กลับมารีวิวเล่าประสบการณ์เดินทางในทริปล่าสุดกันใหม่ที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่และเมืองลี้มา 8 วัน เน้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมยังไม่เคยไปในรอบก่อน ผมไปเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงใกล้เทศกาลลอยกระทงทำให้บรรยากาศวัดทางภาคเหนือตกแต่งด้วยโคมแขวนหลากสีดูสวยงามตาดี เหมาะแก่คนที่ชอบเที่ยวชมวัดชมวาหรือชอบกลิ่นอายความเป็นล้านนานะครับ ก่อนอื่นมาดูแผนการเที่ยวของผมก่อนว่าผมไปที่ไหนกันบ้าง
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
ออกเดินทางจากบ้านตอนใกล้รุ่งเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่แล้วนั่ง Shuttle Bus สาย R3 ไปลงแถวโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ เพราะผมจองที่พักอยู่ใกล้ ๆ กับวัดพวกหงษ์ นั่งรถบัสมาแป๊บ ๆ เพียงไม่เกิน 15 นาทีก็มาถึง เสียค่าโดยสารไป 20 บาท

เก็บสัมภาระเสร็จเดินสำรวจรอบ ๆ ที่พัก เห็นว่าอยู่ใกล้วัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์เลยถือโอกาสไปชมสักหน่อย
ทั้งวัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์ไปวัดเก่าแก่เล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในย่านชุมชน นาน ๆ ทีก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่สแวะเวียนเข้ามาชมบ้างเพราะอยู่ใกล้ย่านวัดพระสิงห์และที่พักแถวนี้
เสร็จแล้วผมก็เดินไปหารถมอเตอร์ไซค์ขี่เช่าในทริปนี้กันแถว ๆ ใกล้วัดพระสิงห์ ถนนเส้นที่ผ่านหน้าวัดพระสิงห์นี้เป็นย่านที่พักมีโรงแรมและเกลสเฮ้าท์ราคาไม่แพงอยู่มากมาย ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ก็มีกันหลายร้าน เรียกว่าเป็นย่านที่สะดวกเหมาะแก่การเที่ยวเลยทีเดียว แถมวันอาทิตย์ยังมีถนนคนเดินท่าแพอีก เท่า ๆ ที่นับดูถนนเส้นนี้มีร้านให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ 10 กว่าร้านเลยทีเดียว

ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้เครื่องใหม่แรงดีจากร้านนี้ เพราะเราต้องขี่รถขึ้นดอยจำเป็นต้องใช้รถแรงดีนะครับ พี่เค้าคิดค่าเช่าวันละ 300 บาท ผมเช่า 1 สัปดาห์เค้าลดให้เหลือ 2,000 บาท ผมว่าถูกนะกับการขี่รถเที่ยวไปทั่วในทริปของผม
คนพร้อม รถพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลย เป้าหมายแรกก่อนขี่รถไปทางตอนใต้ของเมือง ไปนอกเมืองโน้น ไปถ่ายรูป
วัดท่าใหม่อิ เห็นเค้าลงเว็บไซค์โปรโมตว่าเพิ่งทำใหม่ไม่นาน ขี่รถไปนานก็ถึง ถนนที่เชียงใหม่ขี่รถได้สบายกว้างหลายเลนส์ดี

วัดท่าใหม่อิเป็นวัดสวยสไตล์แบบไทใหญ่ตกแต่งบรรยากาศให้อยู่กลางทุ่งนา ทุกอย่างเนรมิตได้เพื่อสร้างจุดขายให้คนเข้าวัด จะได้มาเที่ยวแล้วแวะมาทำบุญด้วยในตัว วัดนี้เข้าชมฟรีไม่เสียเงิน แถมมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้เลือกถ่ายได้ตามความชอบเลยนะครับ มาวัดนี้ช่วงแดดล่มลมตกยามเย็นจะดีมาก บรรยากาศไม่ร้อนไม่เจอแดด และที่สำคัญที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวมาชมกันน้อยอยู่

ต่อมาผมขี่รถไปเที่ยวชม
วัดบวกครกหลวง และโรงแรมดาราเทวี อีก 2 สถานที่ที่ผมยังไม่เคยไปชมในทริปก่อน ๆ รอบนี้ตั้งใจอยากไปชมสักครั้ง และ 2 แห่งก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก

วัดบวกครกหลวงเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดของเมืองเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยจิตรกรรมฝาผนังนี้วาดเป็นเรื่องราวของชาดกตามนิทานปัญญาสชาดกของทางภาคเหนือ เป็นจิตรกรรมที่มีอายุราว ๆ 100 ปีได้ แต่สีสันยังสดใสดีอยู่

ผมมาชมวัดนี้ช่วงใกล้วันลอยกระทง เห็นพระสงฆ์และชาวบ้านแถบนั้นกำลังนั่งตระเตรียมงานกันอยู่เลย ต่างช่วยกันประดับประดาโคมแขวนโคมยี่เป็งหลายสีในบริเวณลานวัด แม้แต่ในวิหารที่มีจิตรกรรมของวัด พระสงฆ์ท่านก็กำลังช่วยกันเตรียมสถานที่กันอยู่ ทำให้ผมเข้าไปถ่ายภาพได้ไม่เต็มที่

พระประธานของวิหารวัดนี้ก็มีความสวยงามคล้าย ๆ พระพุทธรูปสไตล์แบบไทใหญ่ที่ผมเคยไปชมแถว ๆ เชียงคำ

ต่อมาผมขี่รถไปยัง
โรงแรมดาราเทวี โรงแรมแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการจำลองสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเอาไว้ภายในบริเวณโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ถึงแม้จะไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปเล่นได้ฟรี โดยจอดรถไว้บริเวณลานหน้าร้านอาหารของโรงแรมได้เลย แจ้งความจำนงกับพี่ยามตรงประตูทางเข้าที่พักที่ผมยืนถ่ายรูปนั่นแหละว่าเราจะเข้าไปถ่ายรูปข้างใน ก็เดินเฉิดฉายเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงินนะครับ


ภายในบริเวณโรงแรมดาราเทวีมีการจำลองวัดและอาคารทรงพยาปราสาทแบบเครื่องไม้พม่าไว้บรรยากาศได้กลิ่นอายความเป็นล้านนาสัก 100 ปีที่แล้ว ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 มีการผสมผสานอิทธิพลของศิลปกรรมตะวันตกกับล้านนา พม่า และไทใหญ่ ผมมาชมที่นี่ช่วงจะโพล้เพล้แล้ว แสงแห่งวันเริ่มหมดลงไปทุกที ภาพเลยไม่แจ่มเท่าทื่ควร

ผมอยู่ถ่ายรูปเล่นที่นี่นานเป็นชั่วโมง ระหว่างนี้ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีนแวะเวียนเดินเข้ามาถ่ายรูปเล่นที่นี่ไม่ขาดสาย โดยทางโรงแรมจะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปได้ถึงแค่อาคาร Lobby ซึ่งก็คืออาคารทรงพยาปราสาทเครื่องไม้แบบพม่าที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่ที่ภาพด้านบนนั่นเอง
แสงสุดท้ายหมดลง ความมืดเข้ามาเยือนแทน ผมก็ขี่รถไปเที่ยวยังจุดหมายต่อไป เห็นเขาลงโปรโมตน่าดูว่าวัดนี้มีการตกแต่งประดับประดาโคมแขวนหลายสีกับร่มกระดาษสาสีสันสดใสสวยงามดี เลยถือโอกาสแวะเวียนไปหน่อย 1 ปีมีเพียงครั้งเดียวที่จะจัด นั่นก็คือ
วัดพระป้าน หรือ
วัดพระนอนแม่ปูคา
วัดพระนอนแม่ปูคาตั้งอยู่เลยศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้างที่สันกำแพงไปไม่ไกล ถ้าใครมาเที่ยววัดก่อนมืดก็สามารถแวะชมร่มบ่อสร้างที่ศูนย์หัตถกรรมได้ก่อนไปชมวัดยามค่ำ วัดนี้จะสวยมากยามค่ำคืนเพราะติดไฟตระการตา ประดับตกแต่งบริเวณด้านร่มกระดาษสาหลายสีของดีของสันกำแพง และยังมีโคมแขวนหลากสีดูสวยเด่นสะดุดตาจนผมอดใจเซลฟี่ภาพไม่ไหว

ช่วงเทศกาลยี่เป็งลอยกระทงเป็นช่วงที่ทางวัดจะตกแต่งสถานที่ให้สวยงามด้วยโคมและร่มกระดาษสาเหมาะแก่การมาเที่ยวยามค่ำคืน ตลอดเวลาที่ผมเดินเที่ยวชมภายในวัดนี้ก็เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งคนในท้องถิ่นและต่างถิ่นทยอยกันเข้ามาถ่ายรูปกันในวัดอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศภายในวัดดูไม่เงียบเหงาวังเวง

การที่นักท่องเที่ยวเข้ามาวัดจำนวนมากก็พลอยทำให้ทางวัดได้เงินทำบุญจากผู้มาเยี่ยมเยือนไปด้วย ถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการดึงคนเข้าวัดทำบุญของวัดสมัยนี้ เพราะถ้าไม่มีสิ่งล่อตาให้คนมา เดี๋ยวนี้วัดก็จะอยู่ยากเพราะญาติโยมไม่เข้าวัดกัน
ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ผมก็ขี่รถกลับไปเมืองเชียงใหม่ เพราะวันนี้มีถนนคนเดินท่าแพให้เดินเล่นเที่ยวชมด้วย ก่อนถึงที่พักเห็นว่าผ่าน
วัดโลกโมฬี เห็นตกแต่งวัดได้สวยงามดีเลยถือโอกาสแวะเวียนไปชมสักหน่อย
ชมเจดีย์ไหว้พระที่วัดโลกโมฬีเสร็จแล้วเลยเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งของคูเมืองเห็นมีวัดสวย ๆ อยู่อย่าง
วัดราชมณเฑียร แม้วัดนี้จะปิดไฟไม่ได้ตกแต่งประดับประดาโคมไฟเหมือนวัดอื่นในเมืองเชียงใหม่ แต่เมื่อยามต้องแสงจันทร์วิหารของวัดก็ดูสวยงามแปลกตาดีนะ
ชมวัดจนพอใจก็เลยไปเดินเล่นถนนคนเดินท่าแพ ระหว่างนี้ถือโอกาสแวะชมวัดพระสิงห์ยามค่ำคืนดีกว่า ไปไหว้พระพุทธสิหิงค์ในวิหารลายคำ ผู้คนไม่พลุกพล่านมาก แถมงามได้บรรยากาศแตกต่างไปจากตอนกลางวันอีก
ตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้ ตอนที่ 1
กลับมารีวิวเล่าประสบการณ์เดินทางในทริปล่าสุดกันใหม่ที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่และเมืองลี้มา 8 วัน เน้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมยังไม่เคยไปในรอบก่อน ผมไปเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงใกล้เทศกาลลอยกระทงทำให้บรรยากาศวัดทางภาคเหนือตกแต่งด้วยโคมแขวนหลากสีดูสวยงามตาดี เหมาะแก่คนที่ชอบเที่ยวชมวัดชมวาหรือชอบกลิ่นอายความเป็นล้านนานะครับ ก่อนอื่นมาดูแผนการเที่ยวของผมก่อนว่าผมไปที่ไหนกันบ้าง
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
ออกเดินทางจากบ้านตอนใกล้รุ่งเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่แล้วนั่ง Shuttle Bus สาย R3 ไปลงแถวโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ เพราะผมจองที่พักอยู่ใกล้ ๆ กับวัดพวกหงษ์ นั่งรถบัสมาแป๊บ ๆ เพียงไม่เกิน 15 นาทีก็มาถึง เสียค่าโดยสารไป 20 บาท
เก็บสัมภาระเสร็จเดินสำรวจรอบ ๆ ที่พัก เห็นว่าอยู่ใกล้วัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์เลยถือโอกาสไปชมสักหน่อย
ทั้งวัดพวกแต้มกับวัดพวกหงษ์ไปวัดเก่าแก่เล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในย่านชุมชน นาน ๆ ทีก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่สแวะเวียนเข้ามาชมบ้างเพราะอยู่ใกล้ย่านวัดพระสิงห์และที่พักแถวนี้
เสร็จแล้วผมก็เดินไปหารถมอเตอร์ไซค์ขี่เช่าในทริปนี้กันแถว ๆ ใกล้วัดพระสิงห์ ถนนเส้นที่ผ่านหน้าวัดพระสิงห์นี้เป็นย่านที่พักมีโรงแรมและเกลสเฮ้าท์ราคาไม่แพงอยู่มากมาย ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ก็มีกันหลายร้าน เรียกว่าเป็นย่านที่สะดวกเหมาะแก่การเที่ยวเลยทีเดียว แถมวันอาทิตย์ยังมีถนนคนเดินท่าแพอีก เท่า ๆ ที่นับดูถนนเส้นนี้มีร้านให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ 10 กว่าร้านเลยทีเดียว
ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้เครื่องใหม่แรงดีจากร้านนี้ เพราะเราต้องขี่รถขึ้นดอยจำเป็นต้องใช้รถแรงดีนะครับ พี่เค้าคิดค่าเช่าวันละ 300 บาท ผมเช่า 1 สัปดาห์เค้าลดให้เหลือ 2,000 บาท ผมว่าถูกนะกับการขี่รถเที่ยวไปทั่วในทริปของผม
คนพร้อม รถพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลย เป้าหมายแรกก่อนขี่รถไปทางตอนใต้ของเมือง ไปนอกเมืองโน้น ไปถ่ายรูป วัดท่าใหม่อิ เห็นเค้าลงเว็บไซค์โปรโมตว่าเพิ่งทำใหม่ไม่นาน ขี่รถไปนานก็ถึง ถนนที่เชียงใหม่ขี่รถได้สบายกว้างหลายเลนส์ดี
วัดท่าใหม่อิเป็นวัดสวยสไตล์แบบไทใหญ่ตกแต่งบรรยากาศให้อยู่กลางทุ่งนา ทุกอย่างเนรมิตได้เพื่อสร้างจุดขายให้คนเข้าวัด จะได้มาเที่ยวแล้วแวะมาทำบุญด้วยในตัว วัดนี้เข้าชมฟรีไม่เสียเงิน แถมมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้เลือกถ่ายได้ตามความชอบเลยนะครับ มาวัดนี้ช่วงแดดล่มลมตกยามเย็นจะดีมาก บรรยากาศไม่ร้อนไม่เจอแดด และที่สำคัญที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวมาชมกันน้อยอยู่
ต่อมาผมขี่รถไปเที่ยวชม วัดบวกครกหลวง และโรงแรมดาราเทวี อีก 2 สถานที่ที่ผมยังไม่เคยไปชมในทริปก่อน ๆ รอบนี้ตั้งใจอยากไปชมสักครั้ง และ 2 แห่งก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
วัดบวกครกหลวงเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดของเมืองเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยจิตรกรรมฝาผนังนี้วาดเป็นเรื่องราวของชาดกตามนิทานปัญญาสชาดกของทางภาคเหนือ เป็นจิตรกรรมที่มีอายุราว ๆ 100 ปีได้ แต่สีสันยังสดใสดีอยู่
ผมมาชมวัดนี้ช่วงใกล้วันลอยกระทง เห็นพระสงฆ์และชาวบ้านแถบนั้นกำลังนั่งตระเตรียมงานกันอยู่เลย ต่างช่วยกันประดับประดาโคมแขวนโคมยี่เป็งหลายสีในบริเวณลานวัด แม้แต่ในวิหารที่มีจิตรกรรมของวัด พระสงฆ์ท่านก็กำลังช่วยกันเตรียมสถานที่กันอยู่ ทำให้ผมเข้าไปถ่ายภาพได้ไม่เต็มที่
พระประธานของวิหารวัดนี้ก็มีความสวยงามคล้าย ๆ พระพุทธรูปสไตล์แบบไทใหญ่ที่ผมเคยไปชมแถว ๆ เชียงคำ
ต่อมาผมขี่รถไปยัง โรงแรมดาราเทวี โรงแรมแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการจำลองสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเอาไว้ภายในบริเวณโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ถึงแม้จะไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปเล่นได้ฟรี โดยจอดรถไว้บริเวณลานหน้าร้านอาหารของโรงแรมได้เลย แจ้งความจำนงกับพี่ยามตรงประตูทางเข้าที่พักที่ผมยืนถ่ายรูปนั่นแหละว่าเราจะเข้าไปถ่ายรูปข้างใน ก็เดินเฉิดฉายเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงินนะครับ
ภายในบริเวณโรงแรมดาราเทวีมีการจำลองวัดและอาคารทรงพยาปราสาทแบบเครื่องไม้พม่าไว้บรรยากาศได้กลิ่นอายความเป็นล้านนาสัก 100 ปีที่แล้ว ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 มีการผสมผสานอิทธิพลของศิลปกรรมตะวันตกกับล้านนา พม่า และไทใหญ่ ผมมาชมที่นี่ช่วงจะโพล้เพล้แล้ว แสงแห่งวันเริ่มหมดลงไปทุกที ภาพเลยไม่แจ่มเท่าทื่ควร
ผมอยู่ถ่ายรูปเล่นที่นี่นานเป็นชั่วโมง ระหว่างนี้ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีนแวะเวียนเดินเข้ามาถ่ายรูปเล่นที่นี่ไม่ขาดสาย โดยทางโรงแรมจะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปได้ถึงแค่อาคาร Lobby ซึ่งก็คืออาคารทรงพยาปราสาทเครื่องไม้แบบพม่าที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่ที่ภาพด้านบนนั่นเอง
แสงสุดท้ายหมดลง ความมืดเข้ามาเยือนแทน ผมก็ขี่รถไปเที่ยวยังจุดหมายต่อไป เห็นเขาลงโปรโมตน่าดูว่าวัดนี้มีการตกแต่งประดับประดาโคมแขวนหลายสีกับร่มกระดาษสาสีสันสดใสสวยงามดี เลยถือโอกาสแวะเวียนไปหน่อย 1 ปีมีเพียงครั้งเดียวที่จะจัด นั่นก็คือ วัดพระป้าน หรือ วัดพระนอนแม่ปูคา
วัดพระนอนแม่ปูคาตั้งอยู่เลยศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้างที่สันกำแพงไปไม่ไกล ถ้าใครมาเที่ยววัดก่อนมืดก็สามารถแวะชมร่มบ่อสร้างที่ศูนย์หัตถกรรมได้ก่อนไปชมวัดยามค่ำ วัดนี้จะสวยมากยามค่ำคืนเพราะติดไฟตระการตา ประดับตกแต่งบริเวณด้านร่มกระดาษสาหลายสีของดีของสันกำแพง และยังมีโคมแขวนหลากสีดูสวยเด่นสะดุดตาจนผมอดใจเซลฟี่ภาพไม่ไหว
ช่วงเทศกาลยี่เป็งลอยกระทงเป็นช่วงที่ทางวัดจะตกแต่งสถานที่ให้สวยงามด้วยโคมและร่มกระดาษสาเหมาะแก่การมาเที่ยวยามค่ำคืน ตลอดเวลาที่ผมเดินเที่ยวชมภายในวัดนี้ก็เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งคนในท้องถิ่นและต่างถิ่นทยอยกันเข้ามาถ่ายรูปกันในวัดอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศภายในวัดดูไม่เงียบเหงาวังเวง
การที่นักท่องเที่ยวเข้ามาวัดจำนวนมากก็พลอยทำให้ทางวัดได้เงินทำบุญจากผู้มาเยี่ยมเยือนไปด้วย ถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการดึงคนเข้าวัดทำบุญของวัดสมัยนี้ เพราะถ้าไม่มีสิ่งล่อตาให้คนมา เดี๋ยวนี้วัดก็จะอยู่ยากเพราะญาติโยมไม่เข้าวัดกัน
ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ผมก็ขี่รถกลับไปเมืองเชียงใหม่ เพราะวันนี้มีถนนคนเดินท่าแพให้เดินเล่นเที่ยวชมด้วย ก่อนถึงที่พักเห็นว่าผ่าน วัดโลกโมฬี เห็นตกแต่งวัดได้สวยงามดีเลยถือโอกาสแวะเวียนไปชมสักหน่อย
ชมเจดีย์ไหว้พระที่วัดโลกโมฬีเสร็จแล้วเลยเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งของคูเมืองเห็นมีวัดสวย ๆ อยู่อย่าง วัดราชมณเฑียร แม้วัดนี้จะปิดไฟไม่ได้ตกแต่งประดับประดาโคมไฟเหมือนวัดอื่นในเมืองเชียงใหม่ แต่เมื่อยามต้องแสงจันทร์วิหารของวัดก็ดูสวยงามแปลกตาดีนะ
ชมวัดจนพอใจก็เลยไปเดินเล่นถนนคนเดินท่าแพ ระหว่างนี้ถือโอกาสแวะชมวัดพระสิงห์ยามค่ำคืนดีกว่า ไปไหว้พระพุทธสิหิงค์ในวิหารลายคำ ผู้คนไม่พลุกพล่านมาก แถมงามได้บรรยากาศแตกต่างไปจากตอนกลางวันอีก