ตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้ ตอนที่ 1







                   กลับมารีวิวเล่าประสบการณ์เดินทางในทริปล่าสุดกันใหม่ที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่และเมืองลี้มา  8  วัน  เน้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมยังไม่เคยไปในรอบก่อน  ผมไปเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงใกล้เทศกาลลอยกระทงทำให้บรรยากาศวัดทางภาคเหนือตกแต่งด้วยโคมแขวนหลากสีดูสวยงามตาดี  เหมาะแก่คนที่ชอบเที่ยวชมวัดชมวาหรือชอบกลิ่นอายความเป็นล้านนานะครับ   ก่อนอื่นมาดูแผนการเที่ยวของผมก่อนว่าผมไปที่ไหนกันบ้าง

                    วันแรก   :  เดินทางไปเชียงใหม่  เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
                    วันที่  2  :  เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
                    วันที่  3  :  เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
                    วันที่  4  :  เที่ยวดอยอินทนนท์
                    วันที่  5  :  เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
                    วันที่  6  :  เที่ยวย่านเมืองลี้
                    วันที่  7  :  เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
                    วันที่  8  :  เที่ยวห้วยตึงเฒ่า  และเดินทางกลับ

วันแรก   :  เดินทางไปเชียงใหม่  เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง

                    ออกเดินทางจากบ้านตอนใกล้รุ่งเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่   ถึงเชียงใหม่แล้วนั่ง Shuttle  Bus  สาย  R3  ไปลงแถวโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ  เพราะผมจองที่พักอยู่ใกล้ ๆ กับวัดพวกหงษ์   นั่งรถบัสมาแป๊บ ๆ เพียงไม่เกิน  15  นาทีก็มาถึง   เสียค่าโดยสารไป  20  บาท

                    เก็บสัมภาระเสร็จเดินสำรวจรอบ ๆ ที่พัก  เห็นว่าอยู่ใกล้วัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์เลยถือโอกาสไปชมสักหน่อย


  
                     ทั้งวัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์ไปวัดเก่าแก่เล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในย่านชุมชน  นาน ๆ ทีก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่สแวะเวียนเข้ามาชมบ้างเพราะอยู่ใกล้ย่านวัดพระสิงห์และที่พักแถวนี้    
                     
                      เสร็จแล้วผมก็เดินไปหารถมอเตอร์ไซค์ขี่เช่าในทริปนี้กันแถว ๆ ใกล้วัดพระสิงห์   ถนนเส้นที่ผ่านหน้าวัดพระสิงห์นี้เป็นย่านที่พักมีโรงแรมและเกลสเฮ้าท์ราคาไม่แพงอยู่มากมาย   ร้านอาหาร  ร้านค้า และร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ก็มีกันหลายร้าน  เรียกว่าเป็นย่านที่สะดวกเหมาะแก่การเที่ยวเลยทีเดียว  แถมวันอาทิตย์ยังมีถนนคนเดินท่าแพอีก   เท่า ๆ ที่นับดูถนนเส้นนี้มีร้านให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ  10  กว่าร้านเลยทีเดียว


                       ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้เครื่องใหม่แรงดีจากร้านนี้  เพราะเราต้องขี่รถขึ้นดอยจำเป็นต้องใช้รถแรงดีนะครับ   พี่เค้าคิดค่าเช่าวันละ  300  บาท  ผมเช่า  1  สัปดาห์เค้าลดให้เหลือ  2,000  บาท   ผมว่าถูกนะกับการขี่รถเที่ยวไปทั่วในทริปของผม   
                        คนพร้อม  รถพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลย   เป้าหมายแรกก่อนขี่รถไปทางตอนใต้ของเมือง  ไปนอกเมืองโน้น  ไปถ่ายรูป  วัดท่าใหม่อิ   เห็นเค้าลงเว็บไซค์โปรโมตว่าเพิ่งทำใหม่ไม่นาน    ขี่รถไปนานก็ถึง  ถนนที่เชียงใหม่ขี่รถได้สบายกว้างหลายเลนส์ดี
 

                         วัดท่าใหม่อิเป็นวัดสวยสไตล์แบบไทใหญ่ตกแต่งบรรยากาศให้อยู่กลางทุ่งนา  ทุกอย่างเนรมิตได้เพื่อสร้างจุดขายให้คนเข้าวัด  จะได้มาเที่ยวแล้วแวะมาทำบุญด้วยในตัว   วัดนี้เข้าชมฟรีไม่เสียเงิน  แถมมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้เลือกถ่ายได้ตามความชอบเลยนะครับ   มาวัดนี้ช่วงแดดล่มลมตกยามเย็นจะดีมาก  บรรยากาศไม่ร้อนไม่เจอแดด  และที่สำคัญที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวมาชมกันน้อยอยู่





                          ต่อมาผมขี่รถไปเที่ยวชม  วัดบวกครกหลวง  และโรงแรมดาราเทวี   อีก  2  สถานที่ที่ผมยังไม่เคยไปชมในทริปก่อน ๆ  รอบนี้ตั้งใจอยากไปชมสักครั้ง  และ  2  แห่งก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก

                          วัดบวกครกหลวงเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดของเมืองเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องภาพจิตรกรรมฝาผนัง   โดยจิตรกรรมฝาผนังนี้วาดเป็นเรื่องราวของชาดกตามนิทานปัญญาสชาดกของทางภาคเหนือ   เป็นจิตรกรรมที่มีอายุราว ๆ  100  ปีได้  แต่สีสันยังสดใสดีอยู่


                          ผมมาชมวัดนี้ช่วงใกล้วันลอยกระทง   เห็นพระสงฆ์และชาวบ้านแถบนั้นกำลังนั่งตระเตรียมงานกันอยู่เลย  ต่างช่วยกันประดับประดาโคมแขวนโคมยี่เป็งหลายสีในบริเวณลานวัด   แม้แต่ในวิหารที่มีจิตรกรรมของวัด  พระสงฆ์ท่านก็กำลังช่วยกันเตรียมสถานที่กันอยู่  ทำให้ผมเข้าไปถ่ายภาพได้ไม่เต็มที่   

พระประธานของวิหารวัดนี้ก็มีความสวยงามคล้าย ๆ พระพุทธรูปสไตล์แบบไทใหญ่ที่ผมเคยไปชมแถว ๆ เชียงคำ
                          
                          ต่อมาผมขี่รถไปยัง  โรงแรมดาราเทวี   โรงแรมแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการจำลองสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเอาไว้ภายในบริเวณโรงแรม  ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ  ถึงแม้จะไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปเล่นได้ฟรี   โดยจอดรถไว้บริเวณลานหน้าร้านอาหารของโรงแรมได้เลย  แจ้งความจำนงกับพี่ยามตรงประตูทางเข้าที่พักที่ผมยืนถ่ายรูปนั่นแหละว่าเราจะเข้าไปถ่ายรูปข้างใน   ก็เดินเฉิดฉายเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงินนะครับ


                           ภายในบริเวณโรงแรมดาราเทวีมีการจำลองวัดและอาคารทรงพยาปราสาทแบบเครื่องไม้พม่าไว้บรรยากาศได้กลิ่นอายความเป็นล้านนาสัก 100 ปีที่แล้ว  ช่วงสมัยรัชกาลที่  5   มีการผสมผสานอิทธิพลของศิลปกรรมตะวันตกกับล้านนา  พม่า  และไทใหญ่   ผมมาชมที่นี่ช่วงจะโพล้เพล้แล้ว  แสงแห่งวันเริ่มหมดลงไปทุกที  ภาพเลยไม่แจ่มเท่าทื่ควร

                            ผมอยู่ถ่ายรูปเล่นที่นี่นานเป็นชั่วโมง   ระหว่างนี้ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีนแวะเวียนเดินเข้ามาถ่ายรูปเล่นที่นี่ไม่ขาดสาย   โดยทางโรงแรมจะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปได้ถึงแค่อาคาร  Lobby  ซึ่งก็คืออาคารทรงพยาปราสาทเครื่องไม้แบบพม่าที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่ที่ภาพด้านบนนั่นเอง   
                             แสงสุดท้ายหมดลง  ความมืดเข้ามาเยือนแทน   ผมก็ขี่รถไปเที่ยวยังจุดหมายต่อไป  เห็นเขาลงโปรโมตน่าดูว่าวัดนี้มีการตกแต่งประดับประดาโคมแขวนหลายสีกับร่มกระดาษสาสีสันสดใสสวยงามดี   เลยถือโอกาสแวะเวียนไปหน่อย  1  ปีมีเพียงครั้งเดียวที่จะจัด  นั่นก็คือ  วัดพระป้าน  หรือ วัดพระนอนแม่ปูคา



                           วัดพระนอนแม่ปูคาตั้งอยู่เลยศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้างที่สันกำแพงไปไม่ไกล   ถ้าใครมาเที่ยววัดก่อนมืดก็สามารถแวะชมร่มบ่อสร้างที่ศูนย์หัตถกรรมได้ก่อนไปชมวัดยามค่ำ    วัดนี้จะสวยมากยามค่ำคืนเพราะติดไฟตระการตา  ประดับตกแต่งบริเวณด้านร่มกระดาษสาหลายสีของดีของสันกำแพง และยังมีโคมแขวนหลากสีดูสวยเด่นสะดุดตาจนผมอดใจเซลฟี่ภาพไม่ไหว




   
                            ช่วงเทศกาลยี่เป็งลอยกระทงเป็นช่วงที่ทางวัดจะตกแต่งสถานที่ให้สวยงามด้วยโคมและร่มกระดาษสาเหมาะแก่การมาเที่ยวยามค่ำคืน  ตลอดเวลาที่ผมเดินเที่ยวชมภายในวัดนี้ก็เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งคนในท้องถิ่นและต่างถิ่นทยอยกันเข้ามาถ่ายรูปกันในวัดอย่างไม่ขาดสาย   ทำให้บรรยากาศภายในวัดดูไม่เงียบเหงาวังเวง   
 


                             การที่นักท่องเที่ยวเข้ามาวัดจำนวนมากก็พลอยทำให้ทางวัดได้เงินทำบุญจากผู้มาเยี่ยมเยือนไปด้วย  ถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการดึงคนเข้าวัดทำบุญของวัดสมัยนี้   เพราะถ้าไม่มีสิ่งล่อตาให้คนมา  เดี๋ยวนี้วัดก็จะอยู่ยากเพราะญาติโยมไม่เข้าวัดกัน  
             
                             ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว   ผมก็ขี่รถกลับไปเมืองเชียงใหม่  เพราะวันนี้มีถนนคนเดินท่าแพให้เดินเล่นเที่ยวชมด้วย   ก่อนถึงที่พักเห็นว่าผ่าน  วัดโลกโมฬี   เห็นตกแต่งวัดได้สวยงามดีเลยถือโอกาสแวะเวียนไปชมสักหน่อย



   

                              ชมเจดีย์ไหว้พระที่วัดโลกโมฬีเสร็จแล้วเลยเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งของคูเมืองเห็นมีวัดสวย ๆ อยู่อย่าง  วัดราชมณเฑียร    แม้วัดนี้จะปิดไฟไม่ได้ตกแต่งประดับประดาโคมไฟเหมือนวัดอื่นในเมืองเชียงใหม่  แต่เมื่อยามต้องแสงจันทร์วิหารของวัดก็ดูสวยงามแปลกตาดีนะ


   

                              ชมวัดจนพอใจก็เลยไปเดินเล่นถนนคนเดินท่าแพ   ระหว่างนี้ถือโอกาสแวะชมวัดพระสิงห์ยามค่ำคืนดีกว่า ไปไหว้พระพุทธสิหิงค์ในวิหารลายคำ   ผู้คนไม่พลุกพล่านมาก  แถมงามได้บรรยากาศแตกต่างไปจากตอนกลางวันอีก  




แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่