มาแชร์เรื่องน่าเศร้าของการทำงาน ปี 2562 กันค่ะ

เอาของ จขกท.ก่อนเลยค่ะ

ฟาดเคราะห์แรงมากทีเดียว
สั่งงานผิด....
สดๆร้อนๆเลยค่ะ วันนี้ ต้องใช้เงินในการแก้ปัญหาไป 4,000.- กว่าบาท

ยังไม่รวมต้องโดนเจ้านายเรียกไปด่าอีกชั่วโมงกว่าๆ.....

สมควรโดนมั้ย...สมควรค่ะ


มาค่ะ มีใครให้เจ็บกว่านี้มั้ยคะ รออ่านเลย

อย่าสมน้ำหน้ากันเลยนะคะ😢😢😢
แค่นี้ก้อบอบช้ำจะแย่แล้วค่ะ

ไม่รู้จะอะไรยังไงเลยค่ะ


หาเพื่อนร่วมชะตากรรม.....
อยากอ่านอะไรที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแค่นั้นเองค่ะ😭😭
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 76
เราต้องกลายเป็นคนร่างกายไม่ปกติเพราะ....

ยาวหน่อยเพราะมันคงเป็นปีที่แย่ที่สุดของเราเลย😂
เราทำงานเป็นแคชเชียร์ของร้านอาหาร ปกติผู้จัดการจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยตอนเช้าผจก.จะเข้าไปบ้านเจ้านายเพื่อเอาเงินมาซื้อของหรือใช้จ่ายต่างๆ บางครั้งก็เป็นเราถ้าผจก.ไม่ว่าง  ส่วนเจ้านายจะรับผิดชอบแค่เรื่องเงิน
วันที่เกิดเรื่อง เจ้านายโทร.มาบอกให้เราขับรถไปเอาเงินที่บ้านเจ้านายไปจ่ายค่าไฟ  และต้องไปในวันนั้นเพราะมันเป็นวันสุดท้ายถ้าไม่จ่ายคือโดนตัดไฟ (เราก็งงนะบิลมาตั้งนานแล้วทำไมเขาไม่ไปจ่าย😅) ปกติผจก.จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ แต่วันนั้นผจก.ตื่นสายเลยไม่ได้เข้าไปบ้านเจ้านาย เจ้านายดูกล้องวงจรปิดแล้วเห็นว่าเราทำงานอยู่เลยให้เราไปแทน วันนั้นเรารู้สึกไม่ค่อยสบายด้วยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ขาไปปกติ แต่ขากลับมันมีรถยนต์เลี้ยวตัดหน้าเรา เราเบรคเพื่อไม่ให้ชนรถคันนั้น แล้วรถก็ล้มลง ร่างกายเราไม่มีแผลหรือรอยช้ำอะไรเลย เพราะเราเซฟตัวเองพอสมควรทั้งหมวกทั้งเครื่องแต่งกาย แล้วก็ขับแค่40-50(รถแถวนั้นเยอะเราไม่กล้าขับเร็ว) เราพยายามจะไม่ประมาท แต่เราบอกห้ามคนอื่นไม่ประมาทไม่ได้ พอเราล้มก็มีคนแถวนั้นมาช่วยพยุง ส่วนรถที่ตัดหน้าก็ขับไปแล้ว คงไม่รู้ด้วยว่าเราล้ม  เรากำลังจะลุกขึ้นแต่มันลุกไม่ไหว ระหว่างรอรถกู้ภัยเราก้โทร.บอกพี่ที่ร้านว่าเรารถล้ม ให้มาเอาค่าไฟไปจ่ายแทนเราที ตอนนั้นเราปวดขาข้างขวามาก พอเรามองดูขาตัวเอง ทีแรกเรานึกว่าหัวเข่ามันคงจะบิดเลยทำให้ขาผิดรูป  แต่พอไปถึงรพ.หมอเอ็กซเรย์พบว่ากระดูกเราแตกครึ่งซีกเลย เราต้องผ่าตัดใส่เหล็ก วันนั้นเจ้านายไปถามข่าวเราจากพี่ที่ร้านว่าเป็นไงบ้าง เจ้านายบอกว่าเดี๋ยวจะเข้ามาเยี่ยม เรานอนรอผ่าตัด1อาทิตย์ แล้วพักฟื้นที่รพ.อีก1อาทิตย์ ระหว่างนั้นเราไม่เห็นหน้าเจ้านายเลย มีแต่พี่ที่ทำงานมาเยี่ยม จนวันสุดท้ายที่เราจะออกจากรพ. เราพึ่งเห็นผู้จัดการถือกระเช้าแบรนด์สีเขียวราคา500+ มาให้แล้วบอกว่า"พึ่งมีเวลา" ค่ารักษาตัวของเราที่อยู่รพ.ทั้งหมด67,770บาท ดีที่มีพรบ.รถกับสิทธิ์บัตรทอง ไม่งั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินก้อนขนาดนี้มาจากไหน เพราะที่ร้านไม่มีสวัสดิการอะไรเลย เงินเดือนๆละ8,000บาท  แม่เราบอกว่าถ้าไม่มีจริงๆก็คงต้องขายนามาจ่าย แต่นี่ถือว่าเป็นความโชคดีในเหตุการครั้งนี้ เราออกมาพักฟื้นที่บ้านอยู่แบบคนพิการเดินไม่ได้3เดือน ตอนนี้5เดือนแล้วเราพอเดินได้บ้าง(เดินแบบคนขาเป๋😂)แต่ยังปวดขาอยู่ ไม่รู้จะกลับมาเดินได้แบบคนปกติเมื่อไหร่ เราอยู่กับแม่แค่2คน ค่าใช้จ่ายเลยไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็กลายเป็นขาดรายได้ไปเลย เราพึ่งมารับรู้ถึงความรักของแม่ก็ครั้งนี้แหละ ในวันที่เราเจ็บที่สุดหันไปก้เจอแต่แม่ ช่วงเวลาที่เราเจ็บทรมานเราจับมือแม่แล้วร้องไห้ มันทำให้อาการพวกนั้นทุเลาขึ้นมามากเลย พูดให้กำลังใจเราตลอด "เดี๋ยวก็หาย,เดี๋ยวก็เดินได้ปกติ,ไม่มีอะไรหล่อก" มีแต่คำพูดที่ทำให้เรารู้สึกดี มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งชีวิตเราไม่สามารถลืมได้เลย

เราฝันว่าจะทำงานหาเงินเรียนต่อเอง เราเลยยังไม่เรียนต่อหยุดทำงาน1ปี แต่ตอนนี้ก็คงต้องเลื่อนไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่😅

นี่มั้งเรื่องหน้าเศร้าของการทำงานปี2562ของเรา😂
ความคิดเห็นที่ 3
เกลียดขี้หน้ามนุษย์ป้า  แต่ต้องร่วมงานด้วย  ฮ่าๆ  
ที่เกลียดเพราะแกเอาแต่ใจ  ไม่ฟังเหตุผล  
แต่ก็ปลงๆ ละ เพราะรุ่นแม่ละ  

รับผิดชอบงานเยอะมาก   ยังค้างงานใหญ่ๆ อยู่ 2 งาน  เอาว่าปีหน้าค่อยทำต่อ
หรือจะไปเริ่มที่ใหม่  หรือจะกลับไปดำเนินชีวิตบ้านนอกดี  
เพราะผมคิดๆ แล้วว่า  เราทิ้งเวลาเกือบค่อนชีวิต  มารับใช้คนที่ไม่รู้จัก    
เพื่อแลกค่าตอบแทน 3-4 หมื่น  บริษัทก็ไม่ได้เห็นค่าอะไรเราหรอก
วันไหนเราทำงานไม่ได้  หรือเกษียณไป  เขาก็ลืม  มันไม่มีบุญคุณอะไรหรอก
จึงคิดว่าเอาเวลาที่มีไปใช้กับพ่อแม่ดีกว่า  เพราะไม่ยากกลับไปในวันที่ไม่มีพวกเขาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่