'สมชัย' โพสต์เปิดช่องฟ้อง 5 เสียง 'กกต.' วินิจฉัยโดยมิชอบยุบอนค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1807158
ยุบพรรคอนค.- เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จ.สมุทรสาคร ในฐานะอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ถึงกรณีมีมติเสียงข้างมาก 5:2 ลงมติเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โดยอ้างอิงตามอิง มาตรา 72 ของ พรป.พรรคการเมือง จึงถามกลับไปที่ กกต.ว่าแน่ใจแล้วหรือที่ใช้มาตรานี้ หากจะมีการร้องกลับว่า กกต.ใช้วินิจฉัยโดยมิชอบ โดยระบุว่า
“5 :2 มติเสียงข้างมากในฤดูหนาว
อ่านข่าวแจก 8 บรรทัดของ กกต.แล้ว จะเห็นว่าการลงมติของ กกต. ไม่พยายามพูดถึง เงินกู้เป็นเงินบริจาค เพราะเงินกู้คือเงินกู้ ไม่ใช่เงินบริจาค ดังนั้น จึงไม่สามารถไปเอาความผิดพรรคอนาคตใหม่ว่า ไปรับเงินบริจาคเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ เหตุผลจึงออกมาในการอิง มาตรา 72 ของ พรป.พรรคการเมือง
แต่หากพิจารณาสาระของ มาตรา 72 จะอยู่ที่ เงินที่บริจาคที่ “ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ไม่ใช่เรื่องบริจาคเงินเกินกว่า กฎหมายกำหนด
สาระของมาตรานี้ จึงเป็นการห้าม “เงินสกปรก” ที่จะเข้ามาสนับสนุนพรรคการเมือง เช่น เงินบ่อน เงินซ่อง เงินค้าอาวุธสงคราม เงินค้าของหนีภาษี ฯลฯ ไม่ว่าจะบริจาคสักกี่บาทก็ตาม ถือว่า ห้ามรับ เพราะเป็นการเอาเงินธุรกิจสีเทามาสนับสนุนฝ่ายการเมือง
คำถามจึงกลับไปที่ กกต.ว่า “แน่ใจแล้วหรือที่ใช้มาตรานี้ ในการจัดการกับพรรคอนาคตใหม่ ท่านรู้แล้วใช่ไหมว่าเงินที่มาให้กู้เป็นเงินสกปรก”
ความหนาวจึงมาเยือน กกต.เสียงข้างมากที่ลงมติ หากจะมีการร้องกลับว่า กกต.ใช้วินิจฉัยโดยมิชอบ เพราะหาก กกต.ผิดจริง ความผิดจะตกกับเสียงข้างมากที่ลง ส่วน 2 เสียงที่ลงมติ นั้น ถ้า 5 เสียงถูกต้อง เขาไม่ได้ผลกระทบอะไร แต่ 5 เสียงผิด เอกสารการลงมติจะช่วยยืนยันว่า เขามิได้เห็นด้วยในเรื่องนี้
มติข้างน้อยที่ลง จึงเป็นเครื่องอำนวยให้อบอุ่นในหน้าหนาวนี้”
'นิกร' ชี้ 'รธน.ปราบโกง' อย่ามาอ้างผ่านประชามติ คนโหวตรับ เหตุอยากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1807064
นิกร ชี้รธน.ฉบับนี้ทำลายตัวเองแน่ แก้ไม่ได้ยิ่งลุกลาม เหมือนฉบับ 40 ขนาดมีประชาชนคุ้มกันยังถูกฉีกทิ้ง บอก อ้างไม่ได้ผ่านประชามติคนรับ เพราะอยากเลือกตั้ง
กมธ.ศึกษาแก้รธน.-เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 11 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามที่ 213 ส.ส.ฝ่ายค้าน นำโดย นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และนาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ
ต่อมา นาย
นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะผู้เสนอ อภิปรายว่า ปัญหาสำคัญมากของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มีที่มาจากอำนาจคณะรัฐประหาร ขณะที่ระบบการเขียนขึ้นมาก็ไม่ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเท่าที่ควร คนจำนวนมากจึงไม่ยอมรับ ตนเป็น 1 เสียงที่ลงประชามติไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ผลประชามติ ปรากฏว่า ฝ่ายที่ไม่รับแพ้ ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่า ประชาชนที่ไปโหวตรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อาจจะมีวัตถุประสงค์อื่น ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ แต่ไปรับรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะการเมืองของประเทศ อย่างกรณีของ นาย
บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ประกาศรับรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าประเทศไปไม่ได้แล้ว อยากรับรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้ง หรือเพื่อนนักการเมืองบางคนที่อยู่ฝ่ายรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญ อย่างนาย
จตุรนต์ ฉายแสง ที่มาบ่นกับตนว่า พออ้าปากจะพูดกับประชาชนว่า ไม่รับรัฐธรรมนูญ โดนประชาชนพูดสวนมาทันทีว่า จะไปรับรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ท่านได้กลับมาเป็นส.ส.ของเขา ดังนั้น เหตุทั้งหมดนี้ ตนคิดว่าการอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติมา จึงอาจนำมาอ้างไม่ได้
นาย
นิกร กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้พิสูจน์แล้วว่า มีปัญหามากในเรื่องการบังคับใช้ จึงอยากให้สภาที่มาจากประชาชนช่วยกันศึกษาว่า การบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีส่วนใดที่กระทบต่อประชาชนบ้าง เพื่อแก้ไขให้ดีกว่าเดิม อย่าเอาเรื่องการเมือง เพราะพวกเรานักการเมืองอาจเป็นจำเลย จนเป็นปัญหากับเราได้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีปัญหาในการทำลายตัวเองในอนาคต เช่นเดียวกับ รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เพราะแม้จะเป็นฉบับที่มีประชาชนเป็นภูมิคุ้มกัน แต่ด้วยบทบัญญัติที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยาก พอเจอปัญหาทางการเมืองในเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนั้น เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องใช้เสียง ส.ส.125 คน แต่ขณะนั้น ฝ่ายค้านเสียงไม่ถึง ขณะที่รัฐธรรมนูญก็แก้ไขไม่ได้ พอสภาจัดการปัญหาตัวเองไม่ได้ จึงลุกลามต่อเนื่อง นำไปสู่การทำลายตนเอง ถูกฉีกจนภูมิคุ้มกันประชาชนก็กันไม่อยู่ แล้วนับประสาอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เขียนมาแทบจะแก้ไขไม่ได้เลย ถูกล็อกไว้ถึง 5 ด่าน ชทพ.จึงเสนอญัตตินี้เพื่อให้มีการแก้ไขการยอมรับของประชาชน เพราะการแก้ไม่ได้เลย อาจจะนำไปสู่การถูกฉีกอีก
JJNY : สมชัยเปิดช่องฟ้อง 5กกต.วินิจฉัยโดยมิชอบ/นิกรชี้รธน.อย่ามาอ้างผ่านประชามติ/โต้วิษณุพูดความจริงครึ่งเดียวอุ้มปารีณา
https://www.matichon.co.th/politics/news_1807158
'นิกร' ชี้ 'รธน.ปราบโกง' อย่ามาอ้างผ่านประชามติ คนโหวตรับ เหตุอยากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1807064
นิกร ชี้รธน.ฉบับนี้ทำลายตัวเองแน่ แก้ไม่ได้ยิ่งลุกลาม เหมือนฉบับ 40 ขนาดมีประชาชนคุ้มกันยังถูกฉีกทิ้ง บอก อ้างไม่ได้ผ่านประชามติคนรับ เพราะอยากเลือกตั้ง
กมธ.ศึกษาแก้รธน.-เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 11 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามที่ 213 ส.ส.ฝ่ายค้าน นำโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ
ต่อมา นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะผู้เสนอ อภิปรายว่า ปัญหาสำคัญมากของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มีที่มาจากอำนาจคณะรัฐประหาร ขณะที่ระบบการเขียนขึ้นมาก็ไม่ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเท่าที่ควร คนจำนวนมากจึงไม่ยอมรับ ตนเป็น 1 เสียงที่ลงประชามติไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ผลประชามติ ปรากฏว่า ฝ่ายที่ไม่รับแพ้ ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่า ประชาชนที่ไปโหวตรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อาจจะมีวัตถุประสงค์อื่น ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ แต่ไปรับรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะการเมืองของประเทศ อย่างกรณีของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ประกาศรับรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าประเทศไปไม่ได้แล้ว อยากรับรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้ง หรือเพื่อนนักการเมืองบางคนที่อยู่ฝ่ายรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญ อย่างนายจตุรนต์ ฉายแสง ที่มาบ่นกับตนว่า พออ้าปากจะพูดกับประชาชนว่า ไม่รับรัฐธรรมนูญ โดนประชาชนพูดสวนมาทันทีว่า จะไปรับรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ท่านได้กลับมาเป็นส.ส.ของเขา ดังนั้น เหตุทั้งหมดนี้ ตนคิดว่าการอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติมา จึงอาจนำมาอ้างไม่ได้
นายนิกร กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้พิสูจน์แล้วว่า มีปัญหามากในเรื่องการบังคับใช้ จึงอยากให้สภาที่มาจากประชาชนช่วยกันศึกษาว่า การบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีส่วนใดที่กระทบต่อประชาชนบ้าง เพื่อแก้ไขให้ดีกว่าเดิม อย่าเอาเรื่องการเมือง เพราะพวกเรานักการเมืองอาจเป็นจำเลย จนเป็นปัญหากับเราได้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีปัญหาในการทำลายตัวเองในอนาคต เช่นเดียวกับ รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เพราะแม้จะเป็นฉบับที่มีประชาชนเป็นภูมิคุ้มกัน แต่ด้วยบทบัญญัติที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยาก พอเจอปัญหาทางการเมืองในเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนั้น เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องใช้เสียง ส.ส.125 คน แต่ขณะนั้น ฝ่ายค้านเสียงไม่ถึง ขณะที่รัฐธรรมนูญก็แก้ไขไม่ได้ พอสภาจัดการปัญหาตัวเองไม่ได้ จึงลุกลามต่อเนื่อง นำไปสู่การทำลายตนเอง ถูกฉีกจนภูมิคุ้มกันประชาชนก็กันไม่อยู่ แล้วนับประสาอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เขียนมาแทบจะแก้ไขไม่ได้เลย ถูกล็อกไว้ถึง 5 ด่าน ชทพ.จึงเสนอญัตตินี้เพื่อให้มีการแก้ไขการยอมรับของประชาชน เพราะการแก้ไม่ได้เลย อาจจะนำไปสู่การถูกฉีกอีก