บ่นไปเรื่อย อยากระบาย ชีวิตทำงาน ก่อนเริ่มเข้าวัยกลางคน

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวก่อน ผมเรียนจบวิศวะ ถ้านับคร่าวๆ ก็จะ 11 ปีล่ะ ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนตั้งแต่ยังไม่จบดี เนื่องจากสัมภาษณ์ ได้งานทำตั้งแต่กลางเดือนกุมภา สอบจบ thesis ประมาณเดือนมีนา ทำให้ไม่ได้เที่ยวหลังเรียนจบ ส่วนตัวคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เอาตังค์ไว้ก่อน 555

ก็เริ่มงานที่แรกเป็นบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่ง ย่านอโศก เป็นบริษัทที่เหมือนโรงเรียนก็ว่าได้ เพราะรุ่นพี่ที่ทำงานที่นี่มาก่อน ใจดี พูดคุยเป็นพี่เป็นน้องกัน รุ่นพี่ที่ทำงานมีทั้งจบปริญญาตรี ทั้งปวช ปวส งานที่ทำอย่างแรกเลย ให้นั่งเช็คแบบ 3d ตามแบบของพวกพี่ที่เค้าทำว่าถูกมั้ย เพื่อนบางคนก็ได้ออกแบบเล็กๆน้อยๆ ส่วนตัวผม ได้ทำพี่ที่เป็นดราฟแมน แก่ประสบการณ์ อินดี้มาก 555 เดินเข้ามาถาม เฮ้ย เอ็งเคยเขียน cad มั้ย!!! เราก็บอกเคยครับ พี่เค้างั้นมา!!!
นั่นคือจุดเริ่มการทำงาน ได้เรียนรู้การออกแบบในวิถีลูกทุ่ง ไม่มีอิงทฤษฎี ลองผิดลองถูกจากประสบการณ์ นั่นทำให้เราค่อยๆเรียนรู้ หาอ่านจากตำรา จับแพะชนแกะไป แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จากพี่เค้าคือ สกิลเขียน cad ที่ทำไว อ่านแบบเก่งขึ้น ไปไซต์งาน จินตนาการภาพในหัว ทำไปทำมา ผ่านไป 4 ปี ร่วมหัวจมท้ายกับบริษัทมีช่วงมีงานเยอะๆ จนไม่มีงาน แล้วกลับมามีงาน แต่ตลอดที่ทำที่นี่ที่เด็ดเลย คือ โอที โบนัส เงินๆๆๆๆ ที่ทำให้เราสามารถสอยคอนโด low rise มา 1 ห้อง และนั่นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ย้ายงาน เมื่อมีคอนโด และราคาเริ่มขึ้น เราก็ขายซิ 555 ประกาศขายปุ้บ ได้ตังค์มา จะทำไรต่อดี ตอนนั้นเริ่มอยากซื้อบ้าน ก็จัดเลย ในเมืองราคาก็สูงหน่อย แต่ฟังพี่คนนู้นคนนี้ ทั้งพ่อแฟน ทำให้ตกลงซื้อชานเมืองนั่นไง เริ่มเห็นปัญหาที่จะเกิดยังครับ ใช่ครับ ต้องซื้อรถไง ไม่เป็นไรเราไหว สบายย ลุย ซื้อรถ ประจวบกับช่วงนั้นโดนส่งไปไซต์ ได้ตังค์เพิ่มอีก เดินทางสะดวก เพราะบ้านอยู่ชานเมือง ช่วงนั้นสนุกมาก จำความรู้สึกได้เลย เวลาแห่งสุขย่อมมีวันจบ เมื่อเรากลับออฟฟิศ นั่นแล่ะครับ ขับรถจากบ้านวันละ 80 km ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าแก็ส 555 บันเทิงซิครับ ทำงานจ่ายค่าเดินทาง เริ่มคิดต้องหาทาง

งั้น เริ่มหางาน ปั้บได้งานเร็วไว ใกล้บ้าน พลิกชีวิต จากหนุ่มออฟฟิศ กลายเป็นหนุ่มวิศวกรผลิต โรงงานใกล้บ้าน ขับรถแค่ 15-20นาที บริษัทดี ชั้นนำ ผลิตส่วนผสมของเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ดูเหมือนจะดี ทำแรกยังไม่รู้ตัวว่าต้องทำงานเป็นกะ นั่นแล่ะครับชีวิตหนุ่มวิศวกรผลิต เนื่องจากเป็นเด็กใหม่ของทีม ทำให้พี่ๆจัดกะดึกให้เราบ่อยซิครับ เริ่มไม่ไหวล่ะ สุขภาพการ นอนเริ่มไม่เป็นเวลา worklife เริ่มไม่ค่อยได้ล่ะ ทำให้ต้องจบการทำงานที่นี่ได้แค่ปีเดียว แต่เป็นชีวิตทำงานที่สนุกมาก พี่ที่นี่ส่วนใหญ่ใจดี แต่ต้องมีหัวโขนเพราะต้องคุมคน ทำให้เราได้อะไรๆเยอะ
ชีวิตเราก็ต้อง move on จากประสบการณ์ที่ทำงานโครงการบ่อยๆสมัยที่ทำงานแรก ทำให้ได้งานใหม่ที่ต่างจังหวัด เป็นบริษัทที่มีโรงงานอยู่ริมทาง ก่อนขึ้นเขาใหญ่ เป็นบริษัทที่มีชื่อในกลุ่มธุรกิจอันดับ 2 โปรไฟล์ ภาพลักษณ์บริษัทดีมาก งานที่ได้เป็นงานโครงการ ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ทำงานแบบสากเบือยันเรือรบ คุมงาน ตัดสินใจ ช่วยจัดซื้อประกวดราคา โหหหห ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยได้คุมเงินเยอะแบบนี้ สนุกครับ พอโครงการจบ ไปไหนต่อล่ะ โดนจับเข้าโรงงานซิครับ ต้องมาซ่อมในสิ่งที่เราติดตั้งไป แต่ไม่ใช่ที่เราทำนะ คนละส่วนกัน แต่นั่นแล่ะของเค้าของใครก็ต้องดู มันเป็นหน้าที่วิศวกรซ่อมบำรุงไปล่ะ ล้มลุกคลุกคลาน ชีวิตเปื้อนฝุ่นของจริง ช่วงนั้นความสนุกมีน้อยลงบ้าง แต่เราเริ่มมีอายุ ทำให้เราแอบคิดในช่วงนั้นอยากฝากชีวิตไว้ที่นี่ จู่ๆก็มีพี่ผู้ใหญ่เรียกไปคุย ว่าเอ็งต้อง move on ไปอีกหน่วยงานนะ เราก็อึ้งๆ แต่ก็ต้องไป ช่วงแรกแอบเซ็งๆ แต่ทำที่ตำแหน่งไปๆมาๆ สบายกว่าที่เก่าอีก เริ่มเรียนรู้ วิถีบริหาร ได้รู้จักพี่ๆที่ๆเป็น ผจก. ได้แนวคิด เปิดโลกกว้างเลย ช่วงนั้นเศษฐกิจเริ่มไม่ดี บริษัทจ้าง consult นั่นแล่ะ consult มันไม่ทำงานเองหรอกครับ เรานี่แล่ะเป็นคนทำงานให้ คิดรูปแบบ จัดห้อง เซ็ตการประชุมตามงาน ตามตัวเลข consult  ก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ทั้งไทย สิงคโปร์ อินเดีย
ทำๆ ไปผ่านไปจะเกือบ 2 ปี บริษัทก็มีการเปลี่ยนอีกครั้ง ก็เพราะ ไอ่ consult นั่นแล่ะครับ เป็น consult เกี่ยวกับการเงิน บริหาร แต่ให้มาจัดการงานซ่อมบำรุง แต่ก็นะ คนในก็ช่วยกันจนเป็นรูปเป็นร่าง เปลี่ยนผังองค์กรใหม่ มีการแต่งตั้งนู่นนั่นนี่ ถือโอกาสลดคน อันนี้เป็นจุดขายของ consult รอบนี้เลย พอบอกทำแบบนี้ คนจะลดได้ นั่นแล่ะ มีเหตุรถตู้!!!!! โศกนาฏกรรมผ่านไป เราก็ได้อานิสงค์ ได้เติบใหญ่นิดหน่อย เป็นผู้บริหารระดับกลาง แต่ตำแหน่งนี้ แอบโดนหลอกหน่อยๆ เราพลาดเอง ถามลักษณะงานไม่ชัดเจน พอทำไป งานเริ่มมั่ว อันไหนไม่ทัน ก็ให้ไปช่วย อันไหนคนไม่พอก็ไปเติม ทั้ง present ก็ต้องทำให้ create report ก็ต้องคิด ทำๆไปเริ่มไม่จุดยืนตัวเองล่ะ แต่ยังบริหาร worklife ได้ เราก็ ok พอทำๆไป

มีช่องทางเห็นหน่วยงานอื่นเปิด internal รับ เราก็คิดว่าตัวเองมีศักยภาพ ก็ยื่นเลย ก็ไปสัมภาษณ์ทางนู้น คุยๆ งานน่าทำ ดูมี career path อ่ะ ถึงเวลาต้องไปคุยกับลูกพี่ตัวเอง พอไปคุย พี่เค้าบอกทำไมไม่ชอบงานเหรอ ทำได้แค่ปีเดียวเอง ช่วยๆกันต่ออีกหน่อยซิ อ้างนู่นนี่นั่น บอกหัวหน้าพี่เค้าไม่อยากให้ไป หาว่ามาเอาตำแหน่งนู่นนั่นนี่ เอิ้มมมม แบบสุดท้าย เตะตัดขา ไม่ให้ไป แถมมีขู่เล็กๆ ถ้าไปคุยกับพี่ผู้ใหญ่ ให้คิดถึงผลที่จะตามมาด้วยนะ แน่ะ ขู่ใหญ่ สุดท้ายล้ม เราก็เริ่มปลง ไปหาที่เรียนโทต่อดีกว่า จะได้เพิ่มศักยภาพตัวเอง นั่นเป็นอีกจุดนึงที่จะส่งผลต่อเรา เรียนเสาร์อาทิตย์ ชีวิตเริ่มจัดการได้ จ-ศ อยู่ตจว. ส-ท เข้ากทม. ช่วงนี้เริ่มมี consult มาอีกแล้ว เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเจ้า รอบนี้มาคนเดียว ฝรั่งหาเรื่องหางาน ไปบอกเพื่อนตัวเองที่เป็นบอร์ดว่าปัญหาเกิด บริหารงานแย่ นู่นนี่นั่น ผู้ใหญ่ที่นี่ยังต้องเกรวใจไอ่ฝรั่งคนนี้ เพราะอ้างเพื่อนตลอด เริ่มๆระส่ำเล็กๆ ซักพักพายุลูกใหญ่ก็เข้ามา จากการปลดผู้บริหารใหญ่ อึ้งกันหมด คำถามมาเต็ม ทำไมๆๆ พี่เค้าอยู่กับบริษัทมายาวนาน ทำไมทำแบบนี้

นั่นแล่ะครับ สาเหตุจากบอร์ดบริหารเป็นฝรั่ง เค้าจัดการคนโดยคำนึงถึงพื้นหลัง ตัวเลขบัญชีไม่ประทับใจ เราก็ดูตัวเลข บริษัทก็มีกำไร นี่นา ถึงแม้จะลดลงบ้าง แต่ก็นะ หลังจากนั้นไม่นานวิกฤตครั้งใหญ่ก็มา เปลี่ยนผังองค์กรกลับเป็นแบบเดิมแต่ๆๆๆ ยังไม่ลืมลดคนอีก โดยมาพร้อมกับคำที่ว่า fair ถ้าใครไม่ได้ไปต่อ ก็จะหางานตำแหน่งใหม่ให้ ใครจะคิด เปลี่ยนครั้งนี้โดนลูกหลงด้วยซิ อย่างที่บอกงานเรามันไม่มี เอกลักษณ์ ตัวตน แต่ก็ได้โอกาสจากพี่อีกคน บอกมาทำงานกับเค้ามั้ย ช่วงแรกไปช่วยงาน พอเราเรียนหนักเข้า เริ่มแน่นๆ ด้วยความที่เราเกรงใจคน กับเป็นคนเปิดเผย เพราะวัฒนธรรมองค์กร เดิมๆที่ติดมา (พี่น้อง คุยกันง่าย รักกัน) แต่ครั้งนี้ ด้วยความที่กดดัน ทุกคนก็อยากรอดพ้น ก็มีแต่คำว่าใครไม่พร้อม ออกไป!!! ตอนนี้ชะตากรรมมาตกอยู่ในจุดที่ ต้องมานั่งหาข้อมูลกฎหมาย การจ้างออก พอเจอเหตุการณ์นี้ ทำให้มานั่งคิดทบทวนตัวเอง เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แอบตลก ตัวเอง แต่ที่จะบอกคือ ชีวิตลูกจ้าง มันไม่แน่นอนเสมอไป ถึงภาพลักษณ์องค์กรจะดีเลิศแค่ไหน นี่อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เด็กๆรุ่นใหม่ อยากทำงานของตัวเองแทนที่จะเอาเวลาไปทำให้บริษัทที่ไม่ใช่ของตัวเอง

สุดท้ายถ้าใครมีข้อติชม แนะนำเรื่องกฎหมาย บอกมาได้เลยนะครับ ตอนนี้ยังเป็นพนักงานบริษัทอยู่ แค่ลูกพี่มาบอกเป็นนัยๆว่าเราไม่ได้ไปต่อ
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่