
.
เชื่อเลยว่าคนที่เป็นเเฟนงานเขียนนิยาย
‘อกาธา คริสตี้’ คนรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อเห็นงานเขียนของเธอถูกดัดเเปลงหรือหยิบยืมโครงสร้างเพื่อนำเสนอสู่โลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รูปเเบบของหนัง Whodunit นับว่าค่อนข้างพบเจอได้ยากมาก ยิ่งเมื่อเทียบเคียงกับหนังสืบสวนประเภทอื่นๆ อีกทั้งก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เเละควรค่าเเก่การบอกต่อสู่ยุคหลังเหมือนอย่าง The Hateful Eight, The Message, Identity, Gosford Park เเละเเน่นอนว่า
Knives Out ก็จะกลายเป็นหนึ่งในนั้น
.
ผลงานตลอด 4 เรื่องที่ผ่านมาของ
'ไรอัน จอห์นสัน' เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พยายามดึงหนังออกจากขนบเดิมๆที่ถูกทำกันมา เเละ Knives Out นอกจากคารวะงานของ ‘อกาธา คริสตี้’ ที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านโลเคชั่นเดียว, ผู้ต้องสงสัยจำนวนมากต่างอยู่ในที่เกิดเหตุ เเละการไขปริศนาผ่านสายตาของตัวนักสืบ เขายังมีการพลิกแพลงขนบดังกล่าวมาเป็นเเบบฉบับตัวเอง เเละยังใส่อารมณ์ขันลักษณะเดียวกับ Whodunit ยุค 80’s อย่าง Clue ที่อาจทำให้คนดูเกิดอาการขำในลำคอ ไปจนถึงขำก๊ากดังๆออกมา ตลอดจนการสร้างกิมมิคที่คนดูอาจไม่เคยพบเห็นจากหนังเรื่องไหน ถูกเซ็ตให้กับตัวละครหนึ่งเพื่อช่วยนำพาไปสู่ความจริงได้อย่างชาญฉลาด
.
.
.

.
หนังเปิดเรื่องมาด้วย
'ฮาร์ลาน ทรอมบีย์’ นักเขียนนิยายอาชญากรรมชื่อก้อง ที่เสียชีวิตในคืนงานเลี้ยงวันเกิดครบ 85 ปี สภาพศพถูกเฉือนที่ลำคอ รอยเลือดพุ่งกระเซ็นเป็นทางยาวต่อเนื่องกัน ไม่มีช่วงขาดตอนที่บ่งชี้ว่าจะมีคนอยู่ใกล้ๆคุณปู่ในเวลานั้น ขณะที่มือของปู่ก็กำมีดไว้อย่างเเน่น ไม่พบลายนิ้วมือเเฝง จนข้อสันนิษฐานตกไปที่การฆ่าตัวตาย ทว่าไม่กี่วันให้หลัง ทางตำรวจก็เชิญตัวเหล่าลูกหลานของปู่ฮาร์ลานที่อยู่ในคืนเกิดเหตุมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยมีนักสืบเอกชนอย่าง
'เบอร์นัวต์ บลองก์’ มาเป็นผู้ถอดรหัสฆาตกร
.
การสอบปากคำครั้งนี้ทำให้คนดูรู้ว่าในคืนนั้น เป็นคืนที่ปู่ฮาร์ลานต้องการสะสางปมปัญหากับคนในครอบครัว ทำให้เบื้องหลังของเเต่ละคนค่อยๆถูกเปิดออกมา จนคนดูสามารถวางสโคปผู้ต้องสงสัยตามเเรงจูงใจในการก่อเหตุได้ 5 คน
‘วอล์ท’ ลูกชายที่เป็นคนดูเเลกิจการสำนักพิมพ์ของครอบครัว เขาหวังเงินก้อนโตจากการขายลิขสิทธิ์งานเขียนเพื่อนำไปสร้างเป็นหนังเเละซีรีส์ เเต่ทางฮาร์ลานก็ปฏิเสธทุกครั้ง มิหนำซ้ำในคืนเกิดเหตุยังถูกฮาร์ลานปลดจาการเป็นผู้ดูเเลสำนักพิมพ์,
‘ลินดา’ ลูกสาวที่มีปมฝังใจเรื่องที่ตนไม่ได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อ ,
‘ริชาร์ด’ สามีของลินดาที่ถูกจับได้ว่าเเอบไปมีชู้ เขาถูกฮาร์ลานขู่เรื่องที่จะนำความจริงไปเปิดเผยกับลินดา, ‘
โจนี’ สะใภ้ครอบครัวทรอมบีย์ที่สามีเสียชีวิตไปเเล้ว เธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเพราะถูกฮาร์ลานปฏิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือเธอกับลูกที่เคยได้รับมาตลอด,
‘เเรนซัม’ ลูกชายของลินดากับริชาร์ด ที่มีปากเสียงอย่างรุนเเรงกับฮาร์ลานในคืนวันเกิดเหตุ, ขณะเดียวกันตัวละครที่ไม่มีเเรงจูงใจอะไรเลยในการก่อเหตุ เเต่เป็นคนที่อยู่กับฮาร์ลานเป็นคนสุดท้ายอย่าง
‘มาร์ธา' ผู้เป็นเเพทย์ประจำตัว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย เเต่อย่างไรก็ตามทั้ง 6 คน ต่างให้ปากคำที่สอดคล้องกันในเรื่องของเวลาเเละสถานที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องยากที่จะโฟกัสหรือเอาผิดกับใครสักคน
.
ส่วนตัวละครที่ไม่มีเเรงจูงใจในการก่อเหตุอย่างชัดเจน ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบจิ๊กซอว์ให้เสร็จสมบูรณ์ ทั้ง ‘ฟราน’ ผู้เป็นเเม่บ้าน, ‘คุณนายทรอมบีย์’ เเม่ของฮาร์ลาน, ‘เม็ก’ ลูกสาวของโจนี เเละ ‘เจค็อบ’ ลูกชายของวอล์ท
.
.
.

.
***เทคนิคการเล่าอาจเป็นการชี้นำ ใครที่ยังไม่ได้ดูหรือเซนซิทีฟกับการสปอยข้ามส่วนนี้ได้เลยครับ
เทคนิคการเล่าของ ‘ไรอัน จอห์นสัน’ เป็นการพลิกขนบครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของหนัง Whodunit จากการเริ่มต้นด้วยการให้คนดูเเละนักสืบบลองก์ เก็บข้อมูลจากการสอบปากคำเหล่าผู้ต้องสงสัย ควบคู่กับการใช้แฟลชแบ็คสะท้อนภาพเหตุการณ์ให้คนดูสิ่งต่างๆที่อยู่ในความคิดของตัวละครขณะกำลังพูด เเต่ทว่าหลายตัวละครกลับให้ปากคำโดยการบิดเบือนความจริงเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ฝั่งคนดูจะรู้ได้ทันทีว่าตัวละครกำลังพูดโกหกจากเเฟลชเเบ็คที่มีบางอย่างไม่ตรงกับคำพูดตัวละคร กลับกันฝั่งนักสืบบลอกงก์ที่รับข้อมูลจากคำพูดตัวละครโดยตรงไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังโกหก ทำให้ศูนย์กลางในการสืบคดีกลายเป็นคนดูเสียเอง ซึ่งเป็นการเล่าที่เเตกต่างไปจากหนัง Whodunit ทั่วๆไป ที่คนดูจะรับรู้ข้อมูลต่างๆไปพร้อมๆกับตัวนักสืบของเรื่องที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางในการขับเคลื่อนหนัง
.
เมื่อตัวนักสืบไม่ใช่ศูนย์กลางในการไขความจริง หนังก็เลือกที่จะเผยความลับสำคัญบางอย่างในทันที เพื่อสลับจุดโฟกัสไปที่ตัวละครอื่นให้เป็นผู้ขับเคลื่อนหนังเเละมีคนดูเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด โดยตัวหนังหลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมด Howdunit (เขาทำได้อย่างไร) เเละ Whydunit (เขาทำไปเพื่ออะไร) เเม้ในจุดนี้คนดูบางคนอาจจะเดาได้เเล้วว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร เเต่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะประติดประต่อเหตุการณ์ เเละรู้ความจริงเบื้องหลังได้ทั้งหมด 100% ก่อนที่หนังจะเฉลย
.
.
.
นอกจากการเขียนบทที่วางปมฆาตกรรมได้อย่างเเยบยลเเละเเทบจะไม่มีช่องโหว่ให้เห็น หนังก็ไม่ลืมที่จะเเทรกสอดหัวใจสำคัญในงานเขียนของ ‘อกาธา คริสตี้’ คือการสะท้อนค่านิยมหรือบริบททางวัฒนธรรม อาทิ การเสพติดเทคโนโลยี (Digital Detox) ที่กำลังเป็นปัญหาในกลุ่มคนอเมริกันที่ต้องคอยเช็คอีเมล เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์อยู่ตลอดเวลา เเละภาพดังกล่าวถูกสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาผ่านตัวละครเด็กรุ่นใหม่อย่างเจค็อบ, คุณปู่ฮาร์ลานที่มีความคิดฝังลึกเเบบคนอเมริกันต่อเเรงขับเคลื่อนในการไขว่คว้าความสำเร็จด้วยตนเอง เเละหวังจะเห็นเหล่าลูกๆเดินตามเจตจำนง, การเเทนความเป็นอเมริกันของ ‘คริส อีแวนส์’ ทั้งในเเง่บทบาทที่กลายเป็นภาพจำของ Captain America ตลอดจนทัศนคติด้านการเมืองที่สื่อผ่านโซเชียลต่อการเป็นปรปักษ์กับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
.
.
.

.
อย่างไรก็ตาม เเม้วิสัยทัศน์ Whodunit เเบบฉบับของ 'ไรอัน จอห์นสัน’ ค่อนข้างเเตกต่างไปจากขนบเดิมๆอยู่พอสมควร เเต่เมื่อโฟกัสไปที่รูปคดีที่มีการบอกใบ้เเละเผยเงื่อนงำให้คนดูเห็นอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หลายๆคนสามารถคาดเดาฆาตกรตัวจริงได้ไม่ยาก ถึงอย่างนั้นหนังก็มีไพ่ตายมารองรับในการเล่นโจทย์ใหม่ที่ว่า Howdunit (เขาทำได้อย่างไร) เเละ Whydunit (เขาทำไปเพื่ออะไร) ซึ่งทำให้คนดูก็ยังรู้สึกสนุก ลุ้นไปกับการคาดเดาความจริงที่ยังไม่ถูกประกอบกันได้ 100% ขณะเดียวกันคนดูยังได้เต็มอิ่มกับบันเทิงจากมุกตลกอันแพรวพราว หรือโมเมนต์เเปลกๆของตัวละครที่ถูกสอดเเทรกมาเรียกเสียงหัวเราะอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ฉะนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Knives Out เป็นหนังที่ตอบโจทย์คนดูทั้งเเง่ความบันเทิง เเละคุณค่าของเนื้อหาที่ซ่อนผ่านบทหนังที่ถูกปรุงเเต่งใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง ตลอดจนองค์รวมทั้ง การเเสดง งานภาพ งานโปรดักชั่น การตัดต่อ/การเล่าเรื่อง ก็ทำออกมาได้ดีเเทบจะไร้ที่ติ ควรค่ากับคำว่าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเเห่งปีอีกหนึ่งเรื่อง...
(8.5/10)
.
.
.
.
.
.
99 ลิสต์หนัง กับ บทความพิเศษอีกจำนวนมาก ใครสนใจคลิกเข้าไปดูได้ครับ
https://bit.ly/32dCrZJ
.
https://www.facebook.com/Criticalme
https://twitter.com/Review_Me_
.
[CR] **Knives Out ไขความจริงฆาตกรรมหฤหรรษ์ ใครคือฆาตกร..ทำเพื่ออะไร..ทำได้อย่างไร
.
เชื่อเลยว่าคนที่เป็นเเฟนงานเขียนนิยาย ‘อกาธา คริสตี้’ คนรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อเห็นงานเขียนของเธอถูกดัดเเปลงหรือหยิบยืมโครงสร้างเพื่อนำเสนอสู่โลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รูปเเบบของหนัง Whodunit นับว่าค่อนข้างพบเจอได้ยากมาก ยิ่งเมื่อเทียบเคียงกับหนังสืบสวนประเภทอื่นๆ อีกทั้งก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เเละควรค่าเเก่การบอกต่อสู่ยุคหลังเหมือนอย่าง The Hateful Eight, The Message, Identity, Gosford Park เเละเเน่นอนว่า Knives Out ก็จะกลายเป็นหนึ่งในนั้น
.
ผลงานตลอด 4 เรื่องที่ผ่านมาของ 'ไรอัน จอห์นสัน' เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พยายามดึงหนังออกจากขนบเดิมๆที่ถูกทำกันมา เเละ Knives Out นอกจากคารวะงานของ ‘อกาธา คริสตี้’ ที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านโลเคชั่นเดียว, ผู้ต้องสงสัยจำนวนมากต่างอยู่ในที่เกิดเหตุ เเละการไขปริศนาผ่านสายตาของตัวนักสืบ เขายังมีการพลิกแพลงขนบดังกล่าวมาเป็นเเบบฉบับตัวเอง เเละยังใส่อารมณ์ขันลักษณะเดียวกับ Whodunit ยุค 80’s อย่าง Clue ที่อาจทำให้คนดูเกิดอาการขำในลำคอ ไปจนถึงขำก๊ากดังๆออกมา ตลอดจนการสร้างกิมมิคที่คนดูอาจไม่เคยพบเห็นจากหนังเรื่องไหน ถูกเซ็ตให้กับตัวละครหนึ่งเพื่อช่วยนำพาไปสู่ความจริงได้อย่างชาญฉลาด
.
.
.
.
หนังเปิดเรื่องมาด้วย 'ฮาร์ลาน ทรอมบีย์’ นักเขียนนิยายอาชญากรรมชื่อก้อง ที่เสียชีวิตในคืนงานเลี้ยงวันเกิดครบ 85 ปี สภาพศพถูกเฉือนที่ลำคอ รอยเลือดพุ่งกระเซ็นเป็นทางยาวต่อเนื่องกัน ไม่มีช่วงขาดตอนที่บ่งชี้ว่าจะมีคนอยู่ใกล้ๆคุณปู่ในเวลานั้น ขณะที่มือของปู่ก็กำมีดไว้อย่างเเน่น ไม่พบลายนิ้วมือเเฝง จนข้อสันนิษฐานตกไปที่การฆ่าตัวตาย ทว่าไม่กี่วันให้หลัง ทางตำรวจก็เชิญตัวเหล่าลูกหลานของปู่ฮาร์ลานที่อยู่ในคืนเกิดเหตุมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยมีนักสืบเอกชนอย่าง 'เบอร์นัวต์ บลองก์’ มาเป็นผู้ถอดรหัสฆาตกร
.
การสอบปากคำครั้งนี้ทำให้คนดูรู้ว่าในคืนนั้น เป็นคืนที่ปู่ฮาร์ลานต้องการสะสางปมปัญหากับคนในครอบครัว ทำให้เบื้องหลังของเเต่ละคนค่อยๆถูกเปิดออกมา จนคนดูสามารถวางสโคปผู้ต้องสงสัยตามเเรงจูงใจในการก่อเหตุได้ 5 คน ‘วอล์ท’ ลูกชายที่เป็นคนดูเเลกิจการสำนักพิมพ์ของครอบครัว เขาหวังเงินก้อนโตจากการขายลิขสิทธิ์งานเขียนเพื่อนำไปสร้างเป็นหนังเเละซีรีส์ เเต่ทางฮาร์ลานก็ปฏิเสธทุกครั้ง มิหนำซ้ำในคืนเกิดเหตุยังถูกฮาร์ลานปลดจาการเป็นผู้ดูเเลสำนักพิมพ์, ‘ลินดา’ ลูกสาวที่มีปมฝังใจเรื่องที่ตนไม่ได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อ , ‘ริชาร์ด’ สามีของลินดาที่ถูกจับได้ว่าเเอบไปมีชู้ เขาถูกฮาร์ลานขู่เรื่องที่จะนำความจริงไปเปิดเผยกับลินดา, ‘โจนี’ สะใภ้ครอบครัวทรอมบีย์ที่สามีเสียชีวิตไปเเล้ว เธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเพราะถูกฮาร์ลานปฏิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือเธอกับลูกที่เคยได้รับมาตลอด, ‘เเรนซัม’ ลูกชายของลินดากับริชาร์ด ที่มีปากเสียงอย่างรุนเเรงกับฮาร์ลานในคืนวันเกิดเหตุ, ขณะเดียวกันตัวละครที่ไม่มีเเรงจูงใจอะไรเลยในการก่อเหตุ เเต่เป็นคนที่อยู่กับฮาร์ลานเป็นคนสุดท้ายอย่าง ‘มาร์ธา' ผู้เป็นเเพทย์ประจำตัว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย เเต่อย่างไรก็ตามทั้ง 6 คน ต่างให้ปากคำที่สอดคล้องกันในเรื่องของเวลาเเละสถานที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องยากที่จะโฟกัสหรือเอาผิดกับใครสักคน
.
ส่วนตัวละครที่ไม่มีเเรงจูงใจในการก่อเหตุอย่างชัดเจน ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบจิ๊กซอว์ให้เสร็จสมบูรณ์ ทั้ง ‘ฟราน’ ผู้เป็นเเม่บ้าน, ‘คุณนายทรอมบีย์’ เเม่ของฮาร์ลาน, ‘เม็ก’ ลูกสาวของโจนี เเละ ‘เจค็อบ’ ลูกชายของวอล์ท
.
.
.
.
***เทคนิคการเล่าอาจเป็นการชี้นำ ใครที่ยังไม่ได้ดูหรือเซนซิทีฟกับการสปอยข้ามส่วนนี้ได้เลยครับ
เทคนิคการเล่าของ ‘ไรอัน จอห์นสัน’ เป็นการพลิกขนบครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของหนัง Whodunit จากการเริ่มต้นด้วยการให้คนดูเเละนักสืบบลองก์ เก็บข้อมูลจากการสอบปากคำเหล่าผู้ต้องสงสัย ควบคู่กับการใช้แฟลชแบ็คสะท้อนภาพเหตุการณ์ให้คนดูสิ่งต่างๆที่อยู่ในความคิดของตัวละครขณะกำลังพูด เเต่ทว่าหลายตัวละครกลับให้ปากคำโดยการบิดเบือนความจริงเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ฝั่งคนดูจะรู้ได้ทันทีว่าตัวละครกำลังพูดโกหกจากเเฟลชเเบ็คที่มีบางอย่างไม่ตรงกับคำพูดตัวละคร กลับกันฝั่งนักสืบบลอกงก์ที่รับข้อมูลจากคำพูดตัวละครโดยตรงไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังโกหก ทำให้ศูนย์กลางในการสืบคดีกลายเป็นคนดูเสียเอง ซึ่งเป็นการเล่าที่เเตกต่างไปจากหนัง Whodunit ทั่วๆไป ที่คนดูจะรับรู้ข้อมูลต่างๆไปพร้อมๆกับตัวนักสืบของเรื่องที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางในการขับเคลื่อนหนัง
.
เมื่อตัวนักสืบไม่ใช่ศูนย์กลางในการไขความจริง หนังก็เลือกที่จะเผยความลับสำคัญบางอย่างในทันที เพื่อสลับจุดโฟกัสไปที่ตัวละครอื่นให้เป็นผู้ขับเคลื่อนหนังเเละมีคนดูเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด โดยตัวหนังหลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมด Howdunit (เขาทำได้อย่างไร) เเละ Whydunit (เขาทำไปเพื่ออะไร) เเม้ในจุดนี้คนดูบางคนอาจจะเดาได้เเล้วว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร เเต่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะประติดประต่อเหตุการณ์ เเละรู้ความจริงเบื้องหลังได้ทั้งหมด 100% ก่อนที่หนังจะเฉลย
.
.
.
นอกจากการเขียนบทที่วางปมฆาตกรรมได้อย่างเเยบยลเเละเเทบจะไม่มีช่องโหว่ให้เห็น หนังก็ไม่ลืมที่จะเเทรกสอดหัวใจสำคัญในงานเขียนของ ‘อกาธา คริสตี้’ คือการสะท้อนค่านิยมหรือบริบททางวัฒนธรรม อาทิ การเสพติดเทคโนโลยี (Digital Detox) ที่กำลังเป็นปัญหาในกลุ่มคนอเมริกันที่ต้องคอยเช็คอีเมล เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์อยู่ตลอดเวลา เเละภาพดังกล่าวถูกสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาผ่านตัวละครเด็กรุ่นใหม่อย่างเจค็อบ, คุณปู่ฮาร์ลานที่มีความคิดฝังลึกเเบบคนอเมริกันต่อเเรงขับเคลื่อนในการไขว่คว้าความสำเร็จด้วยตนเอง เเละหวังจะเห็นเหล่าลูกๆเดินตามเจตจำนง, การเเทนความเป็นอเมริกันของ ‘คริส อีแวนส์’ ทั้งในเเง่บทบาทที่กลายเป็นภาพจำของ Captain America ตลอดจนทัศนคติด้านการเมืองที่สื่อผ่านโซเชียลต่อการเป็นปรปักษ์กับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
.
.
.
.
อย่างไรก็ตาม เเม้วิสัยทัศน์ Whodunit เเบบฉบับของ 'ไรอัน จอห์นสัน’ ค่อนข้างเเตกต่างไปจากขนบเดิมๆอยู่พอสมควร เเต่เมื่อโฟกัสไปที่รูปคดีที่มีการบอกใบ้เเละเผยเงื่อนงำให้คนดูเห็นอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หลายๆคนสามารถคาดเดาฆาตกรตัวจริงได้ไม่ยาก ถึงอย่างนั้นหนังก็มีไพ่ตายมารองรับในการเล่นโจทย์ใหม่ที่ว่า Howdunit (เขาทำได้อย่างไร) เเละ Whydunit (เขาทำไปเพื่ออะไร) ซึ่งทำให้คนดูก็ยังรู้สึกสนุก ลุ้นไปกับการคาดเดาความจริงที่ยังไม่ถูกประกอบกันได้ 100% ขณะเดียวกันคนดูยังได้เต็มอิ่มกับบันเทิงจากมุกตลกอันแพรวพราว หรือโมเมนต์เเปลกๆของตัวละครที่ถูกสอดเเทรกมาเรียกเสียงหัวเราะอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ฉะนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Knives Out เป็นหนังที่ตอบโจทย์คนดูทั้งเเง่ความบันเทิง เเละคุณค่าของเนื้อหาที่ซ่อนผ่านบทหนังที่ถูกปรุงเเต่งใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง ตลอดจนองค์รวมทั้ง การเเสดง งานภาพ งานโปรดักชั่น การตัดต่อ/การเล่าเรื่อง ก็ทำออกมาได้ดีเเทบจะไร้ที่ติ ควรค่ากับคำว่าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเเห่งปีอีกหนึ่งเรื่อง...
(8.5/10)
.
.
.
.
.
.
99 ลิสต์หนัง กับ บทความพิเศษอีกจำนวนมาก ใครสนใจคลิกเข้าไปดูได้ครับ
https://bit.ly/32dCrZJ
.
https://www.facebook.com/Criticalme
https://twitter.com/Review_Me_
.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้