นในที่สุด ตอนนี้ทั้งบ้านรถที่ดินไม่เหลืออะไรสักอย่าง แม้แต่เงินติดตัว แม่พาเราและน้องกลับมาอยู่บ้านเกิด มาอาศัยอยู่กับป้าเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้ง พร้อมกับหนี้สินหลายล้านบาท เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็หลายปีแล้วแหละ ตอนนี้หนี้ก็ยังใช้ไม่หมด😂😂 เพราะไม่มีกำลังหา หลายครั้งที่คนในครอบครัวท้อแท้สิ้นหวัง แต่เราก็คอยให้กำลังใจกันและกัน ✌️✌️
แต่เรื่องยังไม่จบ ทุกอย่างมีเวลาของมัน หลายปีผ่านไปของไม่ดีทั้งหลายก็ค่อยๆเสื่อมไปตามกาลเวลา ของพวกนี้ถ้าอีกฝ่ายไม่โต้ตอบกลับ หมั่นทำบุญ หมั่นอโหสิกรรมของก็จะค่อยๆเสื่อมและย้อนเข้าตัวคนทำ เหตุผลนี้เองที่ทำให้คนที่ทำของสกปรก เริ่มทำใส่พ่อเราอีกครั้ง เมื่อต้นปี62นี้เอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ทำเพราะความแค้นแต่ทำไปเพราะของกำลังจะย้อนเข้าตัวเขา เขาจึงต้องผลักดันให้ของตีกลับมาหาครอบครัวเรา พ่อ เริ่มมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รุนแรงเหมือนครั้งแรก พระท่านจึงแนะนำให้ไปขอให้แม่หม้ายผัวตายแต่ยังไม่มีผัวใหม่ผูกแขนให้ 3 คน แล้วขอพรจากเขา ไปถวายสังฆทาน 3 วัด สิ่งสุดท้ายคือไปกราบขอพรและขอขมากรรมจากผู้ที่มีบุญคุณ พ่อกับแม่ทำตามที่พระท่านแนะนำพ่ออาการดีขึ้นจริงๆ แต่สิ่งที่แปลกเกิดขึ้นกับตัวเราแทนนั่นก็คือ เราฝันแปลกๆแล้วฝันเรื่องเดียวกันกับแม่ และฝันวันเดียวกัน เราได้ยินเสียงสวดมนต์แปลกๆในหูตลอดเวลา เราก้าวเท้าออกนอกบ้านนกตกลงมาตายต่อหน้าเรา เรารีดผ้าไฟฟ้าช็อตจนควัญขึ้น เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่ปรึกษาพระอาจารย์ พระท่านแนะนำให้เราไปถวายสังฆทาน 3 วัด สวดมนต์ภาวนาก่อนนอนทุกคืน ท่านบอกว่าเราจะเกิดอุบัติเหตุ จะเจ็บตัวเจ็บมากเจ็บน้อยยังไงก็ต้องเจ็บ วันต่อมาเจ็บจริงๆจ้า เราตกบันไดเกือบเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต การดีขึ้น เราก็ทำทุกอย่างตามที่พระท่านแนะนำแล้วเหตุการต่างๆก็เริ่มดีขึ้น ...
...เดือนพฤศจิกายน มีผู้หญิงคนหนึ่งมาสารภาพบาปกับพี่สาวพ่อว่า เขาเป็นคนพาคนนั้นไปทำของใส่พ่อเราเอง ของที่ทำเป็นของเขมร ค่าทำหลักแสน ทำใส่กระทงแล้วเอาไปไว้รอบทิศ เหตุผลที่ทำเพราะไม่พอใจที่พ่อค้าขายดีกว่าทั้งที่มาทีหลัง ที่ทำเพราะโกดที่โดนลูกค้าพูดจาเปรียบเทียบว่าร้านพ่อเราดีกว่า และที่สำคัญเขาไม่พอใจที่ลุงของเราซื้อที่ดินตัดหน้าเขาทั้งที่เขาเลงไว้แล้ว ละยังให้พ่อเราไปอยู่ตรงนั้นอีก....
ได้ฟังแล้วก็เจ็บนะ ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกัน จะทำกันได้ขนาดนี้...
เราและครอบครัวอโหสิกรรมให้กับทุกการกระทำของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวไม่อยากมีเวรกรรมต่อกัน หลังจากนี้ก็คงแล้วแต่เวรกรรมและบุญวาสนา สิ่งที่เราเชื่อมั่นเสมอคือเวรกรรมมีจริง ทุกอย่างมีเวลาของมัน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน
( เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ครอบครัวเราเจอมา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
อาจจะไม่ค่อยต่อเนื่อง เรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูก เพราะเพิ่งเขียนกระทู้เป็นครั้งแรก
และขอบคุณเพื่อนๆที่เสียเวลามาอ่านนะคะ🙏🙏🙏
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
กาลครั้งหนึ่ง....ครอบครัวเราเคยเป็นครอบครัวที่แสนสุข พ่อแม่ของเราถึงจะแต่งงานอยู่กินกันมาจนลูกโต แต่ก็ยังหยอกล้อเล่นกุ๊กกิ๊กจนหลายๆครอบครัวอิจฉา (พ่อเราเป็นคนพูดเพราะ ขี้เกรงใจและให้เกียรติคนอื่น ส่วนแม่นะนิสัยออกห่างไปนิดนึง) บ้านเรามีกิจการเป็นของตัวเอง คือขายอุปกรณ์การเกษตร ข้าวสาร และอาหารสัตว์ทุกชนิด มีฟาร์มเลี้ยงหมูเพราะพันธ์ลูกหมูขาย กิจการไปได้ดีมากๆ ได้กำไรวันละ 2-3 หมื่น (ในชนบทถือว่าดีมากๆ)มาวันนึงถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต พ่อเราเริ่มมาอาการป่วยเเปลกประหลาด ที่ว่าแปลกคือ พ่อเรามีอาการเหนื่อย ใจสั่น สูบผอมลงทุนวัน ตาเหลือง ดูแล้วก็เหมือนคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่พอไปหาหมอ หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไรเลยทุกอย่างปกติ แม่พาพ่อไปหาหมอหลายโรงพยาบาลมากแทบจะทั่วทุกที่ในจังหวัดที่อยู่และจังหวัดใกล้เคียง แต่ที่หมอพูดเหมือนกันคือพ่อไม่ได้เป็นอะไรหมอให้แค่ยาบำรุงมาทาน อาการพ่อไม่ดีขึ้นเลยนับวันยิ่งแย่ลงเหมือนนอนรอความตาย และพักหลังๆ พ่อชอบพูดภาษาเขมร สวดอะไหล่ก็ไม่รู้ (ปกติพ่อเราสวดมนต์ไหว้พระไม่เป็นพ่ออ่านหนังสือไม่ค่อยเก่ง และไม่รู้ภาษาเขมรมาก่อน ) ที่พึ่งทางใจสุดท้ายคือการเข้าวัด การไปหาร่างทรงต่างๆ และสิ่งที่ทุกวัด ทุกที่ ทุกร่างทรงพูดเหมือนกันคือ พ่อโดนของ และทุกที่บอกเหมือนกันว่าของเขาแรงมากไม่สามารถเอาออกให้หมดได้ แม่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้อาการพ่อดีขึ้นแม่พาพ่อไปรักษาทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางไสยศาสตร์ วันแล้ววันเล่าอาการพ่อก็ไม่ดีขึ้นสักทีมีแต่แย่ลง วันที่เราเข้าวิทยาลัยเราได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งแม่ของเขาก็เป็นร่างทรงแม่ของเขาอาสามาดูอาการพ่อให้(ขอเสริมนิดนึงในช่วงเวลาที่พ่อเราป่วยพ่อเราไม่สามารถเข้าวัดได้ เพราะมีอาการแสบร้อนเหมือนโดนไฟเผา กระวนกระวาย)ในช่วงที่ร่างทรงทำพิธี พ่อเรามีอาการตาขวางพูดภาษาเขมร เจ็บปวด ร้องไห้ ร่างทรงคุยกับพ่อเป็นภาษาเขมร ได้ความประมาณว่าเจ้านายใช้ให้มาทำลายครอบครัวนี้เพราะไม่พอใจที่ครอบครัวนี้ค้าขายได้ดีเกินหน้าเกินตา ทั้งที่เขาขายของมาก่อน (พระ แม่ชี ร่างทรงทุกที่พูดเหมือนกันคือ คนที่ทำเป็นผู้หญิง อยู่หมู่บ้านเดียวกัน รู้จักกัน เปิดกิจการเหมือนกัน) เขาบอกว่าจะทำให้ครอบครัวนี้ล่มจม แตกแยก และเจ็บปวดที่สุด ที่จริงแล้วเขาสั่งให้มาทำใส่ผู้หญิง(ซึ่งหมายถึงแม่ของเรา) แต่มันจิตแข็งมาก ทำมันไม่ได้เลยมาทำไอ้นี่แทน หลังจากพูดจบร่างกายของพ่อเราก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น นั่นก็คือมียันต์เป็นรอยแดงรูปสามเหลี่ยมขึ้นมาบนหลังพ่อเรา แล้วมีอะไรก็ไม่รู้เคลื่อนไหวในผิวหนังของพ่อ ตอนนั้นมันทำให้พ่อเราเจ็บปวดทรมานมาก เรานั่งอยู่ตรงนั้นน้ำตาตกเลยสงสารจับใจ ร่างทรงทำพิธีต่อไปเหมือนสู้กันสักพักพ่อเราก็อาการสงบลง ความเจ็บปวดทุเลาลง พ่อมีสติขึ้นมาอีกครั้ง เสร็จพิธีแล้วร่างทรงกลับบ้านเขาบอกว่าคนที่ทำเก่งมาก ไม่สามารถเอาออกให้ได้หมด แต่สิ่งที่จะทำให้ดีขึ้นได้คือการอโหสิกรรม และตัวพ่อเองต้องเข้มแข็งทั้งกายและใจ พ่อเราเริ่มอาการดีขึ้นแต่ยังไม่หายขาด อาการแปลกๆจะกำเริบขึ้นทุกวันพระ แต่สิ่งที่แย่ลงคือกิจการต่างๆ เนื่องจากว่าปิดร้านบ่อยเพื่อรักษาอาการของพ่อลูกค้าก็หายหมด เงินหมดไปกับการรักษา ร้านเริ่มมีหนี้สินรุงรัง จะล้มละลาย แลเซ้งกิจการต่อให้คนอื่นในที่สุด ตอนนี้ทั้งบ้านรถที่ดินไม่เหลืออะไรสักอย่าง แม้แต่เงินติดตัว แม่พาเราและน้องกลับมาอยู่บ้านเกิด มาอาศัยอยู่กับป้าเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้ง พร้อมกับหนี้สินหลายล้านบาท เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็หลายปีแล้วแหละ ตอนนี้หนี้ก็ยังใช้ไม่หมด😂😂 เพราะไม่มีกำลังหา หลายครั้งที่คนในครอบครัวท้อแท้สิ้นหวัง แต่เราก็คอยให้กำลังใจกันและกัน ✌️✌️แต่เรื่องยังไม่จบ ทุกอย่างมีเวลาของมัน หลายปีผ่านไปของไม่ดีทั้งหลายก็ค่อยๆเสื่อมไปตามกาลเวลา ของพวกนี้ถ้าอีกฝ่ายไม่โต้ตอบกลับ หมั่นทำบุญ หมั่นอโหสิกรรมของก็จะค่อยๆเสื่อมและย้อนเข้าตัวคนทำ เหตุผลนี้เองที่ทำให้คนที่ทำของสกปรก เริ่มทำใส่พ่อเราอีกครั้ง เมื่อต้นปี62นี้เอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ทำเพราะความแค้นแต่ทำไปเพราะของกำลังจะย้อนเข้าตัวเขา เขาจึงต้องผลักดันให้ของตีกลับมาหาครอบครัวเรา พ่อ เริ่มมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รุนแรงเหมือนครั้งแรก พระท่านจึงแนะนำให้ไปขอให้แม่หม้ายผัวตายแต่ยังไม่มีผัวใหม่ผูกแขนให้ 3 คน แล้วขอพรจากเขา ไปถวายสังฆทาน 3 วัด สิ่งสุดท้ายคือไปกราบขอพรและขอขมากรรมจากผู้ที่มีบุญคุณ พ่อกับแม่ทำตามที่พระท่านแนะนำพ่ออาการดีขึ้นจริงๆ แต่สิ่งที่แปลกเกิดขึ้นกับตัวเราแทนนั่นก็คือ เราฝันแปลกๆแล้วฝันเรื่องเดียวกันกับแม่ และฝันวันเดียวกัน เราได้ยินเสียงสวดมนต์แปลกๆในหูตลอดเวลา เราก้าวเท้าออกนอกบ้านนกตกลงมาตายต่อหน้าเรา เรารีดผ้าไฟฟ้าช็อตจนควัญขึ้น เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่ปรึกษาพระอาจารย์ พระท่านแนะนำให้เราไปถวายสังฆทาน 3 วัด สวดมนต์ภาวนาก่อนนอนทุกคืน ท่านบอกว่าเราจะเกิดอุบัติเหตุ จะเจ็บตัวเจ็บมากเจ็บน้อยยังไงก็ต้องเจ็บ วันต่อมาเจ็บจริงๆจ้า เราตกบันไดเกือบเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต การดีขึ้น เราก็ทำทุกอย่างตามที่พระท่านแนะนำแล้วเหตุการต่างๆก็เริ่มดีขึ้น ......เดือนพฤศจิกายน มีผู้หญิงคนหนึ่งมาสารภาพบาปกับพี่สาวพ่อว่า เขาเป็นคนพาคนนั้นไปทำของใส่พ่อเราเอง ของที่ทำเป็นของเขมร ค่าทำหลักแสน ทำใส่กระทงแล้วเอาไปไว้รอบทิศ เหตุผลที่ทำเพราะไม่พอใจที่พ่อค้าขายดีกว่าทั้งที่มาทีหลัง ที่ทำเพราะโกดที่โดนลูกค้าพูดจาเปรียบเทียบว่าร้านพ่อเราดีกว่า และที่สำคัญเขาไม่พอใจที่ลุงของเราซื้อที่ดินตัดหน้าเขาทั้งที่เขาเลงไว้แล้ว ละยังให้พ่อเราไปอยู่ตรงนั้นอีก....ได้ฟังแล้วก็เจ็บนะ ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกัน จะทำกันได้ขนาดนี้...เราและครอบครัวอโหสิกรรมให้กับทุกการกระทำของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวไม่อยากมีเวรกรรมต่อกัน หลังจากนี้ก็คงแล้วแต่เวรกรรมและบุญวาสนา สิ่งที่เราเชื่อมั่นเสมอคือเวรกรรมมีจริง ทุกอย่างมีเวลาของมัน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน( เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ครอบครัวเราเจอมา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)อาจจะไม่ค่อยต่อเนื่อง เรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูก เพราะเพิ่งเขียนกระทู้เป็นครั้งแรก