สวัสดีค่ะ
อายุ 41 ปี ตกงานมา 3-4 เดือนเพราะบริษัทเก่าทำมา 14 ปี แต่เขาย้ายไปจังหวัดอื่นที่เราไม่สามารถติดตามไปได้เพราะมีลูกเล็ก ได้เงินชดเชยมาค่ะ ก็หางานได้ยากมากเพราะอายุเยอะ และฐานเงินเดือนที่เก่าสูงเพราะตำแหน่งรองผู้จัดการ ล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วส่งเรซูเม่ไปสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทฝรั่งเป็นทำเกี่ยวกับส่งออกสินค้า เป็นบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดมาได้ 3 -4 ปี มีพนักงานประมาณ 5-6 คนไดเร็คเตอร์ที่เป็นฝรั่งส่งอีเมลล์ติดต่อมา
สอบถามข้อมูลเราและลักษณะงานเบื้องต้น หลังจากนั้นสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ และนัดสัมภาษณ์ตัวเป็นๆที่ร้านกาแฟ ซึ่งเราก็อธิบายงานที่เราเคยทำไป สถานะครอบครัว และก็บอกเขาไปตามตรงว่าเคยทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ด้วยเพราะเจ้านายญี่ปุ่นพยายามพูดภาษาไทยกับเรา ทำให้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษของเราไม่ราบรื่นนักคือพูดสื่อสารได้แต่ไม่แบบfluently แต่เรื่องการเขียน การอ่านและการฟังเราโอเค เพราะต้องติดต่อทำงานกับเอกสารภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และเรากำลังพัฒนาอยู่ (เราลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ในระหว่างตกงาน) ใช้เวลาคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาก็ดูพอใจเราระดับหนึ่งเขาบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ช่วยของเขางานล้นมือมากเพราะต้องทำเอกสาร ดีลกับบริษัทบัญชี ทำส่งออกด้วย จึงต้องหาคนเพิ่มเพื่อมาแบ่งงานออกไป เขาให้รายละเอียดงานที่ต้องทำเรามา ให้เราเอากลับไปอ่านดูที่บ้านถ้าติดขัดตรงไหนให้ถามเขาได้
หลังจากกลับมาบ้านอ่านแล้วเราก็ตอบกลับอีเมลล์เขาไปว่าเราโอเค เพราะลักษณะงานเป็นงานในออฟฟิศและงานส่งออกที่เราเคยทำ ถึงแม้สินค้าจะคนละประเภท ต่างกันสิ้นเชิงแต่เราคิดว่ามันเรียนรู้กันได้ ซึ่งบอกตามตรงว่าเราก็มีความหวังว่าเขาจะรับแล้ว 50% ต่อมาเขานัดเราไปที่ออฟฟิศเขาเพื่อดูงานจริง พบทีมงาน เราได้พบกับน้องผู้หญิงที่เป็นผู้ช่วยเขาอยู่ ดูเป็นคนคล่องแคล่วมาก พูดภาษาอังกฤษได้ดี เขาก็บอกว่างานเขามีอะไรบ้างและงานที่จะแบ่งออกมาคืองานเอกสารทางด้านอินวอยซ์ซื้อขาย รายงานค่าใช้จ่ายของบริษัท ภาษีซื้อและดีลกับบริษัททำบัญชี โดยเขาจะไปทำส่งออกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเรามีประสบการณ์การออกอินวอยซ์เรียกเก็บเงินลูกค้าแต่เราไม่เคยทำรายงานภาษีซื้ออย่างที่เขาทำอยู่มาก่อน แต่คิดว่าเรียนรู้ได้เพราะยังไงก็ต้องดีลกับบริษัทรับทำบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันงานที่เขาทำ เขาทำด้วย excel ทั้งหมดแต่บริษัทกำลังจะเปลี่ยนมาใช้ซอฟท์แวร์บัญชี เราก็ซักถามเพิ่มเติม เขาก็บอกว่างานไม่มีอะไรยาก พี่ทำได้แน่ๆ ไดเร็คเตอร์ฝรั่งก็คุยกะเรากับน้องคนนั้นว่างานอะไรที่ต้องการให้แบ่งมาให้เราทำบ้างบลาๆ เราใช้เวลา 4 ชั่วโมงอยู่ที่บริษัทเขาเพื่อเรียนรู้ว่างานแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง สินค้าเป็นอะไร ใครทำอะไร พอถึงเวลากลับไดเร็คเตอร์บอกว่า ยูลองไปพิจารณาดูนะว่ายูโอเคมั้ยกับที่นี่ พรุ่งนี้ชั้นจะโทรหายูนะเพื่อสรุปกัน ซึ่งในใจตอนนั้นคือเราคิดว่า 90% ชั้นน่าจะได้งานนี้
ผลปรากฎว่าเขาโทรมาบอกว่า เขาชอบเรานะ ชอบที่ยูมีความคิดจะพัฒนาสกิลตัวเองและมีประสบการณ์การทำงานมาด้วย แต่ผู้ช่วยของเขาบอกว่าไม่ต้องการเราเพราะเราไม่เคยทำรายงานภาษีซื้อ รายงานค่าใช้จ่ายในบริษัท และเขาไม่มีเวลาสอนงานเรา เขาอยากได้คนที่มาทำงานได้เลย อยากจะถามว่ามันมีด้วยเหรอคะ คนที่เข้ามาใหม่แล้วทำงานได้เลยโดยไม่ต้องสอนเลย เราทำงานมา 2 ที่รวม 17 ปี เรายังไม่เคยเจอ คนที่ทำได้เลยไม่ต้องสอนงาน อย่างน้อยๆ การจะทำอะไรมันก็ต้องรู้ที่มาที่ไปไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้รู้สึกผิดหวังมาก รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจริงๆ
ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานเพราะไม่มีเวลาสอนงาน ต้องการคนเข้ามาทำเลย
อายุ 41 ปี ตกงานมา 3-4 เดือนเพราะบริษัทเก่าทำมา 14 ปี แต่เขาย้ายไปจังหวัดอื่นที่เราไม่สามารถติดตามไปได้เพราะมีลูกเล็ก ได้เงินชดเชยมาค่ะ ก็หางานได้ยากมากเพราะอายุเยอะ และฐานเงินเดือนที่เก่าสูงเพราะตำแหน่งรองผู้จัดการ ล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วส่งเรซูเม่ไปสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทฝรั่งเป็นทำเกี่ยวกับส่งออกสินค้า เป็นบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดมาได้ 3 -4 ปี มีพนักงานประมาณ 5-6 คนไดเร็คเตอร์ที่เป็นฝรั่งส่งอีเมลล์ติดต่อมา
สอบถามข้อมูลเราและลักษณะงานเบื้องต้น หลังจากนั้นสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ และนัดสัมภาษณ์ตัวเป็นๆที่ร้านกาแฟ ซึ่งเราก็อธิบายงานที่เราเคยทำไป สถานะครอบครัว และก็บอกเขาไปตามตรงว่าเคยทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ด้วยเพราะเจ้านายญี่ปุ่นพยายามพูดภาษาไทยกับเรา ทำให้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษของเราไม่ราบรื่นนักคือพูดสื่อสารได้แต่ไม่แบบfluently แต่เรื่องการเขียน การอ่านและการฟังเราโอเค เพราะต้องติดต่อทำงานกับเอกสารภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และเรากำลังพัฒนาอยู่ (เราลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ในระหว่างตกงาน) ใช้เวลาคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาก็ดูพอใจเราระดับหนึ่งเขาบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ช่วยของเขางานล้นมือมากเพราะต้องทำเอกสาร ดีลกับบริษัทบัญชี ทำส่งออกด้วย จึงต้องหาคนเพิ่มเพื่อมาแบ่งงานออกไป เขาให้รายละเอียดงานที่ต้องทำเรามา ให้เราเอากลับไปอ่านดูที่บ้านถ้าติดขัดตรงไหนให้ถามเขาได้
หลังจากกลับมาบ้านอ่านแล้วเราก็ตอบกลับอีเมลล์เขาไปว่าเราโอเค เพราะลักษณะงานเป็นงานในออฟฟิศและงานส่งออกที่เราเคยทำ ถึงแม้สินค้าจะคนละประเภท ต่างกันสิ้นเชิงแต่เราคิดว่ามันเรียนรู้กันได้ ซึ่งบอกตามตรงว่าเราก็มีความหวังว่าเขาจะรับแล้ว 50% ต่อมาเขานัดเราไปที่ออฟฟิศเขาเพื่อดูงานจริง พบทีมงาน เราได้พบกับน้องผู้หญิงที่เป็นผู้ช่วยเขาอยู่ ดูเป็นคนคล่องแคล่วมาก พูดภาษาอังกฤษได้ดี เขาก็บอกว่างานเขามีอะไรบ้างและงานที่จะแบ่งออกมาคืองานเอกสารทางด้านอินวอยซ์ซื้อขาย รายงานค่าใช้จ่ายของบริษัท ภาษีซื้อและดีลกับบริษัททำบัญชี โดยเขาจะไปทำส่งออกได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเรามีประสบการณ์การออกอินวอยซ์เรียกเก็บเงินลูกค้าแต่เราไม่เคยทำรายงานภาษีซื้ออย่างที่เขาทำอยู่มาก่อน แต่คิดว่าเรียนรู้ได้เพราะยังไงก็ต้องดีลกับบริษัทรับทำบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันงานที่เขาทำ เขาทำด้วย excel ทั้งหมดแต่บริษัทกำลังจะเปลี่ยนมาใช้ซอฟท์แวร์บัญชี เราก็ซักถามเพิ่มเติม เขาก็บอกว่างานไม่มีอะไรยาก พี่ทำได้แน่ๆ ไดเร็คเตอร์ฝรั่งก็คุยกะเรากับน้องคนนั้นว่างานอะไรที่ต้องการให้แบ่งมาให้เราทำบ้างบลาๆ เราใช้เวลา 4 ชั่วโมงอยู่ที่บริษัทเขาเพื่อเรียนรู้ว่างานแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง สินค้าเป็นอะไร ใครทำอะไร พอถึงเวลากลับไดเร็คเตอร์บอกว่า ยูลองไปพิจารณาดูนะว่ายูโอเคมั้ยกับที่นี่ พรุ่งนี้ชั้นจะโทรหายูนะเพื่อสรุปกัน ซึ่งในใจตอนนั้นคือเราคิดว่า 90% ชั้นน่าจะได้งานนี้
ผลปรากฎว่าเขาโทรมาบอกว่า เขาชอบเรานะ ชอบที่ยูมีความคิดจะพัฒนาสกิลตัวเองและมีประสบการณ์การทำงานมาด้วย แต่ผู้ช่วยของเขาบอกว่าไม่ต้องการเราเพราะเราไม่เคยทำรายงานภาษีซื้อ รายงานค่าใช้จ่ายในบริษัท และเขาไม่มีเวลาสอนงานเรา เขาอยากได้คนที่มาทำงานได้เลย อยากจะถามว่ามันมีด้วยเหรอคะ คนที่เข้ามาใหม่แล้วทำงานได้เลยโดยไม่ต้องสอนเลย เราทำงานมา 2 ที่รวม 17 ปี เรายังไม่เคยเจอ คนที่ทำได้เลยไม่ต้องสอนงาน อย่างน้อยๆ การจะทำอะไรมันก็ต้องรู้ที่มาที่ไปไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้รู้สึกผิดหวังมาก รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจริงๆ