‘สวัสดีเจ้า’ ต่อเนื่องมาจากการมาเที่ยว ‘ลำปาง’ ในครั้งก่อนมีอาการแอบติดใจในรสชาติอาหารของที่นี่
คราวนี้มีโอกาสได้กลับมาอีกครั้งแต่ดูเวลาแล้วอาจจะน้อยไปนิดเลยขอมาเที่ยวแบบเบาๆ อารมณ์เดินเล่นในเมืองกันนะคะ
แต่ขอบอกก่อนเลยว่าถึงเรื่องเที่ยวเราจะเบา แต่เรื่องกินของเรานี่ไม่เบาแน่นอนค่ะ ทริปนี้จัดไปเลยแบบจุกๆ
เรียกได้ว่า ‘ไม่กั๊ดต้อง เราไม่กลับ’ ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลยเจ้า!
วันที่ 1 : กินเพลิน เดินแอ่ว
มาลำปางคราวนี้ไม่ต้องเดาเลยค่ะ รถไฟอีกแล้วครับท่านนอนสบายสไตล์อุตราวิถีราคา 1,001 บาท
มาถึงก็ออกเดินสำรวจกันเลยโดยเราเริ่มจาก ‘ห้าแยกหอนาฬิกา’ จุดนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คที่อยู่คู่นครลำปางมาอย่างยาวนาน
เราเดินต่อมายัง ‘วัดเชียงราย’ สร้างขึ้นโดยพระยาชมภู บุตรชายของพระยาเจ่ง ผู้เป็นต้นตระกูลคชเสนีฝ่ายเหนือ ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองเชียงแสน (เชียงราย) มาอยู่ลำปาง และได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดที่จากมา
ส่วนของวิหารจะประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกชิ้นเล็กๆ อย่างวิจิตรงดงาม
ท้องฟ้าใสๆในวันนี้ ตัดกับความงามของวิหารสีขาว ยิ่งทำให้วัดสวยงามและดูโดดเด่นยิ่งขึ้นมากเลย
เดินมาสักพักท้องเริ่มร้องแล้วเรามาที่ร้าน ‘ข้าวมันไก่ทิพย์ช้าง’ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 05:00-14:00 น.
เป็นร้านข้าวมันไก่ไหหลำเจ้าเก่าแก่ของเมืองลำปาง ความอร่อยนี่ดูได้จากลูกค้าเข้าออกตลอดเวลาเลยค่ะ
แอ่นแอ๊น! มาแล้ว ‘ข้าวมันไก่’ ของเราราคา 35 บาท เนื้อไก่นี่นุ่มนวลละมุนมากเลย ส่วนของข้าวนี่ก็เข้ากันได้ดี ยิ่งน้ำจงน้ำจิ้มนี่ ไม่ต้องพูดถึง เลิศ!
หลังจากจัดการกับข้าวมันไก่จนราบคาบแล้วเราแวะมาเติมกาแฟเข้าร่างกายกันที่‘ร้านมาหามิตร : Mahamitr’ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00 -18:00 น.
ร้านนี้ออกแบบด้วยดีไซน์เก๋ๆ ท่ามกลางต้นไม้แฝงไว้ด้วยความร่มรื่น
มีให้เลือกนั่งทั้งโซนด้านในเป็นห้องแอร์ หรืออยากจะนั่งชิลริมแม่น้ำวังที่จัดเป็นโซนให้นั่งอยู่ด้านนอกก็ได้นะคะ
เราสั่ง ‘กาแฟเอสเปรสโซ่’ ราคา 75 บาท อึกแรกนี่ตื่นเลยค่ะ รสชาติเข้มข้นโดนใจมาก
มาค่ะเรามาเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่กันที่กาดกองต้า
ที่นี่เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง ในซอยตลาดจีนริมน้ำ มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี บนถนนตลอดทั้งสาย
ในอดีตย่านนี้มีผู้คนจากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ยาวนานกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำวังจึงมีรูปแบบสถาปัตยกรรม
ผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่า ดังนั้น ถนนตลาดเก่าเส้นนี้จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวยๆ หลากสไตล์
นอกจากนี้ยังมีรูปวาดสวยๆ แอบซ่อนอยู่ตามซอกตามซอยอีกหลายรูป
สายถ่ายรูปแนะนำเลยค่ะ มีรูปสวยๆ ให้ได้ครีเอทท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานแน่นอน
โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 – 22.00 น. บริเวณถนนกาดกองต้านี้ ยังจัดเป็นถนนคนเดิน
มีสินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด ของตกแต่ง ของที่ระลึก รวมถึงอาหาร มาวางขาย ให้เราได้เลือกซื้อเลือกชิมกันอย่างหลากหลายอีกด้วยนะคะ
เดินไปมาได้เวลาอาหารกลางวันพอดีเราแวะที่ร้าน ‘บะหมี่โกจือ’
ร้านเก่าแก่ของเมืองลำปาง เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 14.00 น. จะหยุดเดือนละ 2 วัน มีติดป้ายบอกล่วงหน้านะคะ
เราสั่ง ‘เกี๊ยวน้ำ’ มาทาน ซดน้ำซุปนี่ละมุนมาก เกี๊ยวก็ดี หมูแดงก็โดน ราคา 40 บาท หมดถ้วยอย่างรวดเร็ว แผล่บๆ
เราเดินต่อมายัง ‘ศาลหลักเมืองจังหวัดลำปาง’ ที่นี่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อย่างสวยงามและสง่างามมาก
ถัดมายังเป็นที่ตั้งของมณฑปทรงไทยแบบจตุรมุข ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ ‘พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ’
เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสร้างด้วยโลหะผสมรมดำทั้งองค์ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า ‘หลวงพ่อดำ’
บริเวณใกล้ๆกันยังเป็นที่ตั้งของมณฑป ‘หลวงพ่อเกษม เขมโก’ สามารถเข้ามากราบไหว้สักการะเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลกันได้นะคะ
ที่ต่อมาคือ ‘พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เมืองลำปาง’ หรือ ‘มิวเซียมลำปาง’
เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 09.00 น. - 16.30 น.
โดยด้านในจัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดลำปาง
ทั้งประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม
นำมาร้อยเรียงเรื่องราวนำเสนอในรูปแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ โดยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิทรรศการและผู้ชมให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างเต็มรูปแบบ
นำพาให้เราเดินไปแต่ละห้องได้อย่างสนุกสนาน จัดแสดงในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟออกมาได้อย่างน่าสนใจ
เรียกได้ว่านอกจากจะได้ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว เรายังได้รับรู้เรื่องราวของจังหวัดลำปางไปพร้อมกันอีกด้วย
อุ๊ปส์! ออกมาก็ได้เวลามื้อเย็นแล้วเหรอเนี่ย เราเดินตามกลิ่นน้ำซุปที่หอมโชยมาแต่ไกล จนมาถึงร้าน ‘เชิญชวนชิม’
เปิดขายก๋วยเตี๋ยวมีให้เลือกทั้งหมูและเนื้อ
เราสั่ง ‘เกาเหลาเนื้อรวม’ ราคา 50 บาท หน้าตายั่วยวนมากค่ะ คำแรกไม่เป็นไร คำต่อไปเกลี้ยงชาม แหะๆ
ระหว่างนั่งรอรถมารับกลับที่พัก เราแวะมานั่งเพลินๆกันที่ร้าน ‘ไอหย๋า ปังนม : I YA Pungnom’ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 12:00 - 22:00 น.
จะนั่งเฉยๆก็กระไรเลยสั่ง ‘ไวท์มอลต์’ ราคา 30 บาท และ ‘ไมโลโวคาโน่คากิโกริ’ กลัวสั่งผิดอ่านอีกครั้ง ‘ไมโลโวคาโน่คากิโกริ’ ราคา 129 บาท
ว่าจะทานเล่นๆ แต่ดันหมดจริงๆ โอ๊ย! ฟิน หันหลังเรอ 1 ครั้ง ไปให้สุดแล้วหยุดที่ของหวานกลับที่พักได้ค่ะ
วันที่ 2 : ไม่กั๊ดต้อง เราไม่กลับ
เช้านี้อะไรจะดีไปกว่าการมาทานอาหารเหนือแบบพื้นเมืองกันเรามาที่ร้าน ‘ไส้อั่วแม่จันทร์ดี’
จัดมาค่ะชุดใหญ่ชุดใหญ่ไฟกระพริบปิ๊บๆ มี ‘อาหารเหนือรสชาติดั้งเดิม’ หลากหลายเมนูให้เราเลือกทานกันค่าเสียหาย 320 บาท บอกเลยว่า ลำแต้ๆเจ้า
อิ่มแล้วก่อนตาจะปรือเราแวะมาที่ร้าน ‘วิชวัช เพสตรี้ : which wat plasty’ เปิดเวลา 9.00-19.00 น.
จัดกาแฟเอสเปรสโซ่’รสเข้มข้นพร้อมขนมเค้กรสละมุนราคา 80 บาท
และก่อนกลับยังค่ะเรายังไม่หยุดแวะมาปิดท้ายด้วยร้าน ‘ข้าวซอยแม่ฟอง’ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00 - 15:30 น.
มาแล้วเจ้า ‘ข้าวซอยเนื้อ’ รสชาติเข้มข้นโดนใจราคา 40 บาท พร้อม ‘ขนมปังหน้าหมู’ ราคา 30 บาท กรอบๆ กรุบๆ
หมดเกลี้ยงภายในพริบตา โอ๊ย! ลำแต้ลำว่า ลำขนาดเลยเจ้า
ได้เวลาโบกมือลาไปพร้อมกับพุงแน่นๆ แล้ว เรายังคงกลับโดยรถไฟนอนสบายสไตล์อุตราวิถีเช่นเดิมราคา 1,001 บาท
ปิ๊กแล้วหนา แล้วจะใหม่แน่นอนเจ้า
การที่เราได้เดินเที่ยวและได้ทานอาหารหลากหลายเมนูของที่นี่ นอกจากจะมีรสชาติที่แสนจะอร่อยแล้ว
ยังสามารถสะท้อนให้เราได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่จากอดีตจนถึงปัจจุบันได้อีกด้วย
‘ลำปาง’ ยังคงเป็นเมืองที่เรียบง่าย สวยงาม และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อีกมากมายให้ได้ค้นหา พร้อมที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้อยู่เสมอ
*ฝากเพจ ‘ฟันม้าพาเที่ยว’ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะ ถ้าชอบกดถูกใจ ถ้าใช่กดแชร์ เข้ามาพูดคุยกันได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ..^_^
[CR] รีวิว ‘ลำปาง’ 2 วัน 1 คืน [แอ่วม่วนชวนกิน สุดฟินเมืองรถม้า]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้