ผาหินกูบ บอกตามตรงไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนี้ จนได้เจอคลิปรายการ Navigator ของพี่ติ๊ก
รายการได้เล่าถึงเส้นทางการเดินที่สุดลำบากกว่าจะพาตัวเองขึ้นไปยังยอดด้านบนของผาได้ มันเป็นอะไรที่ท้าทายผมมาก และรู้สึกว่าต้องไปสัมผัสอารมณ์นั้นให้ได้ ทริปการเดินทางครั้งนี้เลยเริ่มต้นขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
ปกติผมจะไปคนเดียว เพราะเราจัดการเวลาได้ง่าย แต่ถ้าได้ไปหลายคนก็ดูเป็นเรื่องสนุกเหมือนกัน ในตอนนั้นรวบรวมคนขึ้นผาได้ 7 คน แต่พอวันจริงก็ลดลงเหลือแค่ 3 คน ก็นะ...ผมเชื่อว่า ความสนุกไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่มันอยู่ที่สิ่งที่เราพบเจอระหว่างทางต่างหาก ทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่าครับ
เราออกเดินทางกันเวลาประมาณตี 4.30 น. จากขลบุรี เดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว โดยไปถึงจุดรวมพลตอนประมาณ 8.30 น. จ่ายเงินค่าเดินทางคนละ 300 บาท แล้วก็เตรียมเดินทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่ได้เลย
ข้อมูล
- ผาหินกูบ เปิดให้ขึ้นทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าจะไปต้องโทรจองก่อนนะครับ จองล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ก็ดีเพราะจำกัดคนขึ้น
- หากอยากได้ลูกหาบให้แจ้งตอนโทรจองนะครับ ถ้าไม่ได้จองไว้คงต้องแบกขึ้นเอง บอกเลยว่าเหนื่อยมากๆ
- ข้างบนมีน้ำจากลำธารให้กรอก สองจุด จุดแรกที่หินแปดเหลี่ยม จุดที่สองคือบนผา
- อาบน้ำ เปิดโล่งครับ เอาตะเกียงไปตั้งแล้วอาบตรงจุดกรอกน้ำได้เลย ถ้าอายให้หาจังหวะไม่มีคนนะ ตัวเลือกที่สองคือทิชชู่เปียก
- ห้องน้ำเป็นแบบ Forest Bush หามุมสงบนั่งปลดทุกข์อย่างสบายใจ
- ล้างจานที่เดียวกันหมด ตรงจุดกรอกน้ำ
- ไม่มีลานกางเต็นท์ ต้องไปหาทำเลแล้วจับจองกันเอาเอง ส่วนมากจะเน้นเปล ทาร์ปกันลม สะดวกกว่า หรือจะพก ground sheet, fly sheet, ถุงนอน ไปก็ได้ครับ น้ำหนักก็จะเบาลงจากเต็นท์ทั้งหลังหน่อย ***ตรงผาไม่อนุญาตให้นอน ไว้ถ่ายรูปดูวิว***
- ปวดขานะ อย่าลืมพกยาคลายกล้ามเนื้อล่ะ
- เจ้าหน้าที่จะเริ่มเดินช่วง 9.00 น. หรืออาจจะเร็วกว่านิดหน่อย ทางค่อนข้างชัดสามารถเดินเองได้ แต่ต้องให้ จนท เดินนำล่วงหน้าไปก่อน
เพิ่มเติมยังไงก็ลองสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ดูอีกทีนะครับ
หมายเหตุ หน้าหนาวไม่พบทาก แต่จะเจอเห็บ และ ผึ้ง ซึ่งผึ้งมันไม่ต่อยนะ แต่จะตอมจนรำคาญเลยล่ะ
ขอให้สนุกกับการตามไปเที่ยว

เริ่มต้นการเดินทางพร้อมกับที่นอน และอาหาร

ทางเข้า ช่างแสนอบอุ่น มองเห็นชัดแค่ป้าย มองลึกเข้าไปคือป่าและทางเดินอันน้อยๆ ตื่นเต้นมากจนลืมถ่ายป้ายทางเข้า

สัญญาณโทรศัพท์นี่มาๆหายๆนะ แต่ถ้าบนผาหินกูบจะเล่นได้ปกติ เมื่อไม่มีเน็ตก็เดินต่อแล้วกัน

ช่วงแรกก็จะฟิตถ่ายรูปนิดนึง

ใบไม้ ใบหญ้า

เริ่มเจอลำธารแสดงว่าใกล้ถึงจุดพักที่หนึ่งแล้ว

จุดพักที่หนึ่ง ลำธาร พักให้หายเหนื่อยก่อนเลยเพราะจากคำบอกเล่าตรงนี้เพิ่งประมาณ 2.5 กิโลเมตร จากทั้งหมด 8 กิโลเมตร

ต้นไม้มักจะสูงเพื่อเข้าแสง

เริ่มไม่ค่อยได้ถ่ายรูป มาอีกทีคือเจอจุดพักที่ 2 หินแปดเหลี่ยม ตั้งแต่ต้นทางมาตรงนี้ก็ประมาณ 5 กิโล บอกเลยว่าหลังจากนี้คือของจริง

พักกินข้าวเที่ยงตรงนี้

คนเค้ามาพักกันตรงนี้เพื่อรอเดินทางต่อ

นี่คือเป้ของลูกหาบ ไม่แพงก็ช่วยเหลือคนได้

พ้นจากจุดพักไป ทางจะเริ่มชันมากๆ มองจากตรงนี้คือพื้นสูงขึ้นมาถึงแนวสายตา ในระยะไม่กี่เมตร

500 เมตรเป็นต้องพัก เหนื่อยยยย

ชันได้อีกนะ อย่าเพิ่งท้อ

เดินมาได้ 1.1 กิโล ถึงจุดพักที่ 3 หินแหลม จุดนี้ประมาณบ่ายสอง

เห็นไผ่เมื่อไรเหลืออีกแค่ 20% ระยะเหรอ
ป่าวว กำลังขาผมเนี่ย พักถี่กว่าเดิม

ความบันเทิงในการใช้เชือกระหว่างทางก็มา สนุกๆแต่ต้องกำแน่นๆหน่อย ออกจะอันตรายเบาๆ

ถึงถ้ำแล้วก็ดีใจได้เลย อีกไม่เกิน 1 กิโลก็ถึงยอดแล้ว ตรงนี้สัก 90% ของระยะทางทั้งหมดแล้ว

บริเวณนี้มีลมเย็นพักเข้ามาเป็นจังหวะ เหมาะแก่การนั่งพักถ่ายรูปเล่นจริงๆ

ถึงแล้ววววว หาทำเลจับจองที่พักก่อนเลย ของผมตรงนี้เป็นขอบผานิดๆ พอมีพื้นที่ให้กาง Fly sheet ได้ตัวนึง

วิวหน้าที่พักก็จะประมาณนี้

ค่อนข้างริมผาเลย ผูกเชือกดีๆก็ไม่ต้องกลัวตกแล้ว

นอนพักเอาแรงจะได้ลงไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ผาด้านล่าง

16.30 น. สวัสดีผาหินกูบ

ผาสวยมากแต่ก็แอบน่ากลัว ชะโงกหน้ามองก็เหวดีๆนี่เอง

ชาวต่างชาติก็มานะครับ เก่งมาก

ขาตาย พูดเลย

ตรงนี้เดินลงมาจากผาหินกูบเล็กน้อย แล้วก็ปีนป่ายอีกหน่อย ก็จะเจอผาหมี ได้วิวแบบ 360 องศา

ตรงนี้หากลมแรงมากๆ จนท จะไม่ให้ขึ้นเพราะเสี่ยงตกผา

เนี่ย ลักษณะของ ผาหมี จะเป็นแบบนี้

พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า

ยังพอถ่ายเงาได้

เอาเข้าจริงๆ พวกเรารีบกลับมากินข้าว แล้วไปอาบน้ำก่อนเลยเพราะเหนียวตัวจากการเดินทางมาทั้งวัน
กลางคืนก็แวะไปนอนดูดาวอีกสักรอบที่ผาหินกูบ ละค่อยกลับเข้ามานอน

สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ

ตื่นเช้าเพื่อจะได้มานั่งดูวิวพระอาทิตย์ขึ้น แต่ที่นั่ง VIP เต็มแล้วจ้า

ขึ้นมาเป็นดวงแล้ว

เก็บภาพความประทับใจกัน

กล้องแบตหมดตั้งแต่เมื่อคืน จบเลย

ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ กูบหลังช้าง มาตอนเช้าลมแรงมากๆ เสียวจริง แนะนำให้ขึ้นช่วงสายๆ ลมเบากว่า

จุดสูงสุดของทริปนี้

ใครมาถึงจันทบุรีและเป็นสายเดินป่า เดินเขา ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนผาหินกูบแห่งนี้ครับ ถึงจะยอดไม่สูงแต่เรื่องความยากในการเดินคงไม่เป็นสองรองใคร สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ ซึ่งเราเลือกเดินทางด้วยรถส่วนตัว ทริป 2 วัน 1 คืน ตกคนละประมาณ 830 บาท
ลาด้วยภาพนีนะ แล้วพบกันทริปหน้าครับ
สวัสดี
ผาหินกูบ...ครั้งหนึ่งไปให้ได้จดจำ
รายการได้เล่าถึงเส้นทางการเดินที่สุดลำบากกว่าจะพาตัวเองขึ้นไปยังยอดด้านบนของผาได้ มันเป็นอะไรที่ท้าทายผมมาก และรู้สึกว่าต้องไปสัมผัสอารมณ์นั้นให้ได้ ทริปการเดินทางครั้งนี้เลยเริ่มต้นขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
ปกติผมจะไปคนเดียว เพราะเราจัดการเวลาได้ง่าย แต่ถ้าได้ไปหลายคนก็ดูเป็นเรื่องสนุกเหมือนกัน ในตอนนั้นรวบรวมคนขึ้นผาได้ 7 คน แต่พอวันจริงก็ลดลงเหลือแค่ 3 คน ก็นะ...ผมเชื่อว่า ความสนุกไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่มันอยู่ที่สิ่งที่เราพบเจอระหว่างทางต่างหาก ทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่าครับ
เราออกเดินทางกันเวลาประมาณตี 4.30 น. จากขลบุรี เดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว โดยไปถึงจุดรวมพลตอนประมาณ 8.30 น. จ่ายเงินค่าเดินทางคนละ 300 บาท แล้วก็เตรียมเดินทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่ได้เลย
ข้อมูล
- ผาหินกูบ เปิดให้ขึ้นทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าจะไปต้องโทรจองก่อนนะครับ จองล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ก็ดีเพราะจำกัดคนขึ้น
- หากอยากได้ลูกหาบให้แจ้งตอนโทรจองนะครับ ถ้าไม่ได้จองไว้คงต้องแบกขึ้นเอง บอกเลยว่าเหนื่อยมากๆ
- ข้างบนมีน้ำจากลำธารให้กรอก สองจุด จุดแรกที่หินแปดเหลี่ยม จุดที่สองคือบนผา
- อาบน้ำ เปิดโล่งครับ เอาตะเกียงไปตั้งแล้วอาบตรงจุดกรอกน้ำได้เลย ถ้าอายให้หาจังหวะไม่มีคนนะ ตัวเลือกที่สองคือทิชชู่เปียก
- ห้องน้ำเป็นแบบ Forest Bush หามุมสงบนั่งปลดทุกข์อย่างสบายใจ
- ล้างจานที่เดียวกันหมด ตรงจุดกรอกน้ำ
- ไม่มีลานกางเต็นท์ ต้องไปหาทำเลแล้วจับจองกันเอาเอง ส่วนมากจะเน้นเปล ทาร์ปกันลม สะดวกกว่า หรือจะพก ground sheet, fly sheet, ถุงนอน ไปก็ได้ครับ น้ำหนักก็จะเบาลงจากเต็นท์ทั้งหลังหน่อย ***ตรงผาไม่อนุญาตให้นอน ไว้ถ่ายรูปดูวิว***
- ปวดขานะ อย่าลืมพกยาคลายกล้ามเนื้อล่ะ
- เจ้าหน้าที่จะเริ่มเดินช่วง 9.00 น. หรืออาจจะเร็วกว่านิดหน่อย ทางค่อนข้างชัดสามารถเดินเองได้ แต่ต้องให้ จนท เดินนำล่วงหน้าไปก่อน
เพิ่มเติมยังไงก็ลองสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ดูอีกทีนะครับ
หมายเหตุ หน้าหนาวไม่พบทาก แต่จะเจอเห็บ และ ผึ้ง ซึ่งผึ้งมันไม่ต่อยนะ แต่จะตอมจนรำคาญเลยล่ะ
ขอให้สนุกกับการตามไปเที่ยว
เริ่มต้นการเดินทางพร้อมกับที่นอน และอาหาร
ทางเข้า ช่างแสนอบอุ่น มองเห็นชัดแค่ป้าย มองลึกเข้าไปคือป่าและทางเดินอันน้อยๆ ตื่นเต้นมากจนลืมถ่ายป้ายทางเข้า
สัญญาณโทรศัพท์นี่มาๆหายๆนะ แต่ถ้าบนผาหินกูบจะเล่นได้ปกติ เมื่อไม่มีเน็ตก็เดินต่อแล้วกัน
ช่วงแรกก็จะฟิตถ่ายรูปนิดนึง
ใบไม้ ใบหญ้า
เริ่มเจอลำธารแสดงว่าใกล้ถึงจุดพักที่หนึ่งแล้ว
จุดพักที่หนึ่ง ลำธาร พักให้หายเหนื่อยก่อนเลยเพราะจากคำบอกเล่าตรงนี้เพิ่งประมาณ 2.5 กิโลเมตร จากทั้งหมด 8 กิโลเมตร
ต้นไม้มักจะสูงเพื่อเข้าแสง
เริ่มไม่ค่อยได้ถ่ายรูป มาอีกทีคือเจอจุดพักที่ 2 หินแปดเหลี่ยม ตั้งแต่ต้นทางมาตรงนี้ก็ประมาณ 5 กิโล บอกเลยว่าหลังจากนี้คือของจริง
พักกินข้าวเที่ยงตรงนี้
คนเค้ามาพักกันตรงนี้เพื่อรอเดินทางต่อ
นี่คือเป้ของลูกหาบ ไม่แพงก็ช่วยเหลือคนได้
พ้นจากจุดพักไป ทางจะเริ่มชันมากๆ มองจากตรงนี้คือพื้นสูงขึ้นมาถึงแนวสายตา ในระยะไม่กี่เมตร
500 เมตรเป็นต้องพัก เหนื่อยยยย
ชันได้อีกนะ อย่าเพิ่งท้อ
เดินมาได้ 1.1 กิโล ถึงจุดพักที่ 3 หินแหลม จุดนี้ประมาณบ่ายสอง
เห็นไผ่เมื่อไรเหลืออีกแค่ 20% ระยะเหรอ
ป่าวว กำลังขาผมเนี่ย พักถี่กว่าเดิม
ความบันเทิงในการใช้เชือกระหว่างทางก็มา สนุกๆแต่ต้องกำแน่นๆหน่อย ออกจะอันตรายเบาๆ
ถึงถ้ำแล้วก็ดีใจได้เลย อีกไม่เกิน 1 กิโลก็ถึงยอดแล้ว ตรงนี้สัก 90% ของระยะทางทั้งหมดแล้ว
บริเวณนี้มีลมเย็นพักเข้ามาเป็นจังหวะ เหมาะแก่การนั่งพักถ่ายรูปเล่นจริงๆ
ถึงแล้ววววว หาทำเลจับจองที่พักก่อนเลย ของผมตรงนี้เป็นขอบผานิดๆ พอมีพื้นที่ให้กาง Fly sheet ได้ตัวนึง
วิวหน้าที่พักก็จะประมาณนี้
ค่อนข้างริมผาเลย ผูกเชือกดีๆก็ไม่ต้องกลัวตกแล้ว
นอนพักเอาแรงจะได้ลงไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ผาด้านล่าง
16.30 น. สวัสดีผาหินกูบ
ผาสวยมากแต่ก็แอบน่ากลัว ชะโงกหน้ามองก็เหวดีๆนี่เอง
ชาวต่างชาติก็มานะครับ เก่งมาก
ขาตาย พูดเลย
ตรงนี้เดินลงมาจากผาหินกูบเล็กน้อย แล้วก็ปีนป่ายอีกหน่อย ก็จะเจอผาหมี ได้วิวแบบ 360 องศา
ตรงนี้หากลมแรงมากๆ จนท จะไม่ให้ขึ้นเพราะเสี่ยงตกผา
เนี่ย ลักษณะของ ผาหมี จะเป็นแบบนี้
พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
ยังพอถ่ายเงาได้
เอาเข้าจริงๆ พวกเรารีบกลับมากินข้าว แล้วไปอาบน้ำก่อนเลยเพราะเหนียวตัวจากการเดินทางมาทั้งวัน
กลางคืนก็แวะไปนอนดูดาวอีกสักรอบที่ผาหินกูบ ละค่อยกลับเข้ามานอน
สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ
ตื่นเช้าเพื่อจะได้มานั่งดูวิวพระอาทิตย์ขึ้น แต่ที่นั่ง VIP เต็มแล้วจ้า
ขึ้นมาเป็นดวงแล้ว
เก็บภาพความประทับใจกัน
กล้องแบตหมดตั้งแต่เมื่อคืน จบเลย
ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ กูบหลังช้าง มาตอนเช้าลมแรงมากๆ เสียวจริง แนะนำให้ขึ้นช่วงสายๆ ลมเบากว่า
จุดสูงสุดของทริปนี้
ใครมาถึงจันทบุรีและเป็นสายเดินป่า เดินเขา ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนผาหินกูบแห่งนี้ครับ ถึงจะยอดไม่สูงแต่เรื่องความยากในการเดินคงไม่เป็นสองรองใคร สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ ซึ่งเราเลือกเดินทางด้วยรถส่วนตัว ทริป 2 วัน 1 คืน ตกคนละประมาณ 830 บาท
ลาด้วยภาพนีนะ แล้วพบกันทริปหน้าครับ
สวัสดี