มีครอบครัวไหนเป็นแบบครอบครัวผมบ้าง ?

กระทู้คำถาม
ครอบครัวผม พ่อ แม่ น้อง ภรรยา ลูก ประเด็นที่ตั้งกระทู้คือ พ่อ แม่ ทำตัวเสมือนเป็นป้าข้างบ้านเปรียบเทียบกดดันเราตลอดตั้งแต่เด็กเล็กจนอายุ 28 ปีแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังกดดันและเปรียบเทียบไม่หาย เหตุที่กล่าวว่าคล้ายป้าข้างบ้านเพราะป้าข้างบ้านในความคิดของใครหลายๆคนมักจะพูดเปรียบเทียบสอบถามชีวิตปัจจุบันโยงคนนั้นลูกคนนี้มาเปรียบเทียบเรานั้นละคือสิ่งที่ผมเจออยู่ โดยปกติเวลาออกจากบ้านถ้าเราเจอป้าข้างบ้านออกมาทำกิจกรรม เช่น ป้าข้างบ้านรดน้ำต้นไม้นอกบ้าน เราหลายๆคนก็จะเลือกกลับเข้าบ้านหรือรีบออกไปโดยหลีกเลี่ยงการสนทนาเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของเราเอง แต่ประเด็นคือ พ่อ แม่ เองที่ทำตัวเป็นป้าข้างบ้าน บ้านคือสิ่งที่หลายๆคนอยากกลับและคิดถึงคนในครอบครัวด้วยความรู้สึกอบอุ่น แต่ผมเองกลับมองในทางตรงกันข้าม ผมไม่มีความอยากที่จะอยู่บ้าน ย้อนไปเมื่อสมัยเป็นเด็ก 5 ขวบ พ่อแม่ชอบบอกว่าลูกคนนั้นสอบได้ที่ 1 ในชั้นเรียนลูกคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ 6 ขวบ ลูกเราไม่ได้เรื่องเลย พอขึ้นประถมก็กดดันผลการเรียนกดดันการทำตัวประพฤติดีต่างๆเปรียบเทียบไม่รู้จบ จนขึ้นมัธยมผมเลือกที่จะขอทางบ้านไปเรียนอยู่โรงเรียนประจำ เป็นโรงเรียนที่มี 9 แห่งทั่วประเทศ มันเหมือนหลุดออกมาจากวงโคจรเหมือนชีวิตดีมีเพื่อนและสุขใจมากๆ ความกดดันต่างๆในหอพักกฎระเบียบต่างๆมันดูเบาไปเลยถ้าเทียบกับบ้าน จนมีวันหนึ่งผมได้กลับบ้านโดยมีเพื่อนกลับด้วยตอนนี้อยู่ ม.5 คือโรงเรียนให้กลับบ้านได้เดือนละครั้ง คือ เสาร์อาทิตย์เท่านั้นต่อเดือน โดยเพื่อนๆกลับมาด้วย พ่อแม่ ผมก็เอาอีกละเปรียบเทียบผมว่าไม่เอาไหนเพื่อนๆผมยังดูมีศักยภาพมากกว่าตัวผมดูเด็กไม่สมวัยไม่สมเป็นเด็ก ม.ปลายเลย แต่ตอนนั้นเพื่อนๆผมทำตัวไม่ถูกจากนั้นเพื่อนๆผมก็ไม่มาเล่นบ้านผมอีกเลย พอขึ้นมหาลัยทางบ้านกำหนดว่าให้เรียนมหาลัยแถวบ้าน เพราะที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว แต่พ่อแม่ ก็ยังไม่จบง่ายๆ ลูกแปะสอบได้คณะแพทย์ ลูกโกวเรียนจบนิติศาสตร์ ม.ราม ทั้งที่อายุ 19 ปีเอง( คือเขาเรียนตั้งแต่ ม.4 หลักสูตรอะไรไม่รู้ )ต่อ ลูกเราพึงขึ้น ปี.1 ลูกโกวเรียนจบละ ลูกบ้านนั้น ลูกบ้านนี้ ที่สุดๆของที่สุดคือเวลากินข้าวที่บ้านจะชอบเปิดทีวีแล้วถ้ามันมีรายการเด็กสู้ชีวิตเลขจะมาออกที่ผมทันที พอเรียนถึงปี.4 พ่อแม่ ขอให้ผมจดเปิดกิจการขึ้นมาใหม่โดยผมก็ทำให้จดให้เปิดให้ อยู่ปี 4 เทอม 2 ผมกู้เงินธนาคารได้มีบัตรเครดิตโดยมีคุณแม่รับรองรายได้ให้จึงทำได้ พอเรียนจบ เพื่อนๆผมก็เดินตามฝัน ไปสอบราชการบ้าง ไปทำงานอื่นๆมากมาย ส่วนผมติดเป็นนอมินีให้พ่อแม่ แต่ก็ยังไม่จบ ดูลูกเสี่ยคนนั้นดิจบมาขยายกิจการครอบครัวไปต่างประเทศได้ลูกเรามันไม่เอาไหนเลยส่งเสียให้เรียน เสียทิ้ง ไม่มีหัวการค้าไม่พัฒนาอะไรสักอย่าง จนผมแต่งงานเมื่ออายุ 25 พ่อแม่วางมือละลบคำว่านอมินีไปเลยเพราะหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจลงนามคือผมคนเดียว ธุรกิจก็พอไปได้เรื่อยๆ จนมีลูก โดนอีกละ หลานตัวเล็กวันก่อนไปเจอหลานเพื่อนพ่ออายุเท่าหลานเราตัวโตมาก ลูกเรากับเมียมันเลี้ยงหลานยังไงให้ตัวเล็ก จนมาถึงตอนนี้ลูกผมอายุ 1 ขวบ 5 เดือน ยังพูดได้ไม่เป็นคำแต่เรียก พ่อ เรียก แม่ ได้ ทางบ้านก็เอาอีกละ ( ต้องบอกไว้ก่อนนะว่าผมกับภรรยาอยู่บ้านหลังเดียวกันกับพ่อแม่ผม ) เด็กขวบ 5 เดือน มันพูดได้แล้วดูอย่างลูกคนนั้นสิ บลาๆๆ จนตอนนี้เศษฐกิจไม่ดี หลายกิจการปิดตัว ยอดขายลดลง ก็เอาอีกละ พ่อแม่ ก็พูดอีกละทำไมไม่คิดหาทางสร้างรายได้เพิ่ม แบบนี้จะเลี้ยงลูกเมียได้ไหม คนจีนเชื่อเรื่อง(ด่าเพื่อก่อ) แต่นี้มันไม่ใช่บางทีผมน้อยใจมากๆเหมือนตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตาย ผมมีความคิดอยากตายตั้งแต่อายุ 16 ปี และคิดมาเรื่อยๆ ร้อยละ 60 % ของการฆ่าตัวตายมาจากปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจของคนในครอบครัว อ้างอิง https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_1395210  
.
.
มีใครเป็นแบบนี้บ้างมีบ้านไหนเป็นแบบนี้ไหม ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่