สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมจะมารีวิวเปรียบเทียบ 3 รุ่น ที่หลายๆคนถามผมบ่อยมากว่า 3 ตัวนี้จะเลือกตัวไหนดี และผมก็ใช้เวลารวมรวมข้อมูลจากคนที่สอบถามเข้ามา...และ 3 ตัวที่ว่าก็จะเป็น Xiaomi Redmi Note 8 , Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite ที่มีราคาไม่เกินหมื่น และมีสองรุ่นที่ราคาเท่ากัน ทำให้หลายคนเกิดความลังเล...วันนี้ผมเลยจะมาเล่าให้ฟังว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นด้านใดบ้าง จะได้เลือกใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละคนและงบของแต่ละคนไป...
สำหรับรีวิว Redmi Note 8 Pro แบบเต็มๆ เชิญที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ
https://pantip.com/topic/39303193 ตัวผมได้ Redmi Note 8 และ Mi 9 Lite มาพร้อมๆกัน และไหนๆก็ไหนๆแล้วผมเลยจับ Redmi Note 8 Pro มารวมในรีวิวนี้ด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปอ่านบทความเดี่ยวๆแยกต่างหากครับ
และเหตุผลที่รีวิวนี้ออกช้า เป็นเพราะ...ความขี้เกียจของผมส่วนหนึ่ง 555+ และ MIUI 11 ที่มาไม่พร้อมกัน ทำให้ผมอาจจะเปรียบเทียบแบบตรงๆไม่ได้เพราะระบบมีความแตกต่างกันบ้างนิดหน่อย ซึ่ง MIUI 11 เครื่องที่มาช้าที่สุดคือ Redmi Note 8 ซึ่งผมได้กดอัพเดต วันที่ 25 พฤษจิกายน 2562 ก็คือวันที่ผมเขียนรีวิวนั่นเอง 555+ นอกนั้นอีกสองเครื่องได้รับการอัพเดตมาซักพักนึงแล้ว...
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวเป็นวีดีโอก็สามารถดูได้ที่นี่เลยครับผม
รีวิวเปรียบเทียบครั้งนี้ ผมจะอ้างอิงตามหัวข้อที่ผมเคยรีวิวมาทั้งหมด และจะบอกในแต่ละหัวข้อว่ารุ่นไหนมีจุดเด่นอะไรบ้าง...ถ้ารีวิวนี้มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยเพราะเป็นการรีวิวแบบเปรียบเทียบครั้งแรกของผมครับ 555+
กล่องในช่วงหลังๆมามีการออกแบบโดยการเอารูปตัวเครื่องมาใส่ไว้ที่หน้ากล่องทั้ง 3 รุ่นเลย แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ...รูปที่อยู่หน้ากล่องเป็นมือถือสีขาวทั้งหมด แต่...เครื่องที่ผมได้มาทั้ง 3 รุ่น ไม่มีสีขาวเลยแม้แต่เครื่องเดียว 555+
ซึ่งสเปกเครื่องที่ผมได้มาทั้ง 3 รุ่น จะมีขนาดที่ต่างกันออกไป แต่ Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite ผมจะได้ Ram 6GB เท่ากัน แต่ความจุต่างกันซึ่งจะมี 64GB และ 128GB ส่วน Redmi Note 8 ผมจะได้เป็นตัวแรม 4GB และ ROM 64GB
ข้อมูลสเปก
ในกล่องของทั้ง 3 รุ่น
อุปกรณ์ภายในกล่องจะให้มาเหมือนๆกันหมด ซึ่งจะมี เคสนิ่ม ถ้าเป็นเครื่องที่เป็นสีสว่างเช่น สีน้ำเงิน สีขาว สีเขียว จะได้เคสนิ่มแบบใส สมุดคู่มือ และใบรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม สายชาร์จ Type C และ หัวชาร์จ Quick Charge 3.0 18W ที่จะให้มาเฉพาะ Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite เท่านั้น...ส่วน Redmi Note 8 จะให้เป็นที่ชาร์จธรรมดา แต่ตัวเครื่องรองรับ Quick Charge 3.0 18W เช่นกัน แต่ต้องซื้อหัวชาร์จ Quick Charge 3.0 เพิ่มครับ
เคสของ Redmi Note 8 และ Note 8 Pro มีความแปลกนิดหน่อยคือ เคสมีที่ปิดช่องชาร์จมาให้ด้วย เวลาจะเสียบชาร์จทีต้องคอยแกะออกทุกครั้ง...ซึ่งผมก็คิดว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ และหลายคนคงแอบรำคาญ ผมแนะนำให้เอากรรไกมาตัดออกครับ 555+
ภายนอก
และแน่นอนว่ามือถือต่ำกว่าหมื่นในหลายๆรุ่นที่ผมได้จับมาส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกซะส่วนใหญ่ ซึ่ง Redmi Note 8 จะเป็นบอดี้แบบพลาสติก ซึ่งผมมองว่ามันเหมาะสมกับราคาแล้ว ส่วน Redmi Note 8 Pro โครงสร้างภายในจะเป็นโลหะ แต่ภายนอกจะเป็นพลาสติก ซึ่งมันทำให้เครื่องไม่สะสมความร้อนมากเกินไปเหมือนมือถือที่เป็นพลาสติกทั้งเครื่อง...ส่วน Mi 9 Lite ภายนอกภายในเป็นบอดี้โลหะ ซึ่งการจับถือจะต่างจาก 2 รุ่นแบบเห็นได้ชัด
ทั้ง 3 รุ่น มี IR มาให้ และมีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ครบเลยครับ
ฝาหลังของตัวเครื่อง Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite ในสีดำจะไม่มีลวดลายอะไรพิเศษ แต่ Redmi Note 8 สีน้ำเงินที่ผมได้มาจะมีลวดลายที่ฝาหลังด้วย...จะสังเกตุว่าทั้ง 3 รุ่น มีจะไม่มีความเหมือนกันเลย ทั้งนี้ก็แล้วแต่ชอบครับ
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite จะมี NFC มาให้ ส่วน Redmi Note 8 จะไม่มีมาให้ครับ
และความพิเศษอีกอย่างนึงก็คือฝาหลังของ Mi 9 Lite นั้น ตรงโลโก้ Xiaomi จะมีไฟแจ้งเตือนแบบหลายสี สีที่ผมเห็นก็จะมี สีน้ำเงิน สีเขียว สีส้ม สีแดง เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นหลอดไฟ RGB ที่รวมกันจนเกิดเป็นสีต่างๆได้ ซึ่งส่วนตัวผมชอบมากๆ ><;
ถาดใส่ซิมของ Redmi Note 8 Pro และ Mi 9 Lite จะเป็นแบบ Hybrid Slot ที่ช่องซิม 2 จะต้องเลือกว่าจะใส่เมโมรี่การ์ดหรือจะใส่ซิมการ์ด ส่วน Redmi Note 8 จะเป็น Triple Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง และเมโมรี่การ์ดได้อีก 1 ช่อง เพราะฉะนั้น รุ่นที่เป็น Hybrid Slot ผมแนะนำให้เลือกความจุให้เหมาะสมกับการใช้งานก่อนซื้อนะครับผม
หน้าจอ
ด้วยขนาดหน้าจอที่ต่างกัน และประเภทของหน้าจอที่ต่างกัน แต่ทั้ง 3 รุ่นใช้กระจก Gorilla Glass 5 ทั้ง 3 รุ่นเลย หน้าจอของ Redmi Note 8 และ Note 8 Pro จะเป็นหน้าจอ IPS ที่ให้มุมมองในการมองได้กว้างเหมือนๆกันทั้งสองตัว แต่ขนาดหน้าจอของ Redmi Note 8 Pro จะใหญ่ที่สุดใน 3 รุ่นนี้ ซึ่งมีขนาด 6.53 นิ้ว ส่วน Redmi Note 8 มีขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว และ Mi 9 Lite มีขนาดหน้าจอ 6.39 นิ้ว และมีความละเอียดอยู่ที่ Full HD+ 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น
และ Mi 9 Lite จะเป็นรุ่นเดียวใน 3 รุ่นที่ใช้จอ AMOLED และมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ด้วย ซึ่งหน้าจอ AMOLED เป็นส่วนสำคัญที่อาจจะทำให้หลายคนลังเล เพราะจอ AMOLED ให้สีสันที่ดีกว่า และสู้แสงได้ดีกว่า และให้อรรถรสในการเล่นเกมส์หรือวีดีโอได้ดีกว่าจอ IPS ใน Redmi Note 8 และ Note 8 Pro แบบเห็นได้ชัด…ยังไงก็ลองพิจารณาข้อนี้กันด้วยนะครับ
และแน่นอนว่า จอ AMOLED นั้น สามารถใช้งานกลางแดดได้ดีกว่าจอประเภทอื่น...ในรูปผมได้ปรับแสงจนสุดแล้วทุกเครื่องแล้วครับ...เห็นความต่างชัดเจนเลยใช่มั้ยครับ
ส่วนหน้าจอของ Redmi Note 8 Pro เท่าที่ผมสังเกตมา เมื่อต้องแสดงผลสีดำ ผมรู้สึกว่าหน้าจอมันจะมีแสงสีขาวลอดมามากกว่า Redmi Note 8 แต่เมื่อเทียบกันจริงๆแล้วผมก็พบว่าหน้าจอของ Redmi Note 8 Pro โดยรวมสว่างกว่า Redmi Note 8 นิดหน่อยเลยอาจจะเป็นเหตุผลที่เวลาแสดงสีดำแล้วรู้สึกจอจะมีแสงสีขาวลอดออกมาเยอะกว่า? และหน้าจอจะดูอมฟ้ามากกว่าทั้ง 2 รุ่น และเหมือนจะมีการปรับความคมมากจนเกินไป ทำให้การดูวีดีโอรู้สึกเส้นขอบมันคมจนเกินไป
ผมกลับรู้สึกชอบหน้าจอของ Redmi Note 8 และ Mi 9 Lite ที่สีดูใกล้เคียงกันและเป็นธรรมชาติมากกว่า และ Redmi Note 8 จะมีขอบล่างที่ค่อนข้างหนากว่าอีก 2 รุ่นแบบเห็นได้ชัด
[SR] รีวิว มัดรวม 3 รุ่น Redmi Note 8 , Note 8 Pro , Xiaomi Mi 9 Lite เลือกตัวไหนดี?
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้