สวัสดีครับเพื่อนชาวพันทิปที่มีเป้าหมายตรงกันทุกคน หลังจากที่ผมตั้งกระทู้ไปเมื่อสองปีที่แล้ว และได้ทำการอัพเดทแต่ละปีที่ผ่านมา มาวันนี้ก็เข้าปีที่ 3 แล้ว มีบางอย่างยังเหมือนเดิม และหลายอย่างที่เปลี่ยนไป วันนี้ผมมาอัพเดทความเป็นไปให้ดูครับว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมเริ่มทำตามฝัน และลงมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ครับ
https://pantip.com/topic/37196662
และนี่เป็นกระทู้ในปีที่ 2 ของเราครับ
https://pantip.com/topic/38359928
จากเด็กหนุ่มมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรอย่างเต็มความรู้สึก แต่ไม่กล้าก้าวออกจาก คอมฟอร์ด โซน จึงเกิดแนวคิดแอบทำเกษตรในขณะทำงานประจำขึ้นมา จนถึงปัจจุบันก็เริ่มเข้าปีที่ 3 กันแล้วครับ
ในระยะเวลาที่ผ่านมาผมเองเริ่มมีการออกไปดูงานจากสวนอื่น ๆ ทั้งที่อยู่ในกระแส ไม่อยู่ในกระแส โฮมสเตย์ ฟาร์มสเตย์ ร้านกาแฟ และอื่น ๆ ตามโอกาสที่เอื้อให้ และจากประสบการณ์ในการพบเจอเรื่องราวอื่น ๆ ที่ผ่านมาบ้าง ทำให้ความคิดหลักของผมเริ่มเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย เดี๋ยวผมจะมาแลกเปลี่ยนกันพอสังเขปครับ
2 ปีที่ผ่านมาผมมีความสุขกับสวนของผมมาก ถึงแม้จะมีเวลาไม่มาก และด้วยข้อจำกัดด้านอากาศ แหล่งน้ำ ทำให้เราบริหารจัดการได้แบบค่อนเป็นค่อยไป ไม่สามารถก้าวกระโดดได้มากนัก แต่ในห้วงเวลานั้นผมมีความอยากพัฒนาสวนของผมไปให้ไกลขึ้นอีก ผมจึงเริ่มศึกษามากกว่าแค่แนวคิดของการทำเกษตรแล้วครับ ผมเป็นนักเดินทางสายกางเต็นท์ ผมชอบเที่ยวสวนนั่นนี่เพื่อพักผ่อน และมันทำให้ผมเริ่มรับรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง
ผมเริ่มอยากไปดูงานของหลาย ๆ ที่เพื่อมาพัฒนาสวนของผม แต่ในที่สุดแล้วผมตกผลึกความคิดของตัวเองได้ไม่กี่เรื่องหลัก ๆ ครับ
1. เนื่องจากผมเป็นครู มีภาระหน้าที่ที่ภาคภูมิใจในตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะหาเวลามาอยู่กับสวนอย่าง 100% ได้ เพราะผมยังรู้สึกว่ามีแรงผลักดันที่จะสร้างนักเรียนที่ดีต่อไป (หากยังมีไฟไปตลอด) กล่าวคือผมยังชอบชีวิตมนุษย์เงินเดือนในรูปแบบของครูเช่นนี้อยู่ สวนของผมจึงไม่จำเป็นต้องสร้างรายได้เป็นตัวเงินมากนัก เนื่องจากผมยังเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วยงานหลัก
2. หากตัดเรื่องการสร้างรายได้ออกเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักของผมจึงไปตกอยู่กับคำว่า "ความสบายใจ" เสียมากกว่า ผมต้องการให้สวนของผมเป็นสถานที่พักผ่อน ทั้งของตัวผมเอง ครอบครัว และเพื่อนฝูง เนื่องจากผมเป็นคนชอบเดินทาง จึงได้คำตอบเบ็ดเสร็จว่า มนุษย์เราต้องการเพียงอาหาร เพื่อนพ้อง ที่พักใจ มีบ้านให้หันหลังกลับ เท่านั้นคงเพียงพอ ผมจึงอยากให้สวนของผมเป็นโถส้วมที่รองรับความรู้สึกแย่ของตัวเองและเพื่อนฝูง ใครเข้ามาก็ขอให้ทิ้งความทุกข์ไว้ หอบความสบายใจกลับไป
3. จากข้อ 2 ที่ผ่านมา มันจะก่อเกิดประโยชน์น้อยมากหากเราจะเก็บความคิดนี้ไว้ใช้เพียงกับตัวเอง และเพื่อนฝูง ผมจึงเกิดแนวคิดในระยะยาวว่า ผมต้องการให้คนอื่นมีส่วนร่วมบ้าง โดยความเป็นครูของผมทำให้ผมพบเห็นเด็กและเยาวชนในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากยุคที่ผมโตมา เด็ก ๆ ก่อกองไฟไม่เป็นในค่ายลูกเสือ เขาหุงข้าวทำกับข้าวไม่ได้ เขาไม่รู้จักวัตถุดิบ เรียนรู้ที่จะใช้ของรอบตัวได้น้อยมาก หากวันหนึ่งเงินที่เป็นปัจจัยหลักของเขาบกพร่องไปเขาเหล่านี้จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร ผมจึงมีแนวคิดอยากเปิดสวนเป็นฟาร์มสเตย์โดยเน้นครอบครัว ผมมีความสุขเสมอที่เห็นเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ท่ามกลางการดูแลของพ่อแม่ ผมอยากเป็นสื่อกลางให้พวกเขา อยากสอนพวกเขาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างง่ายรอบ ๆ ตัว แนวคิดคือให้พ่อแม่พาลูกมาเที่ยว มานอนค้างบ้านเรา เราจะสอนทำเกษตร ปลูกผัก เตรียมดิน การไล่แมลง การผลิตปุ๋ยใช้เอง การเรียนรู้ธรรมชาติในบริบทของชาวบ้าน (อาจเป็นความฝันเพ้อเจ้อ แต่ผมคิดว่าคนเรามีสิทธิ์ฝันเสมอ)
เอาละครับ ถึงเวลาที่ผมจะอัพเดทความเป็นไปเสียที ทำให้ทุกท่านเสียเวลามามากแล้ว
ปีนี้เรามีอะไรที่กำลังจะเปลี่ยนไปมากมาย มาดูกันครับ
เริ่มจากเจ้ามะขามป้อมที่เฝ้าทะนุถนอมกันครับ หลักจากผ่านไป 3 ปี เริ่มได้เห็นผลกันแล้ว แต่ยังไม่ออกผลครบทุกต้นนะครับ ร้อยละ 60 เท่านั้น ปีหน้าอาจจะดีขึ้น

ต้นไหนได้ลูกก็ดกมากครับ และขนาดลูกค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว

ปีแรกนี้อยู่ในระยะศึกษาครับ ยังไม่หวังผลกับมันมากเท่าไรนัก
ต่อมาเป็นผักหวานครับ มาดูกันว่าโตขึ้นมากไหม

จริง ๆ มีผักหวานที่เราปลูกเพิ่มอีก 100 ต้นเศษ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ (อาจรอดจริง ๆ แค่ 60%)
ต่อมา มาดูพืชตัวใหม่ที่เราปลูกเพิ่มกันครับ นั่นคือมะพร้าวน้ำหอม
ผมปลูกมะพร้าวน้ำหอมราว ๆ 1 ไร่ ความจริงแล้วชอบกินครับ และอยากให้เจ้าชันโรงไปใช้เกสรมะพร้าวด้วย เลยเลือกมะพร้าวน้ำหอมมาปลูก
ขับรถไปเอาพันธุ์มาจากบ้านแพ้วเลย เอามาลงถุงเพาะชำ 3 เดือน จึงค่อยลงดินครับ

รอบ ๆ บ่อน้ำ ผมเอาไผ่มาปลูกครับ เนื่องจากอยากใช้ลำไผ่ในสวนด้วย และได้ร่มเงาให้ปลาในบ่อเป็นประโยชน์โดยอ้อม โดยเลือกใช้ไผ่ซางหม่นครับ เนื่องจากขนาดและความตรงของลำ เหมาะกับความต้องการของผมพอดี ไผ่นี้มีราว ๆ 10 กอครับ

ทีนี้ละครับ งานใหญ่
อะไรที่ขาด เราก็ต้องเติมครับ
เราขาดน้ำ ก็เลยต้องแก้ปัญหาเรื่องน้ำ
เราเลือกที่จะเจาะบ่อบาดาลครับ โดยมีค่าใช้จ่ายราว ๆ 90000 บาท
เงินที่ผมหามาก็เกือบหมดไปเลยครับ สำหรับโครงการนี้ แต่ก็ต้องยอมครับเพื่อผลในระยะยาว

เสียดายรูปที่ถ่ายไว้ตอนเสร็จ มันหายไป ยังไม่ได้ถ่ายใหม่ครับ
และที่ผมเล่าไปในช่วงต้น คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่ามีที่ให้กลับไปพักใจ
ผมจึงจัดการก่อสร้างตัวอาคารหลังแรกในสวนครับ โดยมีเป้าประสงค์ว่าอยากเป็นที่รับรองเวลามีใครมาเยี่ยมเยือน
และเอาไว้พักเวลาอยากหาที่สงบ ๆ ไว้นั่งแต่งกลอนเล่นในสวน
โดยในช่วงแรกมีเพียงหลังคา และห้องน้ำก่อนครับ เงินเหลือน้อยแล้ว แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเนื่องจากผมไม่ได้อยู่บ้าน จึงมอบหมายให้พ่อเป็นคนดูแล พ่อก็เลยจัดแบบยิ่งใหญ่แข็งแรง มีคานรับน้ำหนัก และเน้นงานโครงสร้าง แถมแอบไปเขียนแบบขออนุญาตก่อสร้างเพื่อตั้งใจจะให้เป็นบ้านในอนาคตด้วย พอมองการไกลขนาดนี้ การเงินก็ต้องไกลด้วยครับ

แต่ยังไม่เสร็จนะครับ กระทู้รอบหน้าคงได้เห็นกัน
สำหรับท่านที่ถามผมมาว่าชันโรงเป็นอย่างไรบ้าง ผมจะอัพเดทแจ้งแบบนี้ครับ
เนื่องจากว่าผมไม่เคยเลี้ยงมาก่อน การแยกรัง การดูแล เลยยังอ่อนประสบการณ์ และมีการก่อกวนโดยศัตรูตามธรรมชาติ เช่น จิ้งจก มด ปลวก ทำให้รังชันโรงที่ไม่แข็งแรงพอ (ส่วนมากเป็นรังที่แยกออกมาใหม่) ไม่สามารถอยู่ได้ และล่มไปในที่สุด ตอนนี้ยังเหลือรังที่แข็งแรงจริง ๆ แค่ 3 รังครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพไว้เลย จึงไม่มีภาพให้ดูครับ
ส่วนดีปลีที่เคยลงไว้
นี่ก็มีปัญหาเช่นกันครับ ช่วงหนึ่งนั้นอากาศร้อนจัด และผมเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน จึงมีเวลาเข้าไปดูแลน้อย ส่วนหนึ่งจึงร้อนจนตายไปครับ แต่บางส่วนก็ยังอยู่แต่ไม่สมบูรณ์ และไม่ได้มีภาพอีกเช่นกัน ต้องขออภัยด้วยครับ
สำหรับปีนี้คงอัพเดททิ้งไว้แค่นี้ก่อนครับ
หลังจากที่ลงมือจริงจังมาระยะหนึ่ง จึงผ่านอะไร ๆ มามากพอสมควร ผมจึงมีแนวคิดและข้อเสนอแนะฝากทุกคนไว้ 1 อย่างครับ
งานเกษตรมันยากครับ ถึงจะไม่เกินความสามารถของเรา แต่มันยาก มันไม่ได้ยากแค่ว่าเหนื่อย หนัก หรือร้อน นะครับ มันยากที่จะหาเวลาไปทุ่มเทกับมัน ยากที่จะจัดหาทุนไปลงกับมัน ถ้าหากจะทำจริง ๆ เราต้องเตรียมแผนไว้รองรับเรื่องพวกนี้ด้วยครับ ผมไม่อยากให้ความหวัง ขายฝันสวยงามให้ทุกคน พอถึงเวลาทำไม่ได้ก็ทอดทิ้งกัน มันจะเสียเวลาชีวิตของเรามากครับ หากใครจะเริ่มลงมือ ขอให้เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเวลา เตรียมเงิน และเตรียมรับแรงกระแทกจากสังคมด้วยครับ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำครับ ผมว่าก่อนจะทำอะไรเราควรหาตัวเองให้เจอเสียก่อน กว่าผมจะตกผลึกตัวเองได้ ต้องใช้เวลาระยะยาวพอสมควร ยังโชคดีที่การเปลี่ยนแนวทางของผมมันไม่กระทบกับแผนงานที่วางไว้แต่ต้น จึงไม่ต้องมีค่าเสียโอกาสมากนัก แต่หากไม่โชคดีเราจะต้องเสียอะไรไปอีกมากมาย
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี และประสบความสำเร็จกำเส้นทางที่ตนเองเลือกเดินครับ
ขอฝากเพจสวนของผมไว้ด้วยนะครับ เก็บไว้แลกเปลี่ยนกันครับ
https://web.facebook.com/dohgyakhao/?ref=bookmarks
ปล. หากพิมพ์ผิด เว้นวรรคผิด หรือขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ
ทำเกษตร (ฉบับมนุษย์เงินเดือน) 3
นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมเริ่มทำตามฝัน และลงมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ครับ
https://pantip.com/topic/37196662
และนี่เป็นกระทู้ในปีที่ 2 ของเราครับ
https://pantip.com/topic/38359928
จากเด็กหนุ่มมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรอย่างเต็มความรู้สึก แต่ไม่กล้าก้าวออกจาก คอมฟอร์ด โซน จึงเกิดแนวคิดแอบทำเกษตรในขณะทำงานประจำขึ้นมา จนถึงปัจจุบันก็เริ่มเข้าปีที่ 3 กันแล้วครับ
ในระยะเวลาที่ผ่านมาผมเองเริ่มมีการออกไปดูงานจากสวนอื่น ๆ ทั้งที่อยู่ในกระแส ไม่อยู่ในกระแส โฮมสเตย์ ฟาร์มสเตย์ ร้านกาแฟ และอื่น ๆ ตามโอกาสที่เอื้อให้ และจากประสบการณ์ในการพบเจอเรื่องราวอื่น ๆ ที่ผ่านมาบ้าง ทำให้ความคิดหลักของผมเริ่มเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย เดี๋ยวผมจะมาแลกเปลี่ยนกันพอสังเขปครับ
2 ปีที่ผ่านมาผมมีความสุขกับสวนของผมมาก ถึงแม้จะมีเวลาไม่มาก และด้วยข้อจำกัดด้านอากาศ แหล่งน้ำ ทำให้เราบริหารจัดการได้แบบค่อนเป็นค่อยไป ไม่สามารถก้าวกระโดดได้มากนัก แต่ในห้วงเวลานั้นผมมีความอยากพัฒนาสวนของผมไปให้ไกลขึ้นอีก ผมจึงเริ่มศึกษามากกว่าแค่แนวคิดของการทำเกษตรแล้วครับ ผมเป็นนักเดินทางสายกางเต็นท์ ผมชอบเที่ยวสวนนั่นนี่เพื่อพักผ่อน และมันทำให้ผมเริ่มรับรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง
ผมเริ่มอยากไปดูงานของหลาย ๆ ที่เพื่อมาพัฒนาสวนของผม แต่ในที่สุดแล้วผมตกผลึกความคิดของตัวเองได้ไม่กี่เรื่องหลัก ๆ ครับ
1. เนื่องจากผมเป็นครู มีภาระหน้าที่ที่ภาคภูมิใจในตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะหาเวลามาอยู่กับสวนอย่าง 100% ได้ เพราะผมยังรู้สึกว่ามีแรงผลักดันที่จะสร้างนักเรียนที่ดีต่อไป (หากยังมีไฟไปตลอด) กล่าวคือผมยังชอบชีวิตมนุษย์เงินเดือนในรูปแบบของครูเช่นนี้อยู่ สวนของผมจึงไม่จำเป็นต้องสร้างรายได้เป็นตัวเงินมากนัก เนื่องจากผมยังเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วยงานหลัก
2. หากตัดเรื่องการสร้างรายได้ออกเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักของผมจึงไปตกอยู่กับคำว่า "ความสบายใจ" เสียมากกว่า ผมต้องการให้สวนของผมเป็นสถานที่พักผ่อน ทั้งของตัวผมเอง ครอบครัว และเพื่อนฝูง เนื่องจากผมเป็นคนชอบเดินทาง จึงได้คำตอบเบ็ดเสร็จว่า มนุษย์เราต้องการเพียงอาหาร เพื่อนพ้อง ที่พักใจ มีบ้านให้หันหลังกลับ เท่านั้นคงเพียงพอ ผมจึงอยากให้สวนของผมเป็นโถส้วมที่รองรับความรู้สึกแย่ของตัวเองและเพื่อนฝูง ใครเข้ามาก็ขอให้ทิ้งความทุกข์ไว้ หอบความสบายใจกลับไป
3. จากข้อ 2 ที่ผ่านมา มันจะก่อเกิดประโยชน์น้อยมากหากเราจะเก็บความคิดนี้ไว้ใช้เพียงกับตัวเอง และเพื่อนฝูง ผมจึงเกิดแนวคิดในระยะยาวว่า ผมต้องการให้คนอื่นมีส่วนร่วมบ้าง โดยความเป็นครูของผมทำให้ผมพบเห็นเด็กและเยาวชนในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากยุคที่ผมโตมา เด็ก ๆ ก่อกองไฟไม่เป็นในค่ายลูกเสือ เขาหุงข้าวทำกับข้าวไม่ได้ เขาไม่รู้จักวัตถุดิบ เรียนรู้ที่จะใช้ของรอบตัวได้น้อยมาก หากวันหนึ่งเงินที่เป็นปัจจัยหลักของเขาบกพร่องไปเขาเหล่านี้จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร ผมจึงมีแนวคิดอยากเปิดสวนเป็นฟาร์มสเตย์โดยเน้นครอบครัว ผมมีความสุขเสมอที่เห็นเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ท่ามกลางการดูแลของพ่อแม่ ผมอยากเป็นสื่อกลางให้พวกเขา อยากสอนพวกเขาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างง่ายรอบ ๆ ตัว แนวคิดคือให้พ่อแม่พาลูกมาเที่ยว มานอนค้างบ้านเรา เราจะสอนทำเกษตร ปลูกผัก เตรียมดิน การไล่แมลง การผลิตปุ๋ยใช้เอง การเรียนรู้ธรรมชาติในบริบทของชาวบ้าน (อาจเป็นความฝันเพ้อเจ้อ แต่ผมคิดว่าคนเรามีสิทธิ์ฝันเสมอ)
เอาละครับ ถึงเวลาที่ผมจะอัพเดทความเป็นไปเสียที ทำให้ทุกท่านเสียเวลามามากแล้ว
ปีนี้เรามีอะไรที่กำลังจะเปลี่ยนไปมากมาย มาดูกันครับ
เริ่มจากเจ้ามะขามป้อมที่เฝ้าทะนุถนอมกันครับ หลักจากผ่านไป 3 ปี เริ่มได้เห็นผลกันแล้ว แต่ยังไม่ออกผลครบทุกต้นนะครับ ร้อยละ 60 เท่านั้น ปีหน้าอาจจะดีขึ้น
ต้นไหนได้ลูกก็ดกมากครับ และขนาดลูกค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
ปีแรกนี้อยู่ในระยะศึกษาครับ ยังไม่หวังผลกับมันมากเท่าไรนัก
ต่อมาเป็นผักหวานครับ มาดูกันว่าโตขึ้นมากไหม
จริง ๆ มีผักหวานที่เราปลูกเพิ่มอีก 100 ต้นเศษ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ (อาจรอดจริง ๆ แค่ 60%)
ต่อมา มาดูพืชตัวใหม่ที่เราปลูกเพิ่มกันครับ นั่นคือมะพร้าวน้ำหอม
ผมปลูกมะพร้าวน้ำหอมราว ๆ 1 ไร่ ความจริงแล้วชอบกินครับ และอยากให้เจ้าชันโรงไปใช้เกสรมะพร้าวด้วย เลยเลือกมะพร้าวน้ำหอมมาปลูก
ขับรถไปเอาพันธุ์มาจากบ้านแพ้วเลย เอามาลงถุงเพาะชำ 3 เดือน จึงค่อยลงดินครับ
รอบ ๆ บ่อน้ำ ผมเอาไผ่มาปลูกครับ เนื่องจากอยากใช้ลำไผ่ในสวนด้วย และได้ร่มเงาให้ปลาในบ่อเป็นประโยชน์โดยอ้อม โดยเลือกใช้ไผ่ซางหม่นครับ เนื่องจากขนาดและความตรงของลำ เหมาะกับความต้องการของผมพอดี ไผ่นี้มีราว ๆ 10 กอครับ
ทีนี้ละครับ งานใหญ่
อะไรที่ขาด เราก็ต้องเติมครับ
เราขาดน้ำ ก็เลยต้องแก้ปัญหาเรื่องน้ำ
เราเลือกที่จะเจาะบ่อบาดาลครับ โดยมีค่าใช้จ่ายราว ๆ 90000 บาท
เงินที่ผมหามาก็เกือบหมดไปเลยครับ สำหรับโครงการนี้ แต่ก็ต้องยอมครับเพื่อผลในระยะยาว
เสียดายรูปที่ถ่ายไว้ตอนเสร็จ มันหายไป ยังไม่ได้ถ่ายใหม่ครับ
และที่ผมเล่าไปในช่วงต้น คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่ามีที่ให้กลับไปพักใจ
ผมจึงจัดการก่อสร้างตัวอาคารหลังแรกในสวนครับ โดยมีเป้าประสงค์ว่าอยากเป็นที่รับรองเวลามีใครมาเยี่ยมเยือน
และเอาไว้พักเวลาอยากหาที่สงบ ๆ ไว้นั่งแต่งกลอนเล่นในสวน
โดยในช่วงแรกมีเพียงหลังคา และห้องน้ำก่อนครับ เงินเหลือน้อยแล้ว แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเนื่องจากผมไม่ได้อยู่บ้าน จึงมอบหมายให้พ่อเป็นคนดูแล พ่อก็เลยจัดแบบยิ่งใหญ่แข็งแรง มีคานรับน้ำหนัก และเน้นงานโครงสร้าง แถมแอบไปเขียนแบบขออนุญาตก่อสร้างเพื่อตั้งใจจะให้เป็นบ้านในอนาคตด้วย พอมองการไกลขนาดนี้ การเงินก็ต้องไกลด้วยครับ
แต่ยังไม่เสร็จนะครับ กระทู้รอบหน้าคงได้เห็นกัน
สำหรับท่านที่ถามผมมาว่าชันโรงเป็นอย่างไรบ้าง ผมจะอัพเดทแจ้งแบบนี้ครับ
เนื่องจากว่าผมไม่เคยเลี้ยงมาก่อน การแยกรัง การดูแล เลยยังอ่อนประสบการณ์ และมีการก่อกวนโดยศัตรูตามธรรมชาติ เช่น จิ้งจก มด ปลวก ทำให้รังชันโรงที่ไม่แข็งแรงพอ (ส่วนมากเป็นรังที่แยกออกมาใหม่) ไม่สามารถอยู่ได้ และล่มไปในที่สุด ตอนนี้ยังเหลือรังที่แข็งแรงจริง ๆ แค่ 3 รังครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพไว้เลย จึงไม่มีภาพให้ดูครับ
ส่วนดีปลีที่เคยลงไว้
นี่ก็มีปัญหาเช่นกันครับ ช่วงหนึ่งนั้นอากาศร้อนจัด และผมเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน จึงมีเวลาเข้าไปดูแลน้อย ส่วนหนึ่งจึงร้อนจนตายไปครับ แต่บางส่วนก็ยังอยู่แต่ไม่สมบูรณ์ และไม่ได้มีภาพอีกเช่นกัน ต้องขออภัยด้วยครับ
สำหรับปีนี้คงอัพเดททิ้งไว้แค่นี้ก่อนครับ
หลังจากที่ลงมือจริงจังมาระยะหนึ่ง จึงผ่านอะไร ๆ มามากพอสมควร ผมจึงมีแนวคิดและข้อเสนอแนะฝากทุกคนไว้ 1 อย่างครับ
งานเกษตรมันยากครับ ถึงจะไม่เกินความสามารถของเรา แต่มันยาก มันไม่ได้ยากแค่ว่าเหนื่อย หนัก หรือร้อน นะครับ มันยากที่จะหาเวลาไปทุ่มเทกับมัน ยากที่จะจัดหาทุนไปลงกับมัน ถ้าหากจะทำจริง ๆ เราต้องเตรียมแผนไว้รองรับเรื่องพวกนี้ด้วยครับ ผมไม่อยากให้ความหวัง ขายฝันสวยงามให้ทุกคน พอถึงเวลาทำไม่ได้ก็ทอดทิ้งกัน มันจะเสียเวลาชีวิตของเรามากครับ หากใครจะเริ่มลงมือ ขอให้เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเวลา เตรียมเงิน และเตรียมรับแรงกระแทกจากสังคมด้วยครับ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำครับ ผมว่าก่อนจะทำอะไรเราควรหาตัวเองให้เจอเสียก่อน กว่าผมจะตกผลึกตัวเองได้ ต้องใช้เวลาระยะยาวพอสมควร ยังโชคดีที่การเปลี่ยนแนวทางของผมมันไม่กระทบกับแผนงานที่วางไว้แต่ต้น จึงไม่ต้องมีค่าเสียโอกาสมากนัก แต่หากไม่โชคดีเราจะต้องเสียอะไรไปอีกมากมาย
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี และประสบความสำเร็จกำเส้นทางที่ตนเองเลือกเดินครับ
ขอฝากเพจสวนของผมไว้ด้วยนะครับ เก็บไว้แลกเปลี่ยนกันครับ
https://web.facebook.com/dohgyakhao/?ref=bookmarks
ปล. หากพิมพ์ผิด เว้นวรรคผิด หรือขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ