JJNY : ถกญัตติตั้งกมธ.แก้รธน.11ธ.ค.ฯ/เทพไท ขยาด! จะลงมติตามวิป รบ.ฯ/สอท.ติงขึ้นค่าจ้าง-คสรท.จ่อคุยหม่อมเต่า

สภาฯ ได้ฤกษ์ถกญัตติตั้งกมธ.แก้รธน.11ธ.ค.
https://www.dailynews.co.th/politics/745947
 
 
“สภาฯ”ได้ฤกษ์ถกญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรก 11 ธ.ค.นี้หลังยื้อมา 2 สัปดาห์
 
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงญัตติการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นระเบียบวาระที่สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณากันในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ ซึ่งเป็นไปตามวาระปกติ ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการพิจารณาญัตติดังกล่าวต้องใช้เวลากี่วัน เพราะเดิมประเมินไว้ว่าญัตตินี้ควรจะเข้ามาสู่การพิจารณาได้ตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่กลับมีวาระอื่นเข้ามาก่อน ดังนั้น วันที่ 11 ธ.ค. ญัตติจะวาระแรกหลังจากพิจารณากระทู้ถาม
 
"การอภิปรายจะเปิดให้อภิปรายตามปกติ ส่วนใหญ่จะได้อภิปรายกันเกือบทุกคน เพียงแต่ว่าต้องไปบริหารเวลากัน ผมได้คุยล่วงหน้ากับผู้เสนอญัตติว่าน่าจะไปหารือกันแต่ละกลุ่มจะใช้เวลาอภิปรายเท่าไหร่ เพราะหากไม่กำหนดเวลา ก็จะเกิดการส่งรายชื่อเรื่อยๆแล้วไม่จบ ทำท่าว่าจะรีบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผู้ที่รีบนั้นก็ทำให้ช้าไป ดังนั้น วันที่ 11 ธ.ค.จะคุยกับเจ้าของญัตติอีกครั้ง" นายชวน  กล่าว
 
เมื่อถามถึง  กรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) บางตำแหน่งเพื่อเป็นการลงโทษ  สาเหตุหลักเพราะไม่สามารถคุมลูกพรรคเหมือนพรรคอื่นๆ นั้น นายชวน กล่าวว่า "ต้องถามไปฝ่ายครม. ต้องไปถามผู้ลงโทษและผู้ถูกลงโทษ



เทพไท ขยาด! บอกต่อไปนี้จะลงมติตามวิปรัฐบาล ไม่โหวตตามอำเภอใจอีกแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_1799449

‘เทพไท’ ขยาด บอกต่อไปนี้จะลงมติตามวิปรัฐบาล ไม่ลงตามอำเภอใจอีกแล้ว ชี้ข่าวปรับ ปชป.บางส่วนแค่โยนหินถามทาง-สร้างกระแสกดดันมากกว่า จะออกจากร่วม รบ.ต้องออกทั้งพรรค ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ
 
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการตัดสินใจลงมติยืนยันให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 ซึ่งเป็นการสวนมติวิปรัฐบาล ว่าจากการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช ได้มีโอกาสปราศรัยทางการเมือง ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ได้ชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจการลงมติยืนยันมติเดิมของตัวเองให้ได้รับทราบ ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับและสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากตนกลับมติเปลี่ยนจากการลงมติในครั้งแรกก็จะถูกตำหนิและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งจนได้รับความเสียหายทางการเมืองเป็นอย่างมาก
 
“เหตุการณ์ของการลงมติในครั้งที่ผ่านมาก็จะนำมาเป็นบทเรียน และนำไปปรับปรุงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรในโอกาสต่อไป และสำหรับการทำหน้าที่ ส.ส.ของผม ไม่ว่าจะเป็นการยื่นญัตติ การอภิปรายสนับสนุนหรือคัดค้านญัตติใดๆ จะต้องสอบถามแนวทางหรือต้องหาธงคำตอบจากวิปรัฐบาลก่อนการดำเนินการใดๆ จะทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกแล้ว เพราะหากทำหน้าที่ ส.ส.ขัดกับมติวิปรัฐบาล ก็อาจจะมีผลกระทบต่อสถานะความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและกระทบต่อจุดยืนของตนเองได้” นายเทพไทกล่าว
 
นายเทพไทกล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก ส.ส.ของพรรค 6 คน ไม่โหวตเสียงตามมติวิปรัฐบาลนั้น ว่าน่าจะเป็นเพียงการปล่อยข่าวโยนหินถามทาง หรือสร้างกระแสกดดันมากกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางการเมืองที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลนั้น ถ้าจะเข้าร่วมหรือออกจากการร่วมรัฐบาลก็ต้องออกไปทั้งพรรค จะปรับออกบางส่วนให้ร่วมรัฐบาลบางส่วนของพรรคเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเข้าร่วมรัฐบาลเพียงครึ่งพรรค ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นพรรคการเมืองนั้นก็จะแตกออกเป็นสองส่วน และเปลี่ยนแปลงเป็นพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาสองพรรคอย่างแน่นอน
 
“เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายไม่ควรทำให้วัฒนธรรมทางการเมืองเสียหาย อยากให้เล่นการเมืองภายในกรอบหรือกติกา วัฒนธรรมประเพณีทางการเมืองที่เคยปฏิบัติกันมา ไม่ควรเอาเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากลมาช่วงชิงความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการเมืองต่อพรรคการเมืองอื่นๆ เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด” นายเทพไทกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่