สวัสดีครับ พบกับ เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมบอกเลยว่า ตื่นเต้นมากที่ได้รีวิว Xiaomi Mi Note 10 ส่งท้ายปี 2562 ตอนแรก ก่อนที่จะได้จับเครื่องก็คิดว่าคงงั้นๆแหละ สเปกแค่นี้ กล้อง 108 ล้าน เปิดตัวราคาขนาดนี้ คนจะคิดยังไง...แต่พอได้มาจับจริงๆแล้ว กับเงินที่ต้องจ่ายประมาณ 16,990 บาท ส่วนตัวผมถ้ามีเงินผมก็คงซื้อแหละครับ 555+
ในรีวิวนี้ส่วนหลักๆที่ผมจะเน้นเป็นพิเศษก็คงจะไม่พ้นเรื่องกล้องอยู่ดี เพราะว่ามีกล้องมาให้ถึง 5 ตัวกันเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละตัวมีหน้าที่ ที่ต่างกันแบบชัดเจน ไม่ได้ใส่มาแค่ว่ามีกล้องเยอะแต่ใช้จริงไม่ต่างจากมือถือ 3 กล้อง และซอฟแวร์ต่างๆของเมนูกล้องที่เพิ่มเติมขึ้นมา ที่ทำให้ Mi Note 10 น่าสนใจมากขึ้นไปอีก
เครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องขายจริง ไม่ใช่ Demo เพราะฉะนั้นผมก็พกเป็นเครื่องหลักตั้งแต่วันที่ 14 ธันวา จนถึง ... เลยครับ ถึงจะไม่นานมากนัก แต่ก็พอที่ผมจะใช้งานได้เกือบครบทุกฟังก์ชันครับ และเครื่องที่ผมได้มาผมได้ทำการอัพเดตเป็นเวอร์ชัน 11.0.11 แล้วครับ...ซึ่งเฟิร์มแวร์ก่อนหน้านี้ยังทำงานได้ไม่ค่อยดี ผมแนะนำให้รีบอัพเดตก่อนเลยครับ
ไม่รอช้า เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ และแน่นอนว่าสำหรับคนที่อยากดูเป็นวีดีโอก็เชิญที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
กล่อง
เริ่มจากกล่องกันเลย กล่องหน้าตาแบบนี้ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นกันดี...ขนาดกล่องก็จะเท่ากับ Mi 8 Pro แล้วก็ลักษณะของกล่องก็จะเหมือนกันเลย ต่างกันที่ชื่อและตัวหนังสือเท่านั้น 555+ ผมว่าถ้ามันมาเป็นกล่องเหมือนรุ่นก่อนหน้าที่มีรูปตัวเครื่องอยู่ผมว่ามันคงสวยแน่นอนครับ
สเปกตัวเครี่อง
ขนาดตัวเครื่อง 157.8 x 74.2x 9.67 มิลลิเมตร
หน้าจอแสดงผลขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ , 398 PPi อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9
ระบบปฏิบัติการ MIUI 11 บน Android 9 Pie
CPU: Snapdragon 730G
GPU: Adreno 618
RAM : 6GB , 8GB
ความจุตัวเครื่อง 128 / 256GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1
กล้องหลัง 5 ตัว 108 + 12 + 20 + 5 + 2 ล้านพิกเซล
กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล f/1.69 OIS Samsung ISOCELL Bright HMX
กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล Auto Focus รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 117 องศา
กล้องเทเลโฟโต ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
กล้องอัลตราเทเลโฟโต ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0 OIS
กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล โฟกัสใกล้สุดที่ระยะ 2 เซนติเมตร
กล้องวัดระยะความลึกขนาด 2 ล้านพิกเซล
กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล F/2.0
แบตเตอรี่ 5260mAh
รองรับ Quick Charge 3.0 30W
มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
มีสีให้เลือก 3 สี สีเทา Midnight Black สีขาว Glacier White และสีเขียว Aurora Green
ราคา 6/128GB 16,990 บาท และ 8/256GB 19,990 บาท
ในกล่อง Mi Note 10
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีเคสนิ่ม อย่างเครื่องที่ผมได้เป็นสีดำ ก็จะได้เคสนิ่มสีดำ แล้วก็มีคู่มือ และคู่มือการรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม สายชาร์จ ด้านนึงเป็น Type A และอีกด้านเป็น Type C และหัวชาร์จ Quick Charge 3.0 30W กันเลยทีเดียว แต่ผมลองเอาไปชาร์จกับ Mi 9 ที่เครื่องรองรับการชาร์จ 27W ก็ขึ้น Charge Turbo เหมือนกันทั้งสองรุ่นครับ
ภายนอก
และแน่นอนว่ามือถือราคาขนาดนี้ของ Xiaomi จะเป็นบอดี้โลหะทั้งเครื่อง และมีขอบโค้งทั้งหน้าจอและฝาหลัง
ด้านบนก็จะมีช่อง IR แล้วก็ไมโครโฟนตัวที่ 2 ไว้สำหรับตัดเสียงรบกวนมาให้
ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะเรียบๆ ไม่มีปุ่มอะไรเลย
ด้านขวาก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดมาอยู่ฝั่งขวาแทน
ช่วงหลังในหลายๆรุ่นของ Xiaomi เอง มีซีลยางติดอยู่ถาดซิมทุกรุ่น แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเครื่องจะกันน้ำนะครับ น่าจะเป็นเรื่องของกันละอองน้ำหรือฝุ่นเบื้องต้นเท่านั้นครับ...และถาดซิมของรุ่นนี้จะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง ไม่สามารถใส่เมโมรี่การ์ดได้ครับ เพราะฉะนั้นแล้ว เลือกความจุของเครื่องก่อนซื้อให้ดีครับ ^^;
ด้านล่างก็จะมีการจัดวางตำแหน่งลำโพงแตกต่างจากมือถือทั่วไป ซึ่งปกติมือถือทั่วไปจะอยู่ด้านขวา แต่ Mi Note 10 ลำโพงหลักจะอยู่ด้านซ้ายมือ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างภายในที่ทำให้ลำโพงต้องมาอยู่ด้านนี้แทน...ถัดมาก็จะเป็นไมโครโฟนตัวหลัก ช่องชาร์จ Type C และก็ช่องหูฟัง 3.5
ส่วนด้านหลัง ผมจะอธิบายรายละเอียดของกล้องในหัวข้อของกล้องนะครับ แต่ด้านหลังก็จะเห็นว่ามีกล้องทั้งหมด 5 ตัว และ แฟลช LED 2 คู่ 4 ดวง และฝาหลังยังรองรับ NFC ด้วย...
หน้าจอ
หน้าจอของ Mi Note 10 มาพร้อมกับจอ AMOLED ขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2340 x 1080 ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 398 PPI และกระจกจะเป็น Gorilla Glass 5 และพิเศษไปกว่านั้นคือ Mi Note 10 มากับหน้าจอโค้งทั้งสองฝั่ง หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบซักเท่าไหร่ อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาจับแล้วมือลั่นไปทัชโดนบ้างอะไรบ้าง และอีกสิ่งที่สำคัญคือหาฟิล์มป้องกันหน้าจอยากและติดแล้วอาจจะเจอกับทัชที่ไม่ค่อยลื่น...ทั้งนี้ก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนนะครับ 555+
ตอนแรกผมก็คิดว่าหน้าจอโค้งของ Mi Note 10 จะมีความโค้งเหมือนๆกับ Galaxy S8 , S9 , S10 แต่พอผมลองเอาไปเทียบแล้วพบว่า Mi Note 10 หน้าจอมีความโค้งลงมากกว่าทั้ง 3 รุ่นเลย แต่ไม่โคงเหมือน Huawei Mate 30 Pro...ส่วนตัวผมก็มองว่ามันสวยดีครับ
แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยใช้จอโค้งมาก่อนแล้วในการใช้งานแอพอย่าง Facebook ที่มีพื้นหลังเป็นสีขาว เราอาจจะเห็นขอบจอเป็นสีเขียวๆ ซึ่ง “ถือเป็นเรื่องปกติ” ครับ จอไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่มุมของมันทำให้เป็นแบบนี้เท่านั้นเอง แต่มือถืออย่าง Galaxy ที่จอโค้งจะไม่เห็นเยอะ เพราะจอมันโค้งน้อยกว่านั้นเอง และเรื่องความโค้งของหน้าจอ ผมก็รู้สึกว่ามันทำให้มือถือเรามันดูดีในระดับนึงเลย เพราะด้วยราคาขนาดนี้ก็ได้จอโค้งแล้ว...
อีกเรื่องนึงที่ผมยังไม่แน่ใจคือหน้าจอ AMOLED ของ Mi Note 10 เป็นหน้าจอของซัมซุงรึเปล่า ผมไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้เลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยคือโทนสีของหน้าจอ...ที่พอมาเทียบกับหน้าจอของมือถือซัมซุงเอง หรือจะเทียบกับ Mi 8 Mi 9 ที่ใช้หน้าจอของซัมซุง ก็พบว่า Mi Note 10 มีโทนสีหน้าจอติดอมเขียวนิดหน่อยเมื่อเทียบกับ Mi 8 Mi 9 หรือ Galaxy S8+ แต่ถามว่าถ้าไม่เทียบ ก็จะไม่รู้สึก เพราะมันต่างกันไม่มาก ข้อมูลในส่วนนี้อาจจะไม่สำคัญ แต่ผมก็อยากจะบอกให้ทราบกันไว้ซักนิดนึงครับ ^^;
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ในการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ในการใช้งานโดยทั่วไปของผม Mi Note 10 ผมสามารถใช้งานได้ประมาณ 14-18 ชั่วโมง จนแบตหมด...ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะมองว่า แบตเตอรี่ที่ให้มา 5260 mAh น่าจะใช้ได้นานกว่านี้สิ ก็จริงครับ มันจะใช้ได้นานกว่านี้แน่นอน ถ้าไม่ค่อยได้ใช้งานกล้อง...ส่วนตัวผมมองว่าส่วนที่กินแบตที่สุดคงจะเป็นกล้องนี่แหละครับเพราะผมสังเกตเวลาใช้งานกล้องตัวเครื่องจะอุ่นจนถึงร้อนเมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆ และด้วยเหตุผลนี้ เค้าเลยต้องให้แบตมาเยอะขนาดนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ
สำหรับการทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่กลับ ตั้งแต่ 0-100% ด้วยเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10-15 นาทีเท่านั้น
[SR] รีวิว Xiaomi Mi Note 10 กล้อง 108 ล้าน จอโค้ง ราคา 16,990!!!
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้