Mini KANSAI: Wakayama- Uji-Nara-Osaka เมื่อหมูมาดูคนวิ่ง ณ Nara Run 2019

จุดเริ่มต้นของทริปนี้คืองานวิ่งที่ นารา วันที่ 8ธันวาคม อ๊ะ อย่าเข้าใจผิดว่าผมไปวิ่ง เพื่อนผมไปวิ่งครับผมเองขยับตัวสักร้อยเมตรก็เหนื่อยแล้ว แต่ถ้าเที่ยวน่ะ ถึงไหนถึงกัน
ถึงแม้จะไปญี่ปุ่นหลายสิบครั้งแต่สำหรับนารา ก็เป็นครั้งแรกของผม สิ่งที่รับรู้ในนาราคือ วัด กวาง วัดกวาง และวัด กวางอีกที เราจองที่พัก ที่นารา  3 คืน และ คืนสุดท้ายที่โอซาก้า

วันแรกเรา (5 ธค) เดินทางโดยสายการบินไทย ออกราวๆ ห้าทุ่ม ไปถึงราว 7.20น. กว่าจะผ่านตม.ก็ 8.00 รอกระเป๋าเปลี่ยนเสื้อแปรงฟัน ก็ได้เวลาลุย....ออกมาก็ดั้งด้นไปเค้าเตอร์ H.I.S เพื่อรับ Kansai Thru Pass ที่จองไว้ แต่เดี๋ยวก่อน Counter เปิด 8.30 น.ครับ เรายืนรอจนเค้าเตอร์เปิด และแล้วก็ได้มา...ไอ้เจ้าบัตรเนี่ย

 
ผมเลือก Kansai Thru Pass เพราะตั้งใจไปเที่ยว Wakayama ในวันแรก หรือเพื่อนๆ อาจซื้อ JR West Pass สำหรับวันแรกก็ได้ครับ ซึ่งถ้าเป็น Kintetsu rail Pass จะไม่ครอบคลุมแถบ Wakayama โดยผมวางแผนที่จะแวะที่ RinkuTown เพื่อฝากกระเป๋าและวางแผนที่จะกลับมาเที่ยว Premium outlet ในช่วงเย็น ก่อนกลับไปนอนที่นารา แต่ต้องสารภาพว่าตอนแรกเข้าใจผิดเรื่องรถบัส "Kansai Thru Pass ไม่สามารถใช้ Bus ใน Nara " ได้ครับ อย่างไรก็ตามผมคิดว่าการใช้บัสในนารา Day Pass ก็แค่  500เยนต่อวัน หรืออาจจะไม่ได้ใช้รถบัสก็ได้ครับ

กว่าจะได้ออกจริงจังก็ราว  10โมงครับ เราใช้เวลาเดินทางจาก Rinkutown โดยเปลี่ยนรถที่ Izumisano แล้วต่อไปยัง Wakayamashi ราว40นาที
เราเดินไปที่ปราสาทวากายามะ(Wakayama Castle)

ปราสาทวากายามะ
ตัวปราสาทตั้งอยุ่บนเนินเขามีคูน้ำและสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบ ภายในมีส่วนประกอบต่างๆตามรูปแบบของปราสาทดั้งเดิมเอา เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ทีหลังให้มีความคล้ายคลึงกับของเดิม เพราะส่วนนึงถูกทำลายไปในช่วงสงครามกลางเมือง และเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2ในปี  1945  

ปราสาทวากายามะ นั้นสร้างขึ้นในยุคเอโดะโดย Toyotomi Hideyoshi ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1585 และตกเป็นของ Tokugawa Ieyasu ในเวลาต่อมา 
สิ่งที่ยังหลงเหลือเช่นประตูเก่าดั้งเดิม กำแพงเมือง คูน้ำ รวมถึง แม้จะมีหลายส่วนสร้างใหม่ และสะพาน Ohashi Roka ที่ข้ามคูน้ำเชื่อมระหว่างสองส่วนของพื้นที่ปราสาทซึ่งมีความสูงต่างกันแต่ก็คงความงดงามไว้เช่นเดียวกัน ภายในจะมีส่วนที่มีสวนสัตว์ แต่ผมไม่ได้เข้าดูนะครับ ตรงขึ้นตัวปราสาทไปเลย
สำหรับค่าเข้า ชม  410เยน แต่เดี๋ยวก่อน...เมื่อคุณแสดง Kansai thru pass ลดไปเลย เหลือเพียง 300 เยนเท่านั้น ผมกับเพื่อนยิ้มแก้มปริ


ภายในปราสาท เล่าถึงอดีต และมีแสดงชุดเกราะสมัยโบราณ อาวุธ รวมถึงโมเดลจำลองปราสาทในสมัยก่อน  เมื่อเดินขึ้นไปด้านบน จะมีจุดชมวิวโดยรอบของตัวปราสาท โดยวนเป็นOneway ครับ


 อีกจุดที่ไม่อยากให้พลาด คือสวน ข้างปราสาทเมื่อเดินลงมา โดยจะเป็นจุดที่มีสะพานไม้ ข้ามคูน้ำเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างระดับที่สวยงาม

หลังจากนั้นก็ราวๆเที่ยงกว่าแล้ว ท้องก็เริ่มร้อง เราจัดแจงหาราเมนร้อนๆ สำหรับอาการหนาว ราว  8 องศา ร้าน Yamatame Sholudo Ramen เป็นราเมนน้ำข้น คำแรก ก็เฉยๆ แต่ยิ่งทานกลับยิ่งอร่อย และอยู่ท้องและอุ่นท้อง อาจเพราะน้ำค่อนข้างข้น แต่ที่ชอบคือใส่พริกไทยดำแล้วมันพอดีกันหมุก็หนามนุ่มกำลังดี ถ้านนี้ถือว่ามีชื่อเสียงในเมือง เราหาร้านกันไม่เจอตามพิกัด แต่พอเดินผ่านร้านขนมปังยังไม่ทันบอกชื่อร้าน แค่เอ่ยคำว่าราเมน เค้าก็ชี้ให้เลย



อิ่มท้องกันแล้วได้นั่งพักช่วงทาน ความเมื่อยก็มาเยือน  เราตัดสินใจไป Kimiidera temple ซึ่งอยู่ห่างไปราว 5กิโลเมตร เราใช้รถบัส โดยใช้บัตร Kansai thru pass ในการเบ่ง ถ้าพอสังเกตได้จะมีรูปแม่มดอยู่ตรงประตูขึ้นทำให้เรารู้ว่าคันนี้สามารถใช้ได้ครับ
นั่งไปลง Kimiidera  พอลง เดินย้อนกลับมาหน่อย ก็จะเห็นตัววัดอยู่บนเขาครับ



วัดKimiidera เป็นวัดของศาสนาพุทธใน wakayama ถูกค้นพบในปี770 เป็นหนึ่งวัดของถนนแสวงบุญเจ้าแม่กวนอิม ประตูของวัด,หอคอยของวัดและภาพไม้ของเจ้าแม่กวนอิมได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ การเข้าไปยังวัดปีนขึ้นไปบนบันไดหิน231ขั้นเพื่อไปยังหอหลัก บันไดนี้เรียกว่าความลาดชันของการแต่งงาน พูดกันว่าผู้ชายที่ขึ้นไปบนบันไดทุกขั้นจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่เขารัก 
ด้านบนประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมสีทอง นอกจากนี้วัดนี้ยังเป็นที่ชมซากุระ(ไม่ใช่หน้านี้)ที่สวยมากแห่งนึงด้วย





เราใช้เวลาราว 40นาทีในการเยี่ยมชมแล้วจึงเดินกลับแบบขาสั่นๆ อย่าลืมเช็ครอบรถบัสด้วยนะครับ เพราะว่าเท่าทีดูมีรอบละชั่วโมงเท่านั้นเอง
ผมกับเพื่อนนั่งรถกลับมาเอ้าเลท ที่RinkuTown (กระเป่าที่ผมฝากต้องมาเอาเวลา 6โมงเย็นครับ จริงๆมีที่ฝากกระเป๋าอื่นรวมถึง Locker หยอดเหรียญด้วยครับ) 
ถึง Rinku Town เราจัดแจงลงรถไป... ไม่ได้ไปเอากระเป๋านะครับ ไปShopping ต้องบอกว่า มันใหญ่มากกกกก ผมเองเดิน 2 ชม.ยังไม่ทั่ว อย่าลืมเอา Passportของเราไปแลกคูปองส่วนลดในแต่ละที่ใน Information center นะครับ

ช๊อปกันให้มันให้เหนื่อย เราไม่ลืมเรื่องปากท้อง วันนี้ฝากท้องไว้ที่ Rinkutown กับร้าน Daikisuisanซูชิสายพานชื่อดัง ที่ถือว่าราคาไม่แพงเลย ปลาก็สดมากเช่น กัน  หลังจากนั้นเรานั่งรถไปนอนยังนารากว่าจะถึงก็ราว สามทุ่มละครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่