Japan EP.1 เที่ยวโอซาก้า (Osaka)
Osaka เมืองแห่งแสงสี,ความสนุกสนานและร้านอาหารยิ่งใหญ่ละลานตา จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่คนไทยนิยมไปกัน ด้วยที่ Osaka คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจาก Tokyo จึงทำให้รู้สึกว่ามีความเจริญไม่แพ้เมืองหลวงอย่าง Tokyo เลยและมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นย่านช้อปปิ้ง, แหล่งอาหาร และ Osaka เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติอันยาวนาน จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวเช่นปราสาทต่างๆ ให้เราได้เข้าชมและศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปะของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนอีกด้วย เมื่อเราได้เที่ยวที่ Osaka ก็จะได้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเจริญและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น จึงทำให้บรรยากาศของเมืองนี้ดูมีเอกลักษณ์ที่เด่นจัดเจนและไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

เรารู้สึกได้ว่าเสน่ห์ของ Osaka มีสองอย่างที่ทำให้เรารักเมืองนี้
อย่างแรกก็คือบรรยากาศบ้านเมืองของ Osaka ที่ดูสนุกและมีสีสันกว่าเมืองอื่นๆ จะเห็นได้จากการตกแต่งร้านหรือป้ายร้านต่างๆ ค่อนข้างจัดเต็มและยิ่งใหญ่จะเห็นได้ถึงการใช้แสงสีที่จัดจ้านและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ชัดเจน
อย่างที่สองคือคน Osaka ค่อนข้างเฟรนลี่ เป็นคนตลกและอารมณ์ดีกว่าคนญี่ปุ่นเมืองอื่นๆ จากที่ไปเมืองอื่นๆคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างเคร่งขรึมดูเครียดๆ ต่างคนต่างมีพื้นที่ของตัวเอง แต่คน Osaka จะทำตัวชิวๆสบายๆยิ้มแย้มทักทายมากกว่า เลยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่ใน Osaka มากว่าเมืองใหญ่อื่นๆในญี่ปุ่น

มาเริ่มกันที่แรกหากใครได้มา Osaka ต้องมาย่านนี้อย่างแน่นอนนั่นก็คือย่าน Dotonbori เป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าต่างๆมากมายโดยเฉพาะร้านอาหารที่เปิดติดกันเรียงรายทั่วทั้งย่าน เป็นอีกหนึ่งย่านสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะมา เปิดตั่งแต่เที่ยงๆจนถึงค่ำโดยเฉพาะช่วงตอนเย็นคนจะเยอะมาก แสงสีจากป้ายร้านอาหารอลังการจัดเต็มมากไม่มีใครยอมใคร จึงทำให้ย่านนี้ดูคึกคักและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ร้านอาหารอร่อยๆมีให้เลือกหลายร้านก็เลือกหาของกินกันตามใจชอบได้เลย

แลนด์มาร์คที่สำคัญที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปนั่นก็คือป้ายกูลิโกะใหญ่ๆตรงริเวณสะพานนี้ (ด้านขวามือของรูป)
ที่ทุกคนจะต้องทำท่าชูมือและยกขาข้างเดียวเพื่อเลียนแบบโลโก้กูลิโกะ เชื่อว่าใครหลายๆคนที่เคยไปก็ต้องมีรูปคู่กับป้ายกูลิโกะนี้อย่างแน่นอน ถ้าใครมีรูปลองเอารูปมาโพสใต้รูปนี้ได้นะอยากเห็นเหมือนกันว่าทุกคนจะทำท่าเหมือนกันไหมหรือว่าจะมีใครที่ทำท่าแปลกพิสดารกว่าชาวบ้านก็เอามาโชว์ได้นะ 55555

และที่คลองนี้ก็สามารถนั่งเรืองชมบรรยากาศแสงสีจากป้ายไฟสองข้างทางได้เช่นกัน

หรือถ้าใครไม่อยากนั่งเรือก็มาเดินเล่นหาของกินในย่านนี้ก็สามารถบรรยากาศแสงสีจากป้ายไฟของร้านต่างๆได้เหมือนกันนะ
เราว่าบรรยากาศและแสงสีดูคึกคักไม่แพ้ตรงริมคลองเลย

และเมื่อได้ข้ามสะพานมานั้นก็จะเป็น Shinsaibashi-Suji Shopping Street เป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใน Osaka เลยก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวต่างพากันมาช้อปปิ้งกันที่นี่เพราะมีขายเกือบครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์, เครื่องสำอาง, อาหาร,ขนม และร้านขายของฝากต่างๆ ถ้าใครได้หลงเข้ามาแล้วรับรองได้เลยว่าต้องช้อปปิ้งจนหมดตัวแน่นอน

เดินไปเรื่อยๆติดกันก็จะมี Ebisu bashi-suji shopping street เป็นย่านช้อปปิ้งเหมือนกันครับ คือจะบอกเลยว่าถ้าหลงมาแถวนี้แล้วจะช้อปปิ้งจนลืมวันลืมคืนเลยทีเดียว เป็นย่าน shopping street ที่ติดกันเป็นทางยาวมากๆ

ถัดมาก็จะเป็นย่าน Shinsekai เป็นแหล่งรวบรวมร้านอาหารและร้านนั่งดื่ม จุดเด่นของย่านนี้ที่ทำให้คนชอบมาถ่ายรูปนั่นก็คือความสวยงามในการตกแต่งร้านและป้ายร้านของร้านอาหารต่างๆในย่านนี้จัดเต็มยิ่งใหญ่และสวยงามในแบบฉบับของญี่ปุ่น

การตกแต่งของร้านก็ยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเก่าๆ ซึ่งผสมผสานกับแสงสีได้อย่างลงตัว
ถ่ายรูปเล่นในย่านนี้สนุกมากมีมุมสวยๆให้ถ่ายเยอะเลย

ยิ่งช่วงกลางคืนย่าน Shinsekai ก็จะดูตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิม เพราะเราจะได้เห็นแสงสีสุดอลังการจากร้านอาหารต่างๆ และบรรยากาศก็ดูคึกคักกว่าตอนกลางวัน มีทั้งนักท่องเที่ยวมาหาของกินและชาวโอซาก้าที่มาหาร้านนั่งดื่นหลังเลิกงาน ถือว่าบรรยากาศดีเลยครับในช่วงกลางคืน

ที่ใจกลางย่าน Shinsekai ก็จะมีหอคอย Tsutenkaku ตั้งอยู่อย่างสวยงามที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกัน สามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยได้ ทางเข้าจะอยู่ชั้นใต้ดินราคาเข้าชมเพียงแค่ 600 เท่านั้นเองถือว่าไม่แพงเลย

ภายในหอคอยก็จะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของย่าน Shinsekai และหอคอย Tsutenkaku รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก

นี้ก็เป็นภาพวิวเมือง Osaka จากบนหอคอย Tsutenkaku

ไปต่อกันที่ปราสาท Osaka เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาชมความยิ่งใหญ่ของที่นี่

ภายในปราสาท Osaka ก็จะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของ Osaka และปราสาท Osaka รวมไปถึงการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และวัตถุโบราณของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน

และที่ชั้นบนสุดของปราสาท Osaka ก็จะเป็นชุดชมวิว

เดินไปต่อไม่ไกลก็จะมี Osaka International Peace Center ภายในจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับสงครามโลก

มีการจำลองสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของชาว Osaka ในช่วงที่ต้องอยู่ในสงครามโลกด้วย

เดินไปอีกนิดก็จะถึง Osaka Museum of History เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดใน Osaka
ค่าเข้าชนแค่ 600 เยนเท่านั้นเอง

ด้านก็จะมีการจำลองสภาพบ้านของสมัยก่อน ซึ่งทำออกมาได้ยิ่งใหญ่และสมจริง

มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และวัตถุโบราณของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน เราว่าที่นี่ทำค่อนข้างดีเลยดูทันสมัยทำให้เราเดินดูจนจบโดยที่ไม่เบื่อเลย

ที่นี่ก็คือ Osaka City Museum of Fine Arts เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ ค่าเข้าชม 300 เยน
ภายในไม่ใหญ่มากเดินดูไม่นานก็จบไม่ค่อยมีอะไรมาก

ที่ต่อมาคือ Osaka Aquarium Kaiyukan เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ติดอันดับโลกและใหญ่และดีที่สุดใน Osaka
ค่าเข้าชม 2,300 เยน ขอบอกเลยว่าเค้าทำดีจริงถ้าเทียบกับเงินที่จ่ายเราว่าคุ้ม

โซนแรกๆก็จะเป็นพวกสัตว์ทะเลน้ำลึก มีแมงกะพรุนน้ำลึกที่มีสีสันแปลกตาหาดูได้ยาก ซึ่งทำให้เราตื่นตาตื่นใจมาก

และจุดเด่นของ Osaka Aquarium Kaiyukan ก็คือจะมีแท็งค์น้ำขนาดยักษ์ที่เราสามารถดูสัตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิดเหมือนเราอยู่ใต้ท้องทะเลเลย

ใกล้จะกลับแล้วก็เลยหาที่ช้อปปิ้งย่านนี้ Den den town ย่านนี้จะคล้ายๆกับย่าน Akihabara ใน Tokyo เป็นแหล่งรวมร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, เกมส์, ของเล่น, โมเดลและฟิกเกอร์ต่างๆ

ย่านสุดท้ายก็คือ America mura ย่านนี้น่าจะถูกใจวัยรุ่น เพราะเป็นแหล่งรวมร้านขายเสือผ้าที่ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่คนญี่ปุ่นทำขายเอง และก็จะมีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นมือสองเยอะเหมือนกัน หากใครที่ชอบแต่งตัวไม่ซ้ำใครและนำให้มาช้อปปิ้งที่ย่านนี้เพราะจะได้ของที่ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วๆไปอย่างแน่นอน
ใครที่ต้องการดูคลิปกดดูที่ลิ้งค์นี้ได้เลย
https://youtu.be/PxPIjwPF49w
ฝากกดติดตามเพจ One free day ด้วยนะครับ
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดสถานที่เที่ยวใหม่ๆ ^_^
สามารถติดตามรีวิวอื่นๆได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ
Face book - One free day : เพจท่องเที่ยว
https://www.facebook.com/onefreedaytravel/
IG - tae_thanit
https://www.instagram.com/tae_thanit/?hl=th
You tube - One free day
https://youtu.be/qeSDkPRABhU
[CR] One free day : Japan EP.1 เที่ยวโอซาก้า (Osaka)
Osaka เมืองแห่งแสงสี,ความสนุกสนานและร้านอาหารยิ่งใหญ่ละลานตา จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่คนไทยนิยมไปกัน ด้วยที่ Osaka คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจาก Tokyo จึงทำให้รู้สึกว่ามีความเจริญไม่แพ้เมืองหลวงอย่าง Tokyo เลยและมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นย่านช้อปปิ้ง, แหล่งอาหาร และ Osaka เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติอันยาวนาน จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวเช่นปราสาทต่างๆ ให้เราได้เข้าชมและศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปะของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนอีกด้วย เมื่อเราได้เที่ยวที่ Osaka ก็จะได้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเจริญและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น จึงทำให้บรรยากาศของเมืองนี้ดูมีเอกลักษณ์ที่เด่นจัดเจนและไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
เรารู้สึกได้ว่าเสน่ห์ของ Osaka มีสองอย่างที่ทำให้เรารักเมืองนี้
อย่างแรกก็คือบรรยากาศบ้านเมืองของ Osaka ที่ดูสนุกและมีสีสันกว่าเมืองอื่นๆ จะเห็นได้จากการตกแต่งร้านหรือป้ายร้านต่างๆ ค่อนข้างจัดเต็มและยิ่งใหญ่จะเห็นได้ถึงการใช้แสงสีที่จัดจ้านและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ชัดเจน
อย่างที่สองคือคน Osaka ค่อนข้างเฟรนลี่ เป็นคนตลกและอารมณ์ดีกว่าคนญี่ปุ่นเมืองอื่นๆ จากที่ไปเมืองอื่นๆคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างเคร่งขรึมดูเครียดๆ ต่างคนต่างมีพื้นที่ของตัวเอง แต่คน Osaka จะทำตัวชิวๆสบายๆยิ้มแย้มทักทายมากกว่า เลยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่ใน Osaka มากว่าเมืองใหญ่อื่นๆในญี่ปุ่น
มาเริ่มกันที่แรกหากใครได้มา Osaka ต้องมาย่านนี้อย่างแน่นอนนั่นก็คือย่าน Dotonbori เป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าต่างๆมากมายโดยเฉพาะร้านอาหารที่เปิดติดกันเรียงรายทั่วทั้งย่าน เป็นอีกหนึ่งย่านสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะมา เปิดตั่งแต่เที่ยงๆจนถึงค่ำโดยเฉพาะช่วงตอนเย็นคนจะเยอะมาก แสงสีจากป้ายร้านอาหารอลังการจัดเต็มมากไม่มีใครยอมใคร จึงทำให้ย่านนี้ดูคึกคักและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ร้านอาหารอร่อยๆมีให้เลือกหลายร้านก็เลือกหาของกินกันตามใจชอบได้เลย
แลนด์มาร์คที่สำคัญที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปนั่นก็คือป้ายกูลิโกะใหญ่ๆตรงริเวณสะพานนี้ (ด้านขวามือของรูป)
ที่ทุกคนจะต้องทำท่าชูมือและยกขาข้างเดียวเพื่อเลียนแบบโลโก้กูลิโกะ เชื่อว่าใครหลายๆคนที่เคยไปก็ต้องมีรูปคู่กับป้ายกูลิโกะนี้อย่างแน่นอน ถ้าใครมีรูปลองเอารูปมาโพสใต้รูปนี้ได้นะอยากเห็นเหมือนกันว่าทุกคนจะทำท่าเหมือนกันไหมหรือว่าจะมีใครที่ทำท่าแปลกพิสดารกว่าชาวบ้านก็เอามาโชว์ได้นะ 55555
และที่คลองนี้ก็สามารถนั่งเรืองชมบรรยากาศแสงสีจากป้ายไฟสองข้างทางได้เช่นกัน
หรือถ้าใครไม่อยากนั่งเรือก็มาเดินเล่นหาของกินในย่านนี้ก็สามารถบรรยากาศแสงสีจากป้ายไฟของร้านต่างๆได้เหมือนกันนะ
เราว่าบรรยากาศและแสงสีดูคึกคักไม่แพ้ตรงริมคลองเลย
และเมื่อได้ข้ามสะพานมานั้นก็จะเป็น Shinsaibashi-Suji Shopping Street เป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใน Osaka เลยก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวต่างพากันมาช้อปปิ้งกันที่นี่เพราะมีขายเกือบครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์, เครื่องสำอาง, อาหาร,ขนม และร้านขายของฝากต่างๆ ถ้าใครได้หลงเข้ามาแล้วรับรองได้เลยว่าต้องช้อปปิ้งจนหมดตัวแน่นอน
เดินไปเรื่อยๆติดกันก็จะมี Ebisu bashi-suji shopping street เป็นย่านช้อปปิ้งเหมือนกันครับ คือจะบอกเลยว่าถ้าหลงมาแถวนี้แล้วจะช้อปปิ้งจนลืมวันลืมคืนเลยทีเดียว เป็นย่าน shopping street ที่ติดกันเป็นทางยาวมากๆ
ถัดมาก็จะเป็นย่าน Shinsekai เป็นแหล่งรวบรวมร้านอาหารและร้านนั่งดื่ม จุดเด่นของย่านนี้ที่ทำให้คนชอบมาถ่ายรูปนั่นก็คือความสวยงามในการตกแต่งร้านและป้ายร้านของร้านอาหารต่างๆในย่านนี้จัดเต็มยิ่งใหญ่และสวยงามในแบบฉบับของญี่ปุ่น
การตกแต่งของร้านก็ยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเก่าๆ ซึ่งผสมผสานกับแสงสีได้อย่างลงตัว
ถ่ายรูปเล่นในย่านนี้สนุกมากมีมุมสวยๆให้ถ่ายเยอะเลย
ยิ่งช่วงกลางคืนย่าน Shinsekai ก็จะดูตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิม เพราะเราจะได้เห็นแสงสีสุดอลังการจากร้านอาหารต่างๆ และบรรยากาศก็ดูคึกคักกว่าตอนกลางวัน มีทั้งนักท่องเที่ยวมาหาของกินและชาวโอซาก้าที่มาหาร้านนั่งดื่นหลังเลิกงาน ถือว่าบรรยากาศดีเลยครับในช่วงกลางคืน
ที่ใจกลางย่าน Shinsekai ก็จะมีหอคอย Tsutenkaku ตั้งอยู่อย่างสวยงามที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกัน สามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยได้ ทางเข้าจะอยู่ชั้นใต้ดินราคาเข้าชมเพียงแค่ 600 เท่านั้นเองถือว่าไม่แพงเลย
ภายในหอคอยก็จะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของย่าน Shinsekai และหอคอย Tsutenkaku รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก
นี้ก็เป็นภาพวิวเมือง Osaka จากบนหอคอย Tsutenkaku
ไปต่อกันที่ปราสาท Osaka เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาชมความยิ่งใหญ่ของที่นี่
ภายในปราสาท Osaka ก็จะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของ Osaka และปราสาท Osaka รวมไปถึงการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และวัตถุโบราณของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน
และที่ชั้นบนสุดของปราสาท Osaka ก็จะเป็นชุดชมวิว
เดินไปต่อไม่ไกลก็จะมี Osaka International Peace Center ภายในจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับสงครามโลก
มีการจำลองสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของชาว Osaka ในช่วงที่ต้องอยู่ในสงครามโลกด้วย
เดินไปอีกนิดก็จะถึง Osaka Museum of History เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดใน Osaka
ค่าเข้าชนแค่ 600 เยนเท่านั้นเอง
ด้านก็จะมีการจำลองสภาพบ้านของสมัยก่อน ซึ่งทำออกมาได้ยิ่งใหญ่และสมจริง
มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และวัตถุโบราณของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน เราว่าที่นี่ทำค่อนข้างดีเลยดูทันสมัยทำให้เราเดินดูจนจบโดยที่ไม่เบื่อเลย
ที่นี่ก็คือ Osaka City Museum of Fine Arts เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ ค่าเข้าชม 300 เยน
ภายในไม่ใหญ่มากเดินดูไม่นานก็จบไม่ค่อยมีอะไรมาก
ที่ต่อมาคือ Osaka Aquarium Kaiyukan เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ติดอันดับโลกและใหญ่และดีที่สุดใน Osaka
ค่าเข้าชม 2,300 เยน ขอบอกเลยว่าเค้าทำดีจริงถ้าเทียบกับเงินที่จ่ายเราว่าคุ้ม
โซนแรกๆก็จะเป็นพวกสัตว์ทะเลน้ำลึก มีแมงกะพรุนน้ำลึกที่มีสีสันแปลกตาหาดูได้ยาก ซึ่งทำให้เราตื่นตาตื่นใจมาก
และจุดเด่นของ Osaka Aquarium Kaiyukan ก็คือจะมีแท็งค์น้ำขนาดยักษ์ที่เราสามารถดูสัตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิดเหมือนเราอยู่ใต้ท้องทะเลเลย
ใกล้จะกลับแล้วก็เลยหาที่ช้อปปิ้งย่านนี้ Den den town ย่านนี้จะคล้ายๆกับย่าน Akihabara ใน Tokyo เป็นแหล่งรวมร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, เกมส์, ของเล่น, โมเดลและฟิกเกอร์ต่างๆ
ย่านสุดท้ายก็คือ America mura ย่านนี้น่าจะถูกใจวัยรุ่น เพราะเป็นแหล่งรวมร้านขายเสือผ้าที่ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่คนญี่ปุ่นทำขายเอง และก็จะมีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นมือสองเยอะเหมือนกัน หากใครที่ชอบแต่งตัวไม่ซ้ำใครและนำให้มาช้อปปิ้งที่ย่านนี้เพราะจะได้ของที่ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วๆไปอย่างแน่นอน
ใครที่ต้องการดูคลิปกดดูที่ลิ้งค์นี้ได้เลย
https://youtu.be/PxPIjwPF49w
ฝากกดติดตามเพจ One free day ด้วยนะครับ
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดสถานที่เที่ยวใหม่ๆ ^_^
สามารถติดตามรีวิวอื่นๆได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ
Face book - One free day : เพจท่องเที่ยว
https://www.facebook.com/onefreedaytravel/
IG - tae_thanit
https://www.instagram.com/tae_thanit/?hl=th
You tube - One free day
https://youtu.be/qeSDkPRABhU
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้