ประวัติมะเขือเทศ

1.
 
.
มะเขือเทศ ผลไม้สีแดง คือ  ผัก
มีสายพันธุ์มากกว่า 7,500 สายพันธุ์
บางสายพันธ์ุสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ราว 1 ปี
มะเขือเทศเป็นผักที่มีเส้นทางประวัติศาสตร์
เดินทางมาจากที่ยาวไกล
ก่อนที่จะมาเป็นอาหารที่ผู้คนกินกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและเต็มไปด้วยความเข้าใจผิดมากมาย
เต็มไปด้วยอุปสรรคนานานับประการกว่าผู้คนจะยอมรับกัน

ในช่วงไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมา
ผักจากอเมริกาใต้ชนิดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก
กลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมอาหารที่ดีที่สุด
และเป็นหนึ่งในผักที่คนชิ่นชอบมากที่สุด
มีรสอูนามิในต้มยำทำแกง
แม้ว่าในทางเทคนิคแล้ว มะเขือเทศจัดว่าเป็นผลไม้
การคัดเลือกพันธุ์ที่ผ่านมาสามารถจัดการ
เพื่อปรับปรุงมะเขือเทศให้อยู่ในสภาพ
ที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย
ซึ่งเต็มไปด้วยวิตามิน A, C, E, K สารต้านอนุมูลอิสระและอื่น ๆ
 
แหล่งกำเนิดแห่งแรกที่แน่นอนของมะเขือเทศไม่ชัดเจน
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่า มะเขือเทศวิวัฒนาการมาจาก
Nighshade พืชยุคก่อนประวัติศาสตร์
ในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาในอเมริกาใต้
(กลายพันธุ์พร้อมกับมันฝรั่ง ยาสูบและพริก)

2.
2.1

.

มะเขือเทศค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปทางทิศเหนือ
จนกระทั่งถูกเลี้ยงดูเพาะปลูก
ในดินแดนแห่ง Mesoamerica
ระหว่างเม็กซิโกและคอสตาริก้าตอนเหนือ
a.
.
ดินแดนแห่งนี้เป็นบ้านของสังคม PreColumbian ขั้นสูงหลายคน
ที่มีความเจริญรุ่งเรือง/ก้าวหน้ามาก
จนกระทั่งสิ้นสุดอารยธรรมทั้งหมดลง
เมื่อการมาถึงชาวยุโรปในยุคแห่งการค้นพบ/ล่าอาณานิคม

b.
.
ในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล
หนึ่งในอารยธรรมแห่งนั้น คือ
มีความสามารถในการเพาะปลูก
ที่ทำให้มะเขือเทศเป็นพืชพื้นบ้าน
(จากเดิมเป็นพืช/อาหารในป่า)
และรวมเข้ากับอาหารของชนเผ่าเหล่านี้

อารยธรรมนั้น คือ ชนเผ่า Aztecs
จากจุดนั้นก็ทำให้มะเขือเทศแพร่กระจายอย่างช้า ๆ
ทั่วทั้งอเมริกากลางและอเมริกาใต้บางแห่ง
ที่มีการใช้เป็นอาหารในครัวเรือน
แต่บางแห่งก็ถูกใช้เป็นยาหลอนประสาทด้วย
การใช้เป็นยาหลอนประสาทจึงเป็นสาเหตุหลัก
ของความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับมะเขือเทศ
เพราะรากและใบของมะเขือเทศมีสารพิษ
ที่ประกอบด้วย neurotoxin solanine
มีในรายละเอียด  ภาวะเป็นพิษจากพืช
 
c.
.
ชาวยุโรปชุดแรกที่รู้จักมะเขือเทศเป็นครั้งแรก
คือ Christopher Columbus ที่อาจพบในปี 1493
แต่ Hernán Cortés ผู้ยึดครองดินแดนชาวสเปน
กลับเป็นคนแรกที่เห็นศักยภาพของพืชชนิดนี้
ภายในเมืองหลวง Tenochtítlan  อาณาจักรของ Aztec

d.
.
และแล้วชาวสเปนได้นำเอาเมล็ดพันธุ์พืชชนิดนี้กลับไปยุโรป
เมื่อเห็นว่ามะเขือเทศสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีปัญหา
ในภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น
รัฐบาลสเปนจึงริเริ่มให้การสนับสนุนการผลิต/ขยายการเพาะปลูก
ทั้งในยุโรปและในอาณานิคมที่ห่างไกล

3.
.
ในช่วงตันปี 1540 มะเขือเทศเริ่มผลิตในทุ่งนาสเปน
และใช้เป็นอาหารธรรมดาในต้นศตวรรษที่ 17
แต่ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปกลับไม่ยอมรับมะเขือเทศทันที
ตัวอย่างเช่น แม้ว่าขุนนางและนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี
ที่ค้นพบมะเขือเทศตั้งแต่ปี 1548
(ซึ่งในปัจจุบันอิตาลีมีชื่อเสียงมาก
ในอุตสาหกรรมมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศ)
แต่ชาวอิตาลีกลับใช้มันเป็นผลไม้ตกแต่งบนโต๊ะอาหาร
จนถึงปลายศตวรรษที่ 17 และต้นศตวรรษที่ 18
หลังจากชื่นชมความงามของมะเขือเทศแล้ว
ก็เริ่มทดลองคัดเลือกสายพันธุ์ต่าง ๆ
พร้อมกับการสร้างมะเขือเทศที่มีหลากสีและหลายรูปร่าง

มะเขือเทศก็มีโชคชะตาที่คล้ายกันในประเทศอังกฤษ
ทั้งในอังกฤษและอาณานิคมในอเมริกาเหนือ
แม้ว่าจะมีการนำเข้ามาในปี ค.ศ. 1597
แต่มะเขือเทศก็ยังคงถูกมองว่า
ไม่ดีต่อสุขภาพ มีพิษ และไม่เหมาะที่จะกิน
แต่ความคิดดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนไป
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18
หลังจากที่มีความก้าวหน้า
ในการคัดเลือกสายพันธุ์จากสเปนและอิตาลี


ในต้นศตวรรษที่ 19
ในที่สุด มะเขือเทศก็เดินทางมาถึงเอเชีย
ภายใต้การแนะนำของ  John Barker กงสุลอังกฤษในซีเรีย
มีความสนใจพฤกษศาสตร์มากและชอบรวมรวมพันธุ์พืชต่าง ๆ
ได้รับการยอมรับในด้านความเชี่ยวชาญด้านพืชทั้งในอังกฤษ
และภายในดินแดนที่ตนเองไปทำงานที่นั่น
ทั้งยังเก็บรวบรวมพืชชนิดต่าง ๆ
ส่งให้สวนพฤกษศาสตร์ในอังกฤษเพื่อดูแล/ขยายพันธุ์ต่อไป
ท่านพยายามส่งเสริมการเพาะปลูกมะเขือเทศครั้งแรกที่นั่น
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
มะเขือเทศได้รับความนิยมอย่างมาก
และเริ่มมีการปลูก/ใช้กันอย่างแพร่หลายในซีเรีย อิหร่านและจีน

4.
John Barker (Consul of the Levant Company in Aleppo)
 .


ยุคสมัยใหม่ของมะเขือเทศที่ปลูกในเชิงพาณิชย์
เริ่มต้นขึ้นมาด้วยความพยายามของ Alexander W. Livingston
นักพฤกษศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน
ผู้อุทิศชีวิตในการยกระดับมะเขือเทศ
ด้วยการคัดเลือกพันธุ์ในรูปแบบที่รู้จักกันมากที่สุด
ที่รู้จักในปัจจุบัน คือ  สายพันธุ์ยุค 1870 หรือ Paragon
ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในอเมริกาเหนือ
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมมะเขือเทศขนาดใหญ่
และได้รับความนิยมจากชาวบ้านจำนวนมาก

ในปี 2009 การผลิตมะเขือเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น
158.3 ล้านตันซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 3.7%
ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดคือ จีน
ซึ่งมีผลิตได้ 24%  ของกำลังการผลิตทั่วโลก
ตามด้วยสหรัฐอเมริกา ตุรกี อินเดีย อียิปต์และอิตาลี

5.
5.1
.e.
.

.
เมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล
ตั้งแต่ที่มีการผลิตมะเขือเทศในอเมริกากลาง
มะเขือเทศถูกมองว่า ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย
และมีคุณค่าทางโภชนาการ
แต่ยังเป็นยารักษาโรคที่ทรงพลังอีกด้วย
แนวความคิดนี้ได้รับการยืนยันในภายหลัง
โดยนักวิทยาศาสตร์หลายคน
ที่ทดสอบมะเขือเทศและค้นพบประโยชน์
ที่น่าสนใจมากมายที่สามารถให้กับร่างกายคนเราได้

การทดสอบหลายครั้งได้ข้อสรุปว่า
การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
สามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม  คอ  ศีรษะ
มะเร็งต่อมลูกหมาก  มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งทวารหนัก
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพราะ
มะเขือเทศมี  lycopene  มาก
มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง
ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการขับเซลล์มะเร็ง
ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายคนเรา

ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ใน
Harvard School of Public Health
มะเขือเทศสามารถป้องกันการก่อตัวของ
มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากได้

ไลโคปีนสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่ทรงพลังของมะเขือเทศ
มีหน้าที่ป้องกันการเกิดออกซิเดชันของไขมัน lipid oxidation
ซึ่งสามารถช่วยในการเผาผลาญไขมัน
ทำให้ปลอดภัยจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดอุดตันต่าง ๆ

การบริโภคมะเขือเทศเป็นประจำ
สามารถลดระดับของ LDL
คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ไขมันทั้งสองนั้นเป็นตัวการสำคัญ
สำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน

 
มะเขือเทศมีกรดที่ต่อสู้กับสารก่อมะเร็ง
ไนโตรซามีน nitrosamines carcinogens
ที่พบในควันบุหรี่โดยตรง
กรดสองชนิดนี้คือ กรดคูมาริกและกรดคลอโรจีนิก
coumaric acid and chlorogenic acid
 

มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
มะเขือเทศเพียงลูกเดียวก็สามารถเติมเต็ม
ปริมาณวิตามินซีประมาณ 40% ที่แนะนำในแต่ละวัน
วิตามีนซีเป็นวิตามินสำคัญที่ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมากมาย
วิตามินเอที่มีโพแทสเซียมและธาตุเหล็ก
ยังช่วยสร้างความมั่นคงให้กับระบบภูมิคุ้มกัน
และช่วยให้องค์ประกอบที่มีประโยชน์
สำหรับการทำงานภายใน
ของระบบการเผาผลาญภายในหลายอย่าง
(การสร้างเลือดเพิ่มเติม การสร้างโครงสร้างกระดูก ฯลฯ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่