ก่อนอื่นเลย คือขอออกตัวก่อนว่าในช่วงการตามเชียร์นางงามที่ผ่านมา ฟ้าใสเป็นคนที่เราชอบมากที่สุด เราว่าเขาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก
โดยเฉพาะตอนพูด ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ อยากจะหาใครเหมือน
แต่ทั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่น้องพลาดมงก็เพราะการตอบคำถาม
เราก็ยังเชียร์นางงามไทยและเป็นกำลังใจให้ฟ้าใสเสมอ แต่เราก็ควรจะมาวิเคราะห์กันให้ตรงไปตรงมาได้แล้ว
เพราะถ้าเราสังเกตุดีๆคือว่านางงามไทยช่วงหลังๆเข้ารอบลึกกันบ่อยมาก แสดงว่าเรื่องหน้าตาบุคลิกนี่มาถูกทางแล้ว
เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการ "ตอบคำถาม" ที่พอนางงามไทยตอบทีไร ตุ๊บทุกที อันนี้มันชัดแล้วนะว่ากองไทยมีปัญหาในเรื่องนี้
และแน่นอนว่าคนไทยก็มักจะออกมาแก้ต่างให้ว่า ตอบดีแล้วแต่คำถามยากไป ไม่ก็ด่าพวกที่วิจารณ์คำตอบว่าให้ไปแข่งเอง
แต่ไม่มองว่าทำไมประเทศอื่นเขาทำได้และทำไมประเทศเราทำไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้พลาดครั้งเดียวด้วยแต่พลาดหลายครั้ง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจจุดประสงค์ของเวทีนางงามสมัยนี้ก่อน เขาต้องการนางงามแบบไหน
ที่แน่ๆความสวยอย่างเดียวไม่พอ
หลักๆเลยเขาต้องการนางามที่มีความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ทันสมัย มีความมั่นใจในตัวเอง และเป็นผู้หญิงที่ตอบโจทย์ empower woman
และพอเฉพาะนางงามก็ต้องสามารถนำเสนอเรื่องประเภทสันติสิทธิเสรีภาพได้
เพราะการเป็นนางงามคือการได้พื้นที่สื่อในการนำเสนอประเด็นต่างๆให้โลกได้ตระหนัก
ถามว่านางงามไทยใช้พื้นที่สื่อนี้คุ้มค่าหรือยัง
ปีนี้นางงามเมียร์มาร์เปิดตัวว่าเป็นเลสเบี้ยนโดยที่ประเทศตัวเองเป็นประเทศที่เคร่งและยังไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้และถือว่าการรักเพศเดียวกันเป็นความผิดด้วยซ้ำ แต่นางก็ใช้เวทีนี้เป็นพื้นที่สื่อในการนำเสนอเรื่องLGBT
ปีที่แล้วก็มีนางงามทรานเจนเดอร์คนแรกจากสเปน
คืออย่ามาบอกว่านางงามกับการเมืองไม่เกี่ยวกัน มันเกี่ยวกันในรูปแบบหนึ่ง
เอาจากการวิเคราะห์คำถามดีๆ เราจะพบว่าเขาตั้งคำถามในเรื่องที่ค่อนข้างเซ้นซิทีฟของประเทศนางงามนั้นๆ
และอย่างประเทศไทยอ้ะ การเมืองแบบเทาๆ ยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตยชัดเจน ทางเวทีระดับนี้เขาก็ไม่อยากได้นางงามจากประเทศแบบนี้มาพรีเซ้นต์ให้กับเวทีเขาหรอก มันขัดกับแนวคิดสมัยใหม่
"ยกเว้น" นางงามไทยจะสามารถแสดงทัศนคติที่แบบว้าวมากๆชัดเจนในจุดยืนตัวเองแบบสุดๆ แบบนี้แหละโอกาสมงมาแน่
แต่จากการฟังฟ้าใสแล้ว คำตอบก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันเซฟโซนเกินไป แสดงถึงความลังเล แค่นี้มันก็ผิดจุดประสงค์กับเวทีแล้ว
ยิ่งนางงามต้องสามารถนำเสนอเรื่องสิทธิและเสรีภาพได้ เพราะฉะนั้นคำตอบที่ถูกต้องแน่นอนคือ privacy
กลับมาดูคำตอบของผู้ชนะ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับผู้หญิง ทั้งนี้น่าจะมาจากการที่ประเทศเขามีเรื่องเหยียดเพศและเหยียดผิวเยอะ
คำตอบของเขาคือแบบว้าวววมาก ฟังแล้วฮึกเหิม มีความเป็นเฟมินิสต์ มีความempower woman สมมงมาก
หรืออยากของปีที่แล้ว ของแคท ที่เกี่ยวกับกัญชา ที่บางคนบอกว่าไม่ยาก แต่ว่าเราไปฟังสัมภาษณ์แคทมา
เขาบอกว่าตอนตอบคิดหนักมาก เพราะประเทศเขาเซ้นซิทีฟกับเรื่องพวกนี้มาก
หรืออย่างปีเปียที่เกี่ยวกับเรื่องฐานทัพ
ของน้ำตาลที่เกี่ยวข้องกับผู้นำ
จะเห็นได้ชัดว่าแต่ละคำถามจะมีความเจาะจงต่อประเทศของผู้ตอบไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะมี "กึ๋น" มากกว่ากัน
แต่ว่านางงามไทยแทบทุกปีจะเด่นชัดมากว่าติดในคอมฟอร์ทโซนมากเกินไป ติดนิสัยไทยๆที่เรียกว่า "อยู่เป็น" จนทำให้ตอบไม่ชัดเจน จนแพ้
และก็จะมีความว่า "มงก็อยากได้ บ้านก็อยากกลับ" ตามมา ซึ่งแนวคิดแบบนี้แหละที่ยิ่งจะทำให้แพ้
และจะแพ้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่แก้จุดนี้
ซึ่งมันน่าเสียดายนะ รู้สึกว่ากองไทยมาถูกทางแล้ว เหลือแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ
ปล.ขอแท็กการเมืองนะคะ รู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
(Miss Universe) ว่าด้วยการตอบคำถามของนางงามไทย
โดยเฉพาะตอนพูด ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ อยากจะหาใครเหมือน
แต่ทั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่น้องพลาดมงก็เพราะการตอบคำถาม
เราก็ยังเชียร์นางงามไทยและเป็นกำลังใจให้ฟ้าใสเสมอ แต่เราก็ควรจะมาวิเคราะห์กันให้ตรงไปตรงมาได้แล้ว
เพราะถ้าเราสังเกตุดีๆคือว่านางงามไทยช่วงหลังๆเข้ารอบลึกกันบ่อยมาก แสดงว่าเรื่องหน้าตาบุคลิกนี่มาถูกทางแล้ว
เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการ "ตอบคำถาม" ที่พอนางงามไทยตอบทีไร ตุ๊บทุกที อันนี้มันชัดแล้วนะว่ากองไทยมีปัญหาในเรื่องนี้
และแน่นอนว่าคนไทยก็มักจะออกมาแก้ต่างให้ว่า ตอบดีแล้วแต่คำถามยากไป ไม่ก็ด่าพวกที่วิจารณ์คำตอบว่าให้ไปแข่งเอง
แต่ไม่มองว่าทำไมประเทศอื่นเขาทำได้และทำไมประเทศเราทำไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้พลาดครั้งเดียวด้วยแต่พลาดหลายครั้ง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจจุดประสงค์ของเวทีนางงามสมัยนี้ก่อน เขาต้องการนางงามแบบไหน
ที่แน่ๆความสวยอย่างเดียวไม่พอ
หลักๆเลยเขาต้องการนางามที่มีความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ทันสมัย มีความมั่นใจในตัวเอง และเป็นผู้หญิงที่ตอบโจทย์ empower woman
และพอเฉพาะนางงามก็ต้องสามารถนำเสนอเรื่องประเภทสันติสิทธิเสรีภาพได้
เพราะการเป็นนางงามคือการได้พื้นที่สื่อในการนำเสนอประเด็นต่างๆให้โลกได้ตระหนัก
ถามว่านางงามไทยใช้พื้นที่สื่อนี้คุ้มค่าหรือยัง
ปีนี้นางงามเมียร์มาร์เปิดตัวว่าเป็นเลสเบี้ยนโดยที่ประเทศตัวเองเป็นประเทศที่เคร่งและยังไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้และถือว่าการรักเพศเดียวกันเป็นความผิดด้วยซ้ำ แต่นางก็ใช้เวทีนี้เป็นพื้นที่สื่อในการนำเสนอเรื่องLGBT
ปีที่แล้วก็มีนางงามทรานเจนเดอร์คนแรกจากสเปน
คืออย่ามาบอกว่านางงามกับการเมืองไม่เกี่ยวกัน มันเกี่ยวกันในรูปแบบหนึ่ง
เอาจากการวิเคราะห์คำถามดีๆ เราจะพบว่าเขาตั้งคำถามในเรื่องที่ค่อนข้างเซ้นซิทีฟของประเทศนางงามนั้นๆ
และอย่างประเทศไทยอ้ะ การเมืองแบบเทาๆ ยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตยชัดเจน ทางเวทีระดับนี้เขาก็ไม่อยากได้นางงามจากประเทศแบบนี้มาพรีเซ้นต์ให้กับเวทีเขาหรอก มันขัดกับแนวคิดสมัยใหม่
"ยกเว้น" นางงามไทยจะสามารถแสดงทัศนคติที่แบบว้าวมากๆชัดเจนในจุดยืนตัวเองแบบสุดๆ แบบนี้แหละโอกาสมงมาแน่
แต่จากการฟังฟ้าใสแล้ว คำตอบก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันเซฟโซนเกินไป แสดงถึงความลังเล แค่นี้มันก็ผิดจุดประสงค์กับเวทีแล้ว
ยิ่งนางงามต้องสามารถนำเสนอเรื่องสิทธิและเสรีภาพได้ เพราะฉะนั้นคำตอบที่ถูกต้องแน่นอนคือ privacy
กลับมาดูคำตอบของผู้ชนะ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับผู้หญิง ทั้งนี้น่าจะมาจากการที่ประเทศเขามีเรื่องเหยียดเพศและเหยียดผิวเยอะ
คำตอบของเขาคือแบบว้าวววมาก ฟังแล้วฮึกเหิม มีความเป็นเฟมินิสต์ มีความempower woman สมมงมาก
หรืออยากของปีที่แล้ว ของแคท ที่เกี่ยวกับกัญชา ที่บางคนบอกว่าไม่ยาก แต่ว่าเราไปฟังสัมภาษณ์แคทมา
เขาบอกว่าตอนตอบคิดหนักมาก เพราะประเทศเขาเซ้นซิทีฟกับเรื่องพวกนี้มาก
หรืออย่างปีเปียที่เกี่ยวกับเรื่องฐานทัพ
ของน้ำตาลที่เกี่ยวข้องกับผู้นำ
จะเห็นได้ชัดว่าแต่ละคำถามจะมีความเจาะจงต่อประเทศของผู้ตอบไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะมี "กึ๋น" มากกว่ากัน
แต่ว่านางงามไทยแทบทุกปีจะเด่นชัดมากว่าติดในคอมฟอร์ทโซนมากเกินไป ติดนิสัยไทยๆที่เรียกว่า "อยู่เป็น" จนทำให้ตอบไม่ชัดเจน จนแพ้
และก็จะมีความว่า "มงก็อยากได้ บ้านก็อยากกลับ" ตามมา ซึ่งแนวคิดแบบนี้แหละที่ยิ่งจะทำให้แพ้
และจะแพ้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่แก้จุดนี้
ซึ่งมันน่าเสียดายนะ รู้สึกว่ากองไทยมาถูกทางแล้ว เหลือแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ
ปล.ขอแท็กการเมืองนะคะ รู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย