
อิสระภาพทุกวันนี้เปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่าน สัมผัสได้ว่ามีจริงแต่ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ คนส่วนใหญ่แสร้งพยายามในการเริ่มเพื่อหาจุดเริ่มต้นใหม่อย่างมากแต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มากพอที่จะเกิดผลลัพธ์อันน่าพอใจได้ ในสายตาของคนทั่วไปทำให้มองเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ลมที่พัดผ่านพวกเขาไป รู้สึกแต่ไม่มากพอที่จะทำให้หนาวสั่นได้ เพื่อยืนหยัดต่อสู้กับความฝันความต้องการ ที่บางครั้งก็ยากเกินกว่าจะเอื้อมถึง จะว่าไปมันอาจจะโลกสวยเกินไปที่จะเยียวยาจิตใจคนให้กลับมามีจิตสำนึกตรงจุดนี้บ้าง เราเมินเฉยต่อการช่วยเหลือเพียงเพราะความต้องการอันเห็นแก่ตัวมานานเท่าไรแล้ว?
น้อยคนที่จะฟังเพราะเราจะละสิ่งที่เราไม่อยากรับรู้เพื่อไม่อยากเจ็บปวด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราเจ็บเพราะถูกด่าว่า หรือเพราะความด้านชาเองและดันเป็นคนส่วนใหญ่ที่เป็นแบบนั้น
คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงวาดภาพนี้ขึ้นมา เพราะฉันเป็นนักวาดภาพที่ไม่มีใครรู้จักอยากอยากกระตุ้นความคิดของใครอีกหลายคนยังไงละ ฉันเป็นคนพูดไม่เก่งเท่าไรและก็ใช่อีกที่ฉันอาจจะไม่มีปัญญาช่วยอะไรได้ไปมากกว่านี้ แต่ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้ ฉันจะพูดให้ฟังเกี่ยวกับภาพนี้ เอาเป็นว่าพวกคุณเห็นอะไรในภาพนี้ คนยืนโบกธงโง่ๆที่ดูไม่แตะตาอะไร(เผลอดูไม่ออกว่าเป็นคน)พร้อมแสงอะไรก็ไม่รู้พุ่งดูสับสนไปหมดใช่ไหม แถมพื้นหลังก็ปวดกระบาลชอบกล แต่ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรฉันก็ไม่สนหรอก เพราะมันคือศิลปะในความคิดฉัน
ฉันจะอธิบายให้ฟังง่ายๆ อย่างแรกพื้นหลังที่วาดคือท้องฟ้าที่มันดูตัดๆแปลกใช่ไหม ที่วาดแบบนั้นเพราะจะสื่อว่าเวลาคนเราจะป่าวประกาศว่าจะทำความดี คิดดี คิดบวก เปลี่ยนโลก เปลี่ยนความคิด บลาๆ มันมีอะไรหลายอย่างแฝงอยู่ในความคิดพวกนั้นนะสิ ความคิดแย่ๆ มืดๆ อะไรที่มันเลวร้าย อะไรที่เห็นแก่ตัวทำเพื่อผลประโยชน์มันถูกแฝงอยู่ในนั้นด้วย อย่าคิดว่าฉันเป็นคนคิดในแง่ร้าย แค่คิดตามความเป็นจริงเท่านั้น เพระคนที่คิดอะไรที่มันบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซนต์มักจะไม่ค่อยมีจุดให้ยืนซักเท่าไรคุณว่าจริงไหม แต่อย่าพึ่งตัดสินฉันตอนนี้ลองเปิดใจอ่านต่ออีกซักนิด
ถัดไปคือพื้นดินสีเข้ม ทำไมถึงวาดออกมาได้หยาบและไม่เห็นต้นหญ้าโผล่ซักต้น อย่าได้แปลกใจ เพราะมันถูกตีความหมายในเชิงวัฎจักร ฉันรู้ว่าพวกคุณรู้จักความหมายดีซึ่งมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือจุดเริ่มต้นในการทำสิ่งใหม่ๆ ถึงมันอาจจะดีและพังตอนท้ายหรืออาจจะสลับกัน และแบบที่สองมันคือซากของอดีตที่ไม่หลงเหลือให้เห็นเพื่อเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะถูกตีความหมายอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำที่ควบคู่กับความหวัง เพราะถ้าคุณไม่มีความหวังก็คงไม่มีเส้นทางให้คุณเดินต่อและคงไม่มีภาพของคนยืนโบกธงเป็นแน่
ใช่ฉันได้พูดถึงคนโบกธง ฉันขอถามว่าอย่างแรกว่าคุณดูออกไหมว่าฉันวาดเป็นคน และคุณดูออกไหมลักษณะของคนที่ฉันวาดเป็นเช่นไร ใช่อาจดูยากเพราะมันคือการซ้อนของความเป็นมนุษย์เอาไว้ในที่เดียว สภาพเพศ กาลเวลา ลักษณะผิวพรรณ สีผิว สีผม ลักษณะผม อาภรนที่แตกต่าง ทุกอย่างรวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะฉันขี้เกียจวาดเลยรวบรัด แต่เพราะฉันต้องการแสดงถึงจุดยืนของความเป็นหนึ่ง ความเท่าเทียมในทางสังคมที่ทุกวันนี้เห็นเรียกร้อยและเริ่มกล้าที่จะพูดมาบ้าง แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่พ้นการเหยียดกันจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังเห็นการเหยียดกัน การไม่ให้เกียรติ การไม่เคารพกันอยู่ถมไป มันเป็นเรื่องไม่ปกติที่ปกติในสังคม คงจะไม่มีอะไรเถียงได้ในข่าวที่แพร่กระจายให้เห็นอยู่ทุกวันหรอกจริงไหม
เหมือนจะสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนั้นคือธง มันเกี่ยวเนื่องกันมาหมด ทุกองค์ประกอบไม่ว่าหลักหรือรอง ธงสีฟ้าและขาวบ่งบอกถึงอิสรภาพ สินติและความยุติธรรม มันใช้ได้กับทุกเรื่องย้ำว่าทุกเรื่องทั้งทางสังคม ปัจจัยหลักและความรู้สึกทางความคิด ทุกคนมีจุดนี้และสามารถยึดเอามาครอบครองได้อย่างเต็มที่ ถึงสภาพปัจจุบันจะปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ก็ตาม อยู่ที่พวกคุณจะกล้าโบกธงเพื่อทลายสีดำอันน่าสมเพชของความคิดอันน่าสกปรกพวกการเมืองที่เห็นแก่ตัวและด้านไปทุกสิ่งที่เป็นและเห็นอยู่อย่างน่าเบือหน่ายในทุกวันนี้ หรือระบบทุกระบบจะอยู่ใต้กฎหมาย ไม่นอกกฎเกมส์ อยู่อย่างสันติ อิสรภาพและยุติธรรมอย่างแท้จริง อันเป็นเมือกสีดำที่ติดอยู่ที่ธงได้ไหมเท่านั้นเองลองคิดดูแล้วกัน
สุดท้ายและท้ายสุดของจริง แสงที่แตะตาพุ่งออกจากธง ถ้าจะให้พูดอย่างง่ายหมือนคนมักง่าย ก็ต้องบอกว่าไม่อยากให้พื้นที่มันว่างและจืดเลยใส่ลงไป แต่ถ้าให้พูดให้เชิงลึกลงไปหน่อยก็ต้องบอกถึงการ"รวม" มันคือการรวมของทุกสิ่งมาไว้ที่ธง สีแต่ละสีมีความหมายในตัวของมัน สีเดี่ยว สีคู่ หรือหลากสีก็ตาม ทุกอย่างอยู่ที่การตีความและความเข้าใจของมัน ฉันไม่สามารถอธิบายอะไรได้มาก พูดได้แค่ว่ามันคือการ"รวม"ของทุกสิ่ง เท่านั้น เพื่อเสริมธงที่ถูกยื่นโบกสะบัดไปมาอยู่กลางภาพให้มีความชัดเจนในตัวของมันมากยิ่งขึ้น เพราะฉันยังหวังว่ามันจะเกิดเรื่องราวที่ดีขึ้นมาบ้าง ถึงสภาพในตอนนี้ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไรก็ตาม
พออ่านถึงจุดนี้แล้วคุณยังคิดว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าละ การตัดสินใจทุกๆสิ่งทุกๆเรื่องอยู่ที่คุณย้ำว่าอยู่ที่คุณ ไม่มีใครกระชากออกจากความคิดของคุณได้ อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะให้โดนกระชากเพื่อเขวีงทิ้งเพื่อกระทืบซ้ำหรือคุณจะกระชากออกมาโชว์ให้เห็นเพื่อประกาศความรู้สึก ความผิดชอบชั่วดีเพื่อการเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น อย่างที่บอกฉันแค่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง ก็แค่นั้น แต่ฉันก็ได้พูดไปแล้วว่าฉันเป็นคนที่มีความหวัง หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันสื่อมาทั้งหมด และฉันก็ได้พูดไปตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าฉันไม่มีปัญญาอะไรนอกจากกระตุ้นความคิดพวกคุณผ่านทางภาพวาด ขอให้พวกคุณคิดได้ โชคดี
บทความเรื่อง “อิสรภาพอันหน้ามึน”
อิสระภาพทุกวันนี้เปรียบเสมือนสายลมที่พัดผ่าน สัมผัสได้ว่ามีจริงแต่ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ คนส่วนใหญ่แสร้งพยายามในการเริ่มเพื่อหาจุดเริ่มต้นใหม่อย่างมากแต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มากพอที่จะเกิดผลลัพธ์อันน่าพอใจได้ ในสายตาของคนทั่วไปทำให้มองเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ลมที่พัดผ่านพวกเขาไป รู้สึกแต่ไม่มากพอที่จะทำให้หนาวสั่นได้ เพื่อยืนหยัดต่อสู้กับความฝันความต้องการ ที่บางครั้งก็ยากเกินกว่าจะเอื้อมถึง จะว่าไปมันอาจจะโลกสวยเกินไปที่จะเยียวยาจิตใจคนให้กลับมามีจิตสำนึกตรงจุดนี้บ้าง เราเมินเฉยต่อการช่วยเหลือเพียงเพราะความต้องการอันเห็นแก่ตัวมานานเท่าไรแล้ว?
น้อยคนที่จะฟังเพราะเราจะละสิ่งที่เราไม่อยากรับรู้เพื่อไม่อยากเจ็บปวด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราเจ็บเพราะถูกด่าว่า หรือเพราะความด้านชาเองและดันเป็นคนส่วนใหญ่ที่เป็นแบบนั้น
คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงวาดภาพนี้ขึ้นมา เพราะฉันเป็นนักวาดภาพที่ไม่มีใครรู้จักอยากอยากกระตุ้นความคิดของใครอีกหลายคนยังไงละ ฉันเป็นคนพูดไม่เก่งเท่าไรและก็ใช่อีกที่ฉันอาจจะไม่มีปัญญาช่วยอะไรได้ไปมากกว่านี้ แต่ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้ ฉันจะพูดให้ฟังเกี่ยวกับภาพนี้ เอาเป็นว่าพวกคุณเห็นอะไรในภาพนี้ คนยืนโบกธงโง่ๆที่ดูไม่แตะตาอะไร(เผลอดูไม่ออกว่าเป็นคน)พร้อมแสงอะไรก็ไม่รู้พุ่งดูสับสนไปหมดใช่ไหม แถมพื้นหลังก็ปวดกระบาลชอบกล แต่ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรฉันก็ไม่สนหรอก เพราะมันคือศิลปะในความคิดฉัน
ฉันจะอธิบายให้ฟังง่ายๆ อย่างแรกพื้นหลังที่วาดคือท้องฟ้าที่มันดูตัดๆแปลกใช่ไหม ที่วาดแบบนั้นเพราะจะสื่อว่าเวลาคนเราจะป่าวประกาศว่าจะทำความดี คิดดี คิดบวก เปลี่ยนโลก เปลี่ยนความคิด บลาๆ มันมีอะไรหลายอย่างแฝงอยู่ในความคิดพวกนั้นนะสิ ความคิดแย่ๆ มืดๆ อะไรที่มันเลวร้าย อะไรที่เห็นแก่ตัวทำเพื่อผลประโยชน์มันถูกแฝงอยู่ในนั้นด้วย อย่าคิดว่าฉันเป็นคนคิดในแง่ร้าย แค่คิดตามความเป็นจริงเท่านั้น เพระคนที่คิดอะไรที่มันบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซนต์มักจะไม่ค่อยมีจุดให้ยืนซักเท่าไรคุณว่าจริงไหม แต่อย่าพึ่งตัดสินฉันตอนนี้ลองเปิดใจอ่านต่ออีกซักนิด
ถัดไปคือพื้นดินสีเข้ม ทำไมถึงวาดออกมาได้หยาบและไม่เห็นต้นหญ้าโผล่ซักต้น อย่าได้แปลกใจ เพราะมันถูกตีความหมายในเชิงวัฎจักร ฉันรู้ว่าพวกคุณรู้จักความหมายดีซึ่งมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือจุดเริ่มต้นในการทำสิ่งใหม่ๆ ถึงมันอาจจะดีและพังตอนท้ายหรืออาจจะสลับกัน และแบบที่สองมันคือซากของอดีตที่ไม่หลงเหลือให้เห็นเพื่อเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะถูกตีความหมายอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำที่ควบคู่กับความหวัง เพราะถ้าคุณไม่มีความหวังก็คงไม่มีเส้นทางให้คุณเดินต่อและคงไม่มีภาพของคนยืนโบกธงเป็นแน่
ใช่ฉันได้พูดถึงคนโบกธง ฉันขอถามว่าอย่างแรกว่าคุณดูออกไหมว่าฉันวาดเป็นคน และคุณดูออกไหมลักษณะของคนที่ฉันวาดเป็นเช่นไร ใช่อาจดูยากเพราะมันคือการซ้อนของความเป็นมนุษย์เอาไว้ในที่เดียว สภาพเพศ กาลเวลา ลักษณะผิวพรรณ สีผิว สีผม ลักษณะผม อาภรนที่แตกต่าง ทุกอย่างรวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะฉันขี้เกียจวาดเลยรวบรัด แต่เพราะฉันต้องการแสดงถึงจุดยืนของความเป็นหนึ่ง ความเท่าเทียมในทางสังคมที่ทุกวันนี้เห็นเรียกร้อยและเริ่มกล้าที่จะพูดมาบ้าง แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่พ้นการเหยียดกันจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังเห็นการเหยียดกัน การไม่ให้เกียรติ การไม่เคารพกันอยู่ถมไป มันเป็นเรื่องไม่ปกติที่ปกติในสังคม คงจะไม่มีอะไรเถียงได้ในข่าวที่แพร่กระจายให้เห็นอยู่ทุกวันหรอกจริงไหม
เหมือนจะสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนั้นคือธง มันเกี่ยวเนื่องกันมาหมด ทุกองค์ประกอบไม่ว่าหลักหรือรอง ธงสีฟ้าและขาวบ่งบอกถึงอิสรภาพ สินติและความยุติธรรม มันใช้ได้กับทุกเรื่องย้ำว่าทุกเรื่องทั้งทางสังคม ปัจจัยหลักและความรู้สึกทางความคิด ทุกคนมีจุดนี้และสามารถยึดเอามาครอบครองได้อย่างเต็มที่ ถึงสภาพปัจจุบันจะปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ก็ตาม อยู่ที่พวกคุณจะกล้าโบกธงเพื่อทลายสีดำอันน่าสมเพชของความคิดอันน่าสกปรกพวกการเมืองที่เห็นแก่ตัวและด้านไปทุกสิ่งที่เป็นและเห็นอยู่อย่างน่าเบือหน่ายในทุกวันนี้ หรือระบบทุกระบบจะอยู่ใต้กฎหมาย ไม่นอกกฎเกมส์ อยู่อย่างสันติ อิสรภาพและยุติธรรมอย่างแท้จริง อันเป็นเมือกสีดำที่ติดอยู่ที่ธงได้ไหมเท่านั้นเองลองคิดดูแล้วกัน
สุดท้ายและท้ายสุดของจริง แสงที่แตะตาพุ่งออกจากธง ถ้าจะให้พูดอย่างง่ายหมือนคนมักง่าย ก็ต้องบอกว่าไม่อยากให้พื้นที่มันว่างและจืดเลยใส่ลงไป แต่ถ้าให้พูดให้เชิงลึกลงไปหน่อยก็ต้องบอกถึงการ"รวม" มันคือการรวมของทุกสิ่งมาไว้ที่ธง สีแต่ละสีมีความหมายในตัวของมัน สีเดี่ยว สีคู่ หรือหลากสีก็ตาม ทุกอย่างอยู่ที่การตีความและความเข้าใจของมัน ฉันไม่สามารถอธิบายอะไรได้มาก พูดได้แค่ว่ามันคือการ"รวม"ของทุกสิ่ง เท่านั้น เพื่อเสริมธงที่ถูกยื่นโบกสะบัดไปมาอยู่กลางภาพให้มีความชัดเจนในตัวของมันมากยิ่งขึ้น เพราะฉันยังหวังว่ามันจะเกิดเรื่องราวที่ดีขึ้นมาบ้าง ถึงสภาพในตอนนี้ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไรก็ตาม
พออ่านถึงจุดนี้แล้วคุณยังคิดว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าละ การตัดสินใจทุกๆสิ่งทุกๆเรื่องอยู่ที่คุณย้ำว่าอยู่ที่คุณ ไม่มีใครกระชากออกจากความคิดของคุณได้ อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะให้โดนกระชากเพื่อเขวีงทิ้งเพื่อกระทืบซ้ำหรือคุณจะกระชากออกมาโชว์ให้เห็นเพื่อประกาศความรู้สึก ความผิดชอบชั่วดีเพื่อการเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น อย่างที่บอกฉันแค่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง ก็แค่นั้น แต่ฉันก็ได้พูดไปแล้วว่าฉันเป็นคนที่มีความหวัง หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันสื่อมาทั้งหมด และฉันก็ได้พูดไปตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าฉันไม่มีปัญญาอะไรนอกจากกระตุ้นความคิดพวกคุณผ่านทางภาพวาด ขอให้พวกคุณคิดได้ โชคดี