ความรักของหนุ่มไทยกับการดูแลหญิงไทย
คนเราเวลาที่มีความรักแล้วก็อยากให้ลงเอยด้วยดี...
เมื่อสิบสามปีที่ผ่านมา...
เรามีโอกาสได้ไปอบรมเพิ่มเติมความรู้ คอร์สนี้ใช้เวลาอบรมเป็นเดือน และได้รู้จักกับชายคนหนึ่ง ณ ที่อบรม
ผู้ชายคนนี้ โพรไฟล์ดูดี มีหน้าที่การงานดูมั่นคง มีภาวะความเป็นผู้นำสูง ณ เวลานั้น...ช่วงอบรมได้คบหูาดูใจกันจนกระทั่งจบคอร์ส ต่างคนก็แยกย้ายไปทำงานคนละที่ เราอยู่ทางตะวันออก เค้าอยู่ทางอิสาน ซึ่งเราและเค้ายังคบกันอยู่ และไปมาหากันอยู่เรื่อย ๆ ปีกว่า ๆ จนกระทั่งตั้งท้อง จึงได้ตัดสินใจลาออกไปอยู่กับผู้ชายที่อิสานโดยที่เราว่างงาน (แต่ยังดีที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคมฝากครรภ์ ทำคลอดกับโรงพยาบาลได้)
อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้หญิงคนนึงโทรมาหาเราและบอกเราว่า เค้าท้องได้สามเดือน...ในใจขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพียงการอำเล่น ไม่ได้สนใจ
ขณะที่เราท้องเราไปอาศัยอยู่บ้านพ่อเค้าที่อิสานซึ่งพ่อเค้าดูแลเราดี โดยผู้ชายทำงานต่างจังหวัดกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง เราฝากท้องที่โรงพยาบาลเราเดินทางไปเองด้วยรถประจำทางทุกครั้ง
ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ได้พบเจอเรื่องราว พฤติกรรมของคนในบ้านนั้น คือ คนเป็นพี่จะห่มผ้าเหลืองอยู่บ้าน ทำพิธีกรรมโน่นนี่ มีเพศตรงข้ามมาหาประจำ ดึกดื่นเที่ยงคืนยังทำอาหารกินไม่หลับไม่นอน เราก็ได้แต่ดูพฤติกรรม
อยู่ไปอยู่มาได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งคลอดลูกชาย เป็นบุญของเด็กคนนี้ที่มีคนขับรถพาไปส่งถึงโรงพยาบาล โดยที่เราไม่ได้นั่งรถโูดยสารไปเอง
เด็กคนนี้ไม่กลับหัว จึงต้องผ่าคลอดแนวตั้ง เราถูกบล็อคสองเข็ม
ช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาลอยู่ห้องรวม ไม่มีใครมาเยี่ยมระหว่างวัน ดูแลลูกเอง อยู่โรงพยาบาลเจ็ดวันไม่มีใครว่างมารับ เท่าที่จำได้ผู้ชายคนนี้มาเยี่ยมช่วงเย็นก่อนรับกลับหนึ่งวัน
วันที่รับกลับเด็กคนนี้มีบุญ มีคนขับรถพาไปส่งถึงบ้าน
หลายเดือนต่อมาจึงได้จัดพิธีผูกข้อต่อแขนให้ญาติ ๆ ได้รับทราบ อาจดูผิดขั้นตอนแต่จำเป็นต้องทำ มีญาติพี่น้องและชาวบ้านที่รู้จักมาร่วมงาน หลังเสร็จพิธีผู้ชายยกขันเอาเงินไปนับแล้วหอบเงินไปกับญาติ ๆ ของเค้า ส่วนเราตอบคำถามพ่อแม่พี่น้องไปตามนั้น และเกิดความไม่พอใจ
แม่เราจัดหาที่อยู่ของญาติเราเองที่ใกล้ที่ทำงาน เค้าจะได้ไปมาดูแลเรากับลูกได้สะดวกขึ้น ตัวเราก็เลี้ยงลูกพาลูกออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ผู้ชายคนนี้มักบอกเราเสมอว่าร้านค้าที่อยู่ข้างบ้านนิสัยไม่ดี ไม่อยากให้คุย เราอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปีก็พาลูกย้ายไปอยู่ที่บ้าน...
ก่อนย้ายไปอยู่ที่บ้านได้จัดพิธีฉลองสมรสแถวบ้านเรา ผู้ชายแจ้งว่าไปยืมเงินจากป้าที่อยู่กทม มาจัดงานแต่ง และบอกเราว่าถ้างานแต่งเสร็จจะเอาเงินที่ได้จากซองคืนป้า ดูเหมือนจะไปได้สวย...หลังงานเลิก ผู้ชายรีบไปเก็บกล่องซองที่รับจากแขกและพูดกับเราว่า ถ้าคุณไม่ให้กล่องรับซองกับผม ผมจะกลับคืนนี้เลย คำพูดและการกระทำของเค้าในวันนั้นยังค้านความรู้สึกของทุกคนที่เห็นแต่ก็ให้ไป
พอเริ่มเช็คแต่ละซอง ดูไปดูมา ไม่มีซองจากแขกของฝ่ายชาย ดูด้วยกันสองคน ในระหว่างนั้นเรามีเหตุที่จะต้องออกไปนอกห้องครู่ใหญ่ ในเวลานั้นความไว้ใจเชื่อใจยังมีอยู่ กลับเข้าไปหลังทำธุระเสร็จ รวมเงินที่ได้และหักค่าใช้จ่ายปรากฏว่า พอดีเป๊ะ ว่าอย่างนั้น..
หลังจากจบงานฉลองสมรส เรามาอยู่ที่บ้านเกิดเรา อยู่นานจนลูกสองขวบกว่า เราก็หางานทำ ส่วนผู้ชายก็ไป ๆ มา ๆ ขาด ๆ ห่าง ๆ จนกระทั้งหายไปในที่สุด
ช่วงแรกที่ลูกเข้าเรียนเตรียมอนุบาลมีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร เพราะลูกมีความสามารถสอบติดโรงเรียนแห่งหนึ่ง เราพยายามติดต่อไปเพื่อแจ้งข่าว ได้รับมาจำนวนหนึ่งคงพอสำหรับค่าเทอม สองเทอม ... หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็บล็อคเฟสบุค โทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อทุกอย่าง ตัดขาดการติดต่อจากผู้ชายคนนี้อย่างสิ้นเชิง
ผู้ชายคนนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการพระเครื่องแถบอิสาน ยอดวิวหลักแสน...แต่...ถึงยอดวิวจะทะลุร้อยล้าน ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีคอนโดหลักแสนหลักล้านย่านใจกลางเมือง ก็มิได้การันตีความดีแต่อย่างใด
เรื่องนี้ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี เพิ่งได้มีโอกาสเขียนในวันนี้ วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2019
เรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะพิจารณา
ใครทำกำลังตามืดบอดเพราะความรักอยู่ขอให้สว่างขึ้นมาทันใด
ความรักของหนุ่มไทยกับการดูแลหญิงไทย
คนเราเวลาที่มีความรักแล้วก็อยากให้ลงเอยด้วยดี...
เมื่อสิบสามปีที่ผ่านมา...
เรามีโอกาสได้ไปอบรมเพิ่มเติมความรู้ คอร์สนี้ใช้เวลาอบรมเป็นเดือน และได้รู้จักกับชายคนหนึ่ง ณ ที่อบรม
ผู้ชายคนนี้ โพรไฟล์ดูดี มีหน้าที่การงานดูมั่นคง มีภาวะความเป็นผู้นำสูง ณ เวลานั้น...ช่วงอบรมได้คบหูาดูใจกันจนกระทั่งจบคอร์ส ต่างคนก็แยกย้ายไปทำงานคนละที่ เราอยู่ทางตะวันออก เค้าอยู่ทางอิสาน ซึ่งเราและเค้ายังคบกันอยู่ และไปมาหากันอยู่เรื่อย ๆ ปีกว่า ๆ จนกระทั่งตั้งท้อง จึงได้ตัดสินใจลาออกไปอยู่กับผู้ชายที่อิสานโดยที่เราว่างงาน (แต่ยังดีที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคมฝากครรภ์ ทำคลอดกับโรงพยาบาลได้)
อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้หญิงคนนึงโทรมาหาเราและบอกเราว่า เค้าท้องได้สามเดือน...ในใจขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพียงการอำเล่น ไม่ได้สนใจ
ขณะที่เราท้องเราไปอาศัยอยู่บ้านพ่อเค้าที่อิสานซึ่งพ่อเค้าดูแลเราดี โดยผู้ชายทำงานต่างจังหวัดกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง เราฝากท้องที่โรงพยาบาลเราเดินทางไปเองด้วยรถประจำทางทุกครั้ง
ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ได้พบเจอเรื่องราว พฤติกรรมของคนในบ้านนั้น คือ คนเป็นพี่จะห่มผ้าเหลืองอยู่บ้าน ทำพิธีกรรมโน่นนี่ มีเพศตรงข้ามมาหาประจำ ดึกดื่นเที่ยงคืนยังทำอาหารกินไม่หลับไม่นอน เราก็ได้แต่ดูพฤติกรรม
อยู่ไปอยู่มาได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งคลอดลูกชาย เป็นบุญของเด็กคนนี้ที่มีคนขับรถพาไปส่งถึงโรงพยาบาล โดยที่เราไม่ได้นั่งรถโูดยสารไปเอง
เด็กคนนี้ไม่กลับหัว จึงต้องผ่าคลอดแนวตั้ง เราถูกบล็อคสองเข็ม
ช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาลอยู่ห้องรวม ไม่มีใครมาเยี่ยมระหว่างวัน ดูแลลูกเอง อยู่โรงพยาบาลเจ็ดวันไม่มีใครว่างมารับ เท่าที่จำได้ผู้ชายคนนี้มาเยี่ยมช่วงเย็นก่อนรับกลับหนึ่งวัน
วันที่รับกลับเด็กคนนี้มีบุญ มีคนขับรถพาไปส่งถึงบ้าน
หลายเดือนต่อมาจึงได้จัดพิธีผูกข้อต่อแขนให้ญาติ ๆ ได้รับทราบ อาจดูผิดขั้นตอนแต่จำเป็นต้องทำ มีญาติพี่น้องและชาวบ้านที่รู้จักมาร่วมงาน หลังเสร็จพิธีผู้ชายยกขันเอาเงินไปนับแล้วหอบเงินไปกับญาติ ๆ ของเค้า ส่วนเราตอบคำถามพ่อแม่พี่น้องไปตามนั้น และเกิดความไม่พอใจ
แม่เราจัดหาที่อยู่ของญาติเราเองที่ใกล้ที่ทำงาน เค้าจะได้ไปมาดูแลเรากับลูกได้สะดวกขึ้น ตัวเราก็เลี้ยงลูกพาลูกออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ผู้ชายคนนี้มักบอกเราเสมอว่าร้านค้าที่อยู่ข้างบ้านนิสัยไม่ดี ไม่อยากให้คุย เราอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปีก็พาลูกย้ายไปอยู่ที่บ้าน...
ก่อนย้ายไปอยู่ที่บ้านได้จัดพิธีฉลองสมรสแถวบ้านเรา ผู้ชายแจ้งว่าไปยืมเงินจากป้าที่อยู่กทม มาจัดงานแต่ง และบอกเราว่าถ้างานแต่งเสร็จจะเอาเงินที่ได้จากซองคืนป้า ดูเหมือนจะไปได้สวย...หลังงานเลิก ผู้ชายรีบไปเก็บกล่องซองที่รับจากแขกและพูดกับเราว่า ถ้าคุณไม่ให้กล่องรับซองกับผม ผมจะกลับคืนนี้เลย คำพูดและการกระทำของเค้าในวันนั้นยังค้านความรู้สึกของทุกคนที่เห็นแต่ก็ให้ไป
พอเริ่มเช็คแต่ละซอง ดูไปดูมา ไม่มีซองจากแขกของฝ่ายชาย ดูด้วยกันสองคน ในระหว่างนั้นเรามีเหตุที่จะต้องออกไปนอกห้องครู่ใหญ่ ในเวลานั้นความไว้ใจเชื่อใจยังมีอยู่ กลับเข้าไปหลังทำธุระเสร็จ รวมเงินที่ได้และหักค่าใช้จ่ายปรากฏว่า พอดีเป๊ะ ว่าอย่างนั้น..
หลังจากจบงานฉลองสมรส เรามาอยู่ที่บ้านเกิดเรา อยู่นานจนลูกสองขวบกว่า เราก็หางานทำ ส่วนผู้ชายก็ไป ๆ มา ๆ ขาด ๆ ห่าง ๆ จนกระทั้งหายไปในที่สุด
ช่วงแรกที่ลูกเข้าเรียนเตรียมอนุบาลมีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร เพราะลูกมีความสามารถสอบติดโรงเรียนแห่งหนึ่ง เราพยายามติดต่อไปเพื่อแจ้งข่าว ได้รับมาจำนวนหนึ่งคงพอสำหรับค่าเทอม สองเทอม ... หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็บล็อคเฟสบุค โทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อทุกอย่าง ตัดขาดการติดต่อจากผู้ชายคนนี้อย่างสิ้นเชิง
ผู้ชายคนนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการพระเครื่องแถบอิสาน ยอดวิวหลักแสน...แต่...ถึงยอดวิวจะทะลุร้อยล้าน ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีคอนโดหลักแสนหลักล้านย่านใจกลางเมือง ก็มิได้การันตีความดีแต่อย่างใด
เรื่องนี้ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี เพิ่งได้มีโอกาสเขียนในวันนี้ วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2019
เรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะพิจารณา
ใครทำกำลังตามืดบอดเพราะความรักอยู่ขอให้สว่างขึ้นมาทันใด