ไทยพบพืชพันธุ์ใหม่ของโลก 8 ชนิด หลังใช้เวลาศึกษานาน 23 ปี

กระทู้คำถาม
16 ธันวาคม 2562



เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นายสมราน สุดดี นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากการที่นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สนับสนุนและส่งเสริมการทำงานของสำนักหอพรรณไม้ มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนักพฤกษศาสตร์หอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้ฯ ได้ร่วมวิจัยค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลก 8 ชนิด

โดยมี 5 ชนิดเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกในสกุลหางเสือ (Platostoma) วงศ์กะเพรา (Lamiaceae) ซึ่งตนเริ่มทำการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 23 ปี พืชชนิดใหม่จำนวน 5 ชนิดนี้ 3 ชนิด พบที่ป่าภูวัว-ภูลังกา จ.บึงกาฬ 1 ชนิดพบที่อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ และอีก 1 ชนิด พบที่ทางเข้าวนอุทยานภูล้อม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ทั้ง 5 ชนิดนี้ ได้ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ Thai Forest Bulletin (Botany) ฉบับที่ 47(2) หน้า 226–240 ปี 2562 ซึ่งรายละเอียดพืชชนิดใหม่มีดังนี้

1.กะเพราถ้ำพระ Platostoma albiflorumSuddee, A. J. Paton & J. Parn. ไม้ล้มลุก 


พบบริเวณใกล้น้ำตกถ้ำพระ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ ได้ร่วมกับ Dr. Alan Paton นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากสวนพฤกษศาสตร์คิว กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และProf. John Parnell นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากทรินีตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยแห่งกรุงดับลิน ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบ Suddee, Hemrat & Kiewbang 5326 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

ลักษณะของกะเพราถ้ำพระ เป็นไม้ล้มลุก ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกออกออกตามซอกใบ ลักษณะเป็นช่อกลมแน่นเรียงห่าง ๆ กัน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกบน 3 แฉก แต่ละแฉกปลายแหลม แฉกล่าง 1 แฉก ปลายมนกลม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีขาว ผิวมีขน



2.ม่วงบุศบรรณ Platostoma busbanianumSuddee, A. J. Paton & J. Parn. ไม้ล้มลุก


พบบริเวณทางเข้าน้ำตกถ้ำพระ ทางเข้าวัดถ้ำโขง และบริเวณก้อนน้ำอ้อย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ ได้ร่วมกับ Dr. Alan Paton นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากสวนพฤกษศาสตร์คิว กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และProf. John Parnell นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากทรินีตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยแห่งกรุงดับลิน ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบ Suddee, Hemrat & Kiewbang 5325 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ คำระบุชนิด “busbanianum”

ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ รศ.บุศบรรณ ณ สงขลา อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตข้าราชการหอพรรณไม้ ผู้สร้างลูกศิษย์เพื่อปฏิบัติงานทางด้านอนุกรมวิธานพืชในประเทศไทยมากมาย
ลักษณะของม่วงบุศบรรณ เป็นไม้ล้มลุก ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกออกออกตามซอกใบ ลักษณะเป็นช่อหลวม ๆ เรียงห่าง ๆ กัน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกบน 1 แฉก ปลายแหลม แฉกล่าง 1 แฉก ปลายมนกลม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีม่วง ขอบกลีบปากมีขนยาวสีม่วง       



3.เห็มรัตน์ภูลังกา Platostoma hemratianumSuddee, Puudjaa & Kiewbang ไม้ล้มลุก


พบบริเวณอุทยานแห่งชาติภูลังกา ในเขต อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ได้ร่วมกับนายพาโชค พูดจา และนายวิทวัส เขียวบาง เจ้าหน้าที่หอพรรณไม้ ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบ Suddee, Puudjaa, Hemrat & Kiewbang 5387 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ คำระบุชนิด“hemratianum”ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่นายจันดี เห็มรัตน์ เจ้าหน้าที่หอพรรณไม้ ที่ร่วมสำรวจพรรณพืชและเป็นผู้จัดการตัวอย่างตามโครงการพรรณพฤกษชาติประเทศไทยมาอย่างมุ่งมั่นและยาวนาน

ลักษณะของเห็มรัตน์ภูลังกา เป็นไม้ล้มลุก ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกออกตามซอกใบเรียงชิดติดกันที่ปลายลำต้น ลักษณะเป็นช่อคล้ายทรงกระบอก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกบน 3 แฉก แต่ละแฉกปลายแหลมถึงมนกลม แฉกล่าง 1 แฉก ปลายมนกลม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีขาว ผิวมีขน



4.ข้าวตอกภูแลนคา Platostoma ovatum Suddee, A. J. Paton & J. Parn., ไม้ล้มลุก 


พบบริเวณริมหน้าผา อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกับ Dr. Alan Paton นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากสวนพฤกษศาสตร์คิว กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และProf. John Parnell นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากทรินีตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยแห่งกรุงดับลิน ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบ Suddee, Hemrat & Kiewbang 5230 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

ลักษณะของข้าวตอกภูแลนคา เป็นไม้ล้มลุก ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกออกออกตามซอกใบ เรียงห่าง ๆ กัน ดอกในช่อจำนวนน้อย กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดกว้าง ปลายแยกเป็นแฉกบน 3 แฉก แฉกกลางขนาดใหญ่สุด บิดโค้งขึ้น ปลายแหลมถึงมนกลม แฉกข้าง 2 แฉกมีขนาดเล็ก ปลายแหลม แฉกล่าง 1 แฉก ปลายมนกลม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีขาวอมม่วง โคนหลอดด้านบนมีติ่ง ผิวหลอดมีขน 



5.ม่วงศรีโพธิ์ไทร Platostoma parnellianumSuddee, A. J. Paton & Kiewbang, ไม้ล้มลุก


 พบบริเวณริมทางเข้าวนอุทยานภูล้อม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ได้ร่วมกับ Dr. Alan Paton นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจากสวนพฤกษศาสตร์คิว กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และนายวิทวัส เขียวบาง เจ้าหน้าที่หอพรรณไม้ ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบ Suddee, Mattapha, Hemrat & Kiewbang 4993 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ คำระบุชนิด“parnellianum”
 
ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ศาสตราจารย์จอห์น พาร์แนล แห่งทรินิตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยแห่งกรุงดับลิน หนึ่งในคณะบรรณาธิการโครงการพรรณพฤกษชาติประเทศไทย ผู้ให้ความช่วยเหลือโครงการพรรณพฤกษชาติประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

ลักษณะของม่วงศรีโพธิ์ไทร เป็นไม้ล้มลุก ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกออกออกตามซอกใบ ลักษณะเป็นช่อหลวม ๆ เรียงชิดกันแต่มีช่องว่าง กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกบน 3 แฉก เมื่อเป็นผลเห็นเป็นแฉกเดียว ปลายมนกลม โดยแฉกข้างลดรูปลงไปมาก แฉกล่าง 1 แฉก ปลายมนกลม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีม่วง เกสรเพศผู้ชี้ตรงเห็นเด่นชัด


นายสมราน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่าบริเวณป่าภูวัว-ภูลังกา เป็นพื้นที่พิเศษที่พบพืชชนิดใหม่ของโลกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีพรรณไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของพืช และเป็นชนิดใหม่ถูกตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติมากกว่า 30 ชนิด ใน 15 วงศ์ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนจัดการด้านการอนุรักษ์พื้นที่และการวิจัยต่อเนื่องต่อไป”

นายสมราน กล่าวต่อว่า สำหรับพืชชนิดใหม่ของโลก 2 ชนิด อยู่ในสกุลสาธรหรือขะเจ๊าะ (Millettia) ในวงศ์ถั่ว(Fabaceae) รับผิดชอบทำการศึกษาโดย ดร.สไว มัฐผา นักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ถั่วจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้ร่วมวิจัยกับนักพฤกษศาสตร์จากหอพรรณไม้ โดยชนิดที่พบนี้เป็นไม้เถาซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่าหางไหล ในจำนวนนี้ 1 ชนิด พบที่พบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก อุ้มผาง จ.ตาก อีก 1 ชนิด พบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ โดยทั้ง 2 ชนิด ได้ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ Thai Forest Bulletin (Botany) ฉบับที่47(2) หน้า 171–183 ปี 2562 ได้แก่


1.พรรณรายภูวัว หางไหลภูวัว Millettia phuwuaensisMattapha & Suddee ไม้เถา 


พบบริเวณใกล้น้ำตกถ้ำพระ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว โดยตนได้ร่วมกับ ดร.สไว ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบMattapha,Suddee & BKF staff1127เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ มีลักษณะเป็นไม้เถา ใบประกอบแบบขนนก เรียงเวียน มีใบย่อย 5-9 ใบ ช่อดอกออกตามซอกใบหรือตามกิ่งแก่ ดอกสีชมพูอมม่วงแดง กลีบดอกบนด้านหลังมีแถบตามยาวสีแดงอมน้ำตาล ผลเป็นฝักแบน เมล็ดค่อนข้างกลม



2.หางไหลทุ่งใหญ่ พิไลสมราน Millettia suddeei Mattapha & Tetsana ไม้เถา 


พบบริเวณลำธารหินปูน หน่วยพิทักษ์ป่ากะแง่สอด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก น.ส.นัยนา เทศนา นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ ได้ร่วมกับ ดร.สไว ตั้งชื่อเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ตัวอย่างต้นแบบSuddee, Tetsana & BKF staff 5206 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้ ลักษณะเป็นไม้เถา ใบประกอบแบบขนนก เรียงเวียน มีใบย่อย 5-9 ใบ ผิวใบด้านบนเป็นร่องตามเส้นแขนงใบชัดเจน ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกสีชมพูอมม่วง


ส่วนพืชชนิดใหม่ของโลกอีก 1 ชนิด คือ
เอื้องมรกตพุทธวงค์ Liparis buddhawongiiTetsana, Watthana & H. A. Pedersen กล้วยไม้ดิน 


อยู่ในสกุลเอื้องกลีบม้วน(Liparis) ในวงศ์กล้วยไม้(Orchidaceae) รับผิดชอบทำการศึกษาโดย น.ส.นัยนา เทศนา นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ กล้วยไม้ชนิดใหม่ของโลกชนิดนี้ ถูกค้นพบโดยนายวินศ์ พุทธวงค์ บริเวณเขาหินปูนแถบอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกล้วยไม้ชนิดใหม่ จึงได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญกล้วยไม้จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ดร.สันติ วัฒฐานะ และผู้รับผิดชอบหลักการศึกษาพืชวงศ์กล้วยไม้ของไทยจากประเทศเดนมาร์ก Dr Henrik Pedersen ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ Phytotaxaฉบับที่ 421(1) หน้า001–065 ปี 2562
เอื้องมรกตพุทธวงค์  ขึ้นบนเขาหินปูน ใบ 2 ใบ แผ่ติดดิน ขนาดไม่เท่ากัน ดอกออกเป็นช่อตั้งขึ้น ดอก 5-15 ดอก ดอกสีเขียวมรกต กลีบปากขนาดใหญ่ มีสันตรงกลางตามยาว คำระบุชนิด“buddhawongii” ตั้งให้เป็นเกียรติแก่นายวินศ์ พุทธวงค์ ผู้ค้นพบ ตัวอย่างต้นแบบ Buddhawong 021 เก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้




โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่