สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
เมื่อตอนอายุ 27 ลาออกจากโปรเจคเอ็นจิเนียร์ในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่น แล้วไปสมัครงานที่บริษัทออโตเมชั่นคอนโทรลแห่งหนึ่งเอาไว้
ที่คิดไว้ >>> ฉันจะทำงานที่นี่สักพัก เขียนโปรแกรมเก่งจนช่ำชอง ในอนาคตฉันจะต้องเป็นฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรมอยู่กับบ้าน หรือตามมุมร้านกาแฟสักแห่ง เดินทางไปไซต์งานตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และทั่วโลก แต่ ๆๆ
ฝ่ายบุคคล : ตำแหน่งที่สมัครไว้ไม่ว่างค่ะ ตอนี้รับแต่เซลเอ็นจิเนียร์จะลองมาสัมภาษณ์มั๊ยค่ะ
ที่คิดไว้ต่อมา >>> ฉันจะเข้าไปสัมภาษณ์ก่อนแล้วลองทำดูสักปี แล้วค่อยย้ายแผนก แล้วฉันจะต้องเป็นฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรมอยู่กับบ้าน หรือตามมุมร้านกาแฟสักแห่ง เดินทางไปไซต์งานตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และทั่วโลก
เรื่องจริง ๆ > ฉันทำงานในตำแหน่งพนักงานขายในปีแรกยอดขายสามล้าน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนวาร์ปมาปีที่สิบยอดขายเก้าสิบล้าน
ปัจจุบัน <<< ฉันคือลุงอายุ 42 นั่งทำงานอยู่กับบ้าน ประเภทกวาดใบไม้ ตัดหญ้า แต่งกิ่งไม้ ซ่อมส้วม ฯลฯ ฉันไม่เคยได้เดินทางไปต่างประเทศเลยแม้สักครั้ง แต่มีผู้คนจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแม้แต่ สโลวีเนีย และเอสโธเนีย ก็ยังเดินทางมาพักที่บ้านฉัน บางคนมาบ้านฉันเพื่อหาที่เงียบ ๆ เพื่อเขียนโปรแกรม หรือทำงาน หรือทำเปเปอร์อะไรบางอย่าง แล้วส่งไปที่ ๆ เขาถูกจ้างให้ทำ (มีอเมริกันคนนึงเขียนระบบป้องกันการยิงขีปนาวุธโดยแฮกผ่านระบบ PLC ) ตอนพวกเขากำลังทำงานแบบนี้ แบบที่ฉันฝันว่าฉันจะต้องเป็นแบบนี้ ฉันกำลังต้มน้ำร้อนเตรียมชงกาแฟให้พวกเขาอยู่ หรือไม่ก็กวาดใบไม้หน้าบ้านให้พวกเขา บางทีก็จับงูเขียวที่เลื้อยตามพุ่มไม้ บางทีก็จับตุ๊กแกที่ร้องรบกวน ฉันคิดถึงจัง SQL JAVA C++ แต่ตั้งแต่เรียนเขียนภาษาแอสเซมบลี ฉันก็เขียนโปรแกรมอื่นไม่ได้เลย จริง ๆ อยากเล่ามากกว่านี้แต่ฉันต้องไปดูดฝุ่นกับตากผ้านวมก่อนนะ
ที่คิดไว้ >>> ฉันจะทำงานที่นี่สักพัก เขียนโปรแกรมเก่งจนช่ำชอง ในอนาคตฉันจะต้องเป็นฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรมอยู่กับบ้าน หรือตามมุมร้านกาแฟสักแห่ง เดินทางไปไซต์งานตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และทั่วโลก แต่ ๆๆ
ฝ่ายบุคคล : ตำแหน่งที่สมัครไว้ไม่ว่างค่ะ ตอนี้รับแต่เซลเอ็นจิเนียร์จะลองมาสัมภาษณ์มั๊ยค่ะ
ที่คิดไว้ต่อมา >>> ฉันจะเข้าไปสัมภาษณ์ก่อนแล้วลองทำดูสักปี แล้วค่อยย้ายแผนก แล้วฉันจะต้องเป็นฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรมอยู่กับบ้าน หรือตามมุมร้านกาแฟสักแห่ง เดินทางไปไซต์งานตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และทั่วโลก
เรื่องจริง ๆ > ฉันทำงานในตำแหน่งพนักงานขายในปีแรกยอดขายสามล้าน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนวาร์ปมาปีที่สิบยอดขายเก้าสิบล้าน
ปัจจุบัน <<< ฉันคือลุงอายุ 42 นั่งทำงานอยู่กับบ้าน ประเภทกวาดใบไม้ ตัดหญ้า แต่งกิ่งไม้ ซ่อมส้วม ฯลฯ ฉันไม่เคยได้เดินทางไปต่างประเทศเลยแม้สักครั้ง แต่มีผู้คนจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแม้แต่ สโลวีเนีย และเอสโธเนีย ก็ยังเดินทางมาพักที่บ้านฉัน บางคนมาบ้านฉันเพื่อหาที่เงียบ ๆ เพื่อเขียนโปรแกรม หรือทำงาน หรือทำเปเปอร์อะไรบางอย่าง แล้วส่งไปที่ ๆ เขาถูกจ้างให้ทำ (มีอเมริกันคนนึงเขียนระบบป้องกันการยิงขีปนาวุธโดยแฮกผ่านระบบ PLC ) ตอนพวกเขากำลังทำงานแบบนี้ แบบที่ฉันฝันว่าฉันจะต้องเป็นแบบนี้ ฉันกำลังต้มน้ำร้อนเตรียมชงกาแฟให้พวกเขาอยู่ หรือไม่ก็กวาดใบไม้หน้าบ้านให้พวกเขา บางทีก็จับงูเขียวที่เลื้อยตามพุ่มไม้ บางทีก็จับตุ๊กแกที่ร้องรบกวน ฉันคิดถึงจัง SQL JAVA C++ แต่ตั้งแต่เรียนเขียนภาษาแอสเซมบลี ฉันก็เขียนโปรแกรมอื่นไม่ได้เลย จริง ๆ อยากเล่ามากกว่านี้แต่ฉันต้องไปดูดฝุ่นกับตากผ้านวมก่อนนะ
ความคิดเห็นที่ 32
-เราจบวิศวะ
-เราไม่ชอบชีวิตโรงงาน
-เราทนทำงานในสิ่งที่ไม่ชอบมา7ปี
-เราตกงานตอนอายุ 29
-เราไม่มีหนี้สิน,ไม่มีแฟน,อยู่กับครอบครัวที่พร้อมจะเข้าใจสถาการณ์ที่ผ่านมาเสมอ
-เราสนใจกฎหมายตั้งเด็กแต่ไม่มีโอกาศเลยโอนหน่วยกิตสมัยป.ตรีเริ่มเรียนนิติรามตอนอายุ28
-เราจบนิติตอนอายุ30 ตลอดที่เรียนมีความสุขและภูมิในตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด
-เราจบเนติบัณฑิตและตั้งใจจะเป็นผู้พิพากษา
-เราทำงานราชการครั้งแรก
-เราลาออกราชการตอนอายุ33
-ปัจจุบันเราเตรียมตัวสอบผู้พิพากษา
ที่ผ่านมาเราอาจเลือกเส้นทางผิดตั้งแต่แรกและเราคิดเสมอว่าต้องมีทางออกจงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง
เราอาจจะกลับไปแก้ไข้ในอดีตไม่ได้ที่เลือกเส้นทางผิดตั้งแต่แรก แต่ เราเลือกที่จะทำอนาคตในสิ่งที่เราอยากทำได้ สุดท้ายขอให้เลือกมองในที่ทำให้เราได้กำลังใจจากมัน แต่ อย่าไปมองในสิ่งที่จะทำให้เราเป็นทุกข์จากมัน ปัจจุบันสื่อต่างๆและสังคมมันทำให้เราไม่เป็นตัวเอง ใช้สติเชื่อมั่นในตัวเองเราเชื่อว่าเราจะรู้ว่าจะจัดการกับปัญหาในใจยังไง
ps.กรณีเราอาจโชคดีที่ยังไม่มีภาระอะไรมากเลยทำตามในสิ่งที่เราอยากทำได้ ถ้ามีคงอาจเป็นหนังอีกม้วนเลยก็ได้
-เราไม่ชอบชีวิตโรงงาน
-เราทนทำงานในสิ่งที่ไม่ชอบมา7ปี
-เราตกงานตอนอายุ 29
-เราไม่มีหนี้สิน,ไม่มีแฟน,อยู่กับครอบครัวที่พร้อมจะเข้าใจสถาการณ์ที่ผ่านมาเสมอ
-เราสนใจกฎหมายตั้งเด็กแต่ไม่มีโอกาศเลยโอนหน่วยกิตสมัยป.ตรีเริ่มเรียนนิติรามตอนอายุ28
-เราจบนิติตอนอายุ30 ตลอดที่เรียนมีความสุขและภูมิในตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด
-เราจบเนติบัณฑิตและตั้งใจจะเป็นผู้พิพากษา
-เราทำงานราชการครั้งแรก
-เราลาออกราชการตอนอายุ33
-ปัจจุบันเราเตรียมตัวสอบผู้พิพากษา
ที่ผ่านมาเราอาจเลือกเส้นทางผิดตั้งแต่แรกและเราคิดเสมอว่าต้องมีทางออกจงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง
เราอาจจะกลับไปแก้ไข้ในอดีตไม่ได้ที่เลือกเส้นทางผิดตั้งแต่แรก แต่ เราเลือกที่จะทำอนาคตในสิ่งที่เราอยากทำได้ สุดท้ายขอให้เลือกมองในที่ทำให้เราได้กำลังใจจากมัน แต่ อย่าไปมองในสิ่งที่จะทำให้เราเป็นทุกข์จากมัน ปัจจุบันสื่อต่างๆและสังคมมันทำให้เราไม่เป็นตัวเอง ใช้สติเชื่อมั่นในตัวเองเราเชื่อว่าเราจะรู้ว่าจะจัดการกับปัญหาในใจยังไง
ps.กรณีเราอาจโชคดีที่ยังไม่มีภาระอะไรมากเลยทำตามในสิ่งที่เราอยากทำได้ ถ้ามีคงอาจเป็นหนังอีกม้วนเลยก็ได้
แสดงความคิดเห็น
มีใครอายุเกิน 30 และรู้สึกว่าตัวเองเลือกเส้นทางชีวิตผิดพลาดบ้าง
อยากทราบว่าเพราะอะไรทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินไปผิดทางครับ ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลับไปแก้ไขอะไรตอนนั้น
อยากให้แบ่งปันเป็นแนวทางการใช้ชีวิตสำหรับตัวผมเองและท่านอื่นๆครับ
ขอบคุณครับผม