หลังจาก PM2.5 กระหน่ำลงเมืองหลวงอย่าง กทม. จนเป็นเทรนด์อยู่ในช่วงปลายปี 2018-ต้นปี 2019 รัฐบาลประกาศรณรงค์ให้ใช้รถสาธารณะ ออกกฏหมายควบคุมมลพิษโดยการจับรถที่มีควันดำ หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ขายดิบขายดีจนขาดตลาด ถึงมีขายก็ขายแพงมาก เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่กลางปีจนมาถึงปลายปี 2019 เทรนด์เริ่มหายไป ผู้คนเริ่มไม่สนใจในการป้องกันตัวเองทั้งๆที่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะในทุกๆเช้า คุณภาพอากาศหรือค่าฝุ่นPM2.5 นั้นน่ากลัวเหลือเกินซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้รถเยอะ เช็คค่าฝุ่นได้จาก แอพ AirVisual ค่าฝุ่นจะพุ่งขึ้นถึง 150+ ซึ่งถือว่าเกินค่ามาตรฐานกว่า 5 เท่า
พอไม่เป็นเทรนด์หรือไม่เป็นข่าวดังก็ไม่มีใครแทบใส่หน้ากากเลย ออกไปข้างนอกก็เห็นคนใส่น้อยมากค่ะ ประมาณ1-2 % อยากให้มีการรณรงค์ป้องกันกันมากกว่านี้ ถึงจะแก้ที่ต้นเหตุไม่ได้เนื่องจากทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าแก้ยาก เราก็ป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของเราเองกันได้ใช่ไหมคะ อยากให้ทุกคนใส่ใจกันมากกว่านี้ สำหรับคนทำงานหรือคนที่ไม่มีเวลาเช็คค่าฝุ่น ก็อยากแนะนำให้เครือข่ายมือถือทุกเจ้าส่งข้อความเตือนลูกค้าทุกคนแบบ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ค่ะ
ด้วยความห่วงใยสุขภาพทุกคนนะคะ
ผิดพลาดประการใดดิฉันจะรับคำติชมไว้ค่ะ
อยากให้เครื่อข่ายโทรศัพท์ในไทยส่งข้อความมาเตือนเรื่อง PM2.5 เหมือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
พอไม่เป็นเทรนด์หรือไม่เป็นข่าวดังก็ไม่มีใครแทบใส่หน้ากากเลย ออกไปข้างนอกก็เห็นคนใส่น้อยมากค่ะ ประมาณ1-2 % อยากให้มีการรณรงค์ป้องกันกันมากกว่านี้ ถึงจะแก้ที่ต้นเหตุไม่ได้เนื่องจากทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าแก้ยาก เราก็ป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของเราเองกันได้ใช่ไหมคะ อยากให้ทุกคนใส่ใจกันมากกว่านี้ สำหรับคนทำงานหรือคนที่ไม่มีเวลาเช็คค่าฝุ่น ก็อยากแนะนำให้เครือข่ายมือถือทุกเจ้าส่งข้อความเตือนลูกค้าทุกคนแบบ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ค่ะ
ด้วยความห่วงใยสุขภาพทุกคนนะคะ
ผิดพลาดประการใดดิฉันจะรับคำติชมไว้ค่ะ