แชร์แนวคิด “การทำธุรกิจ” กับ “ภาคอุตสาหกรรม”

ตัวผมเองถือว่าเป็นคนในภาคอุตสาหกรรมคนหนึ่ง เพราะ ฐานลูกค้ากว่า 70 % ของทุกธุรกิจที่ผมทำนั้นเกี่ยวเนื่องกับโรงงานไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ... ผมมีร้านขายอะไหล่ชิ้นส่วนเครื่องจักรส่งขายลูกค้าโรงงาน ผมมีบ้านเช่าที่ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนทำงานในโรงงาน มิหนำซ้ำกลางปีที่ผ่านมานี้ผมเปิดโรงงานการผลิตเองด้วยซ้ำ ... มาครับ ในบทนี้ผมขอเล่าเรื่องราวและแชร์แนวคิดการทำธุรกิจกับภาคอุตสาหกรรมให้ฟังครับ
.
จุดเริ่มเรื่องที่คิดอยากจะเล่าเรื่องนี้คือ เมื่อวันก่อนผมคุยกับพี่ชายที่ตอนนี้เป็นแกบริหารงานร้านกาแฟและร้านสเต๊กอยู่(ผมถือหุ้นอยู่บางส่วน) แกสอบถามแนวคิดผมในประเด็นเรื่องการขยายตัวของพื้นที่ที่เราอยู่ซึ่งแกอยากจะเปิดร้านอาหารชนิดอื่นเพื่อขายให้แก่กลุ่มคนเหล่านี้ แน่นอนหลังจากฟังแนวคิดแก ผมคิดว่าแผนนี้มีความเป็นได้ ... มันเป็นไปได้เพราะ ว่า ถิ่นที่ผมอยู่หรือลงทุนอยู่นี้นั้น มีการขยายตัวในอัตราที่สู่ผู้คนหลังไหลกันเข้ามามากขึ้นๆทุกปี จากแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดเงินลงทุนและผู้คนที่ชื่อว่า “โรงงานอุตสาหกรรม”
.
บทความนี้เป็นบทความยาวครับ ลองเขียนแบบสั้นๆแล้วจบไม่ลงข้อมูลไม่ครบ ถ้าข้อมูลไม่ครอบยิ่งอ่านก็ยิ่งกำกวม เลยขอยาวๆเลยสักบท ... ในบทความนี้จะแบ่งการเขียนของเป็น 3 ส่วนดังนี้

ส่วนที่ 1 ... ภาพรวมของภาคอุตสาหกรรม
ส่วนที่ 2 ... แนวคิดการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง “โดยตรง” กับโรงงานอุตสาหกรรม
ส่วนที่ 3 ... แนวคิดการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง “โดยอ้อม” กับโรงงานอุตสาหกรรม
.
.
ภาพรวมของภาคอุตสาหกรรม
.
ภาคตะวันออกเป็นแหล่งรวมโรงงานอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวผมเองก็ลงหลักปักฐานอยู่ในภาคตะวันออกนี้เช่นกัน ... ซึ่งในภาคตะวันออกนี้โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ส่วนมากนั้นตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เพราะ การตั้งอยู่ในนิคมนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการโรงงานนั้นจะได้รับเงื่อนไขที่ดี เช่น ตั้งกิจการโรงงานง่ายเพราะเป็นพื้นที่สีม่วง(อยู่ในเขตนิคมฯ) มีสาธารณูปโภคพร้อม บางกรณีได้รับการส่งเสริมการลงทุน และ อื่นๆอีกมากมาย ... แต่ถ้าเป็นโรงงานขนาด SMEs ลงมาหน่อย แบบโรงงานของผมก็จะอยู่นอกนิคมฯ แต่ก็ไม่ไกลจากนิคมฯขนาดเท่าใดนักใหญ่นัก
.

ที่มา ทีมข่าว TCIJ : 29 ก.ค. 2561
 
ทีนี้เราลองมาดู ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะเห็นได้ว่าภาคอุตสาหกรรมนั้นมีการขยายตัวเกือบทุกปี ในอัตรา 3-4 % ต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี 
 

ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2561)
 
ณ ปัจจุบัน ภาครัฐ สนับสนุนและผลักดัน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ยิ่งทำให้โรงงานขยายตัวเร็วขึ้นมาก เช่น ยุทธศาสตร์ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S-Curve อีกทั้งโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ถนนหนทางที่ปรับจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร ... จาก 4 ช่องจราจรก็เป็น 6 ช่องจราจร ... โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ ผลักดันและขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา 
.


ผลที่ตามมาจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ก็คือ มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล เกิดการว่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นนับแสนๆราย รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงาน โดยเฉพาะรอบๆนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงต่างๆ
.

.
.

แนวคิด การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง “โดยตรง” กับโรงงานอุตสาหกรรม
.
หัวข้อนี้ไม่นับรวมการลงทุนในหุ้นนะครับ โรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากมีชื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั่นหมายความว่านักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อหุ้นและเป็นเจ้าของได้ ... ในหัวข้อนี้ของเขียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือ การทำการค้าโดยตรงกับโรงงานอุตสาหกรรม ... สามารถเริ่มตั้งแต่เข้างานออกแบบหรือการเข้าไปเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงานนั้นๆ แต่ช่องทางนี้ถ้าไม่เก๋าจะเข้าอยากหน่อยเพราะโดยมากเขาจะมีเจ้าประจำหรือเจ้าหลักอยู่แล้ว ขอยกตัวอย่าง ธุรกิจที่ค้าขายโดยตรงกับโรงงานว่ามีอะไรบ้าง เช่น 
 
-       ผลิตสินค้าส่งเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตในโรงงานขนาดใหญ่
-      ขายอะไหล่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ซ่อมบำรุงชนิดต่างๆ
-      ทำเกี่ยวกับคน จัดหาแรงงาน / รถรับส่งพนักงาน / จัดหา รปภ ให้โรงงานนั้นๆ 
.
แค่ 3 หัวข้อที่ผมยกมานี้ก็ครอบจักรวาลแล้วครับ เกิดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมากมาย เช่น ผลิตสินค้าส่งนั่นหมายความว่าเราเป็นโรงงานเราผลิตสินค้าที่เฉพาะเจาะจงให้ลูกค้า ในนิคมอุตสาหกรรม กรณีนี้จะพบเห็นได้มากเช่นโรงงานผลิตรถยนต์ใหญ่ๆในนั้นจะว่าจ้างโรงงานอื่นๆผลิตชิ้นส่วนให้ โรงงานอื่นๆที่ว่าก็อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกันนั่นล่ะ และบางครั้งโรงงานที่ได้รับว่าจ้างผลิตชิ้นงานมาจากโรงงานรถยนต์ก็มาจ้างโรงงานอื่นๆที่ผลิตอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆอีก มันก็เลยขายและส่งกันวนๆไป ... ขายอะไหล่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ซ่อมบำรุงอันนี้มีเยอะมาก ร้านขายสี ร้านขายเหล็ก ร้ายขายน๊อต หรือ เจาะจงลงไปเช่นเครื่องมือช่าง โรงกลึง CNC ร้านขายอุปกรณ์ลมที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม  ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าโรงงาน และ อื่นๆอีกมากมาย ... โรงงานใหญ่บางที่มีพนักงานหลายพันคน ฝ่ายบุคคลใช้การให้บริษัทนอกจัดหาแรงงานให้เลยเกิดบริษัทจัดหางานมากมายในบริเวณนิคมฯ 
.
 
ถ้าจะทำธุรกิจโดยตรงกับโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ สิ่งที่เราจำต้องมีเลย คือ
-      ความรู้เฉพาะทางในสิ่งที่จะขายหรือจะทำ ... โรงงานเป็นธุรกิจที่มีองค์ใหญ่ เขามีทางเลือกที่มากมายที่จะซื้อใครหรือจ้างใครก็ได้ ทำไมเขาถึงต้องจ้างเรา ดังนั้นถ้าเราไม่เก่งจริง ไม่รู้ลึก โอกาสที่จะอยู่รอดหรือแทรกตัวเข้าไปค้าขายนั้นคงยาก
-      ความรู้ความเข้าใจในระบบบริษัทหรือโรงงาน ... ระบบการจัดซื้อ จัดจ้าง งานเสนอราคา PR PO รวมถึงระบบการเงินแบบเครดิต 30 วัน 60 วัน 
 
ผมขอเล่ากรณีศึกให้ฟังสัก 3 กรณี (ไม่เล่าลึกแบบข้อดีข้อเสียและวิเคราะห์นะครับเดี๋ยวจะยาวเกิน 555)  
เคสแรก ... ทั้งบริษัทมีพนักงาน 2 คน คือตัวแกและภรรยา แต่กำไรของกิจการหลักแสนต่อเดือน ... มันเกิดอะไรขึ้น? เกิดได้เพราะสิ่งที่แกทำนั้นเป็น “Specialist” แกเก่งมากในเรื่องๆหนึ่ง ซึ่งแกจะถูกลูกค้าเรียกเข้าไปจัดการปัญหาเฉพาะด้านบางประการเท่านั้น ... ส่วนภรรยาแกช่วยงานในส่วนงานบัญชี ภาษีของบริษัท 
เคสที่สอง ... ผมรู้จักเจ้าของบริษัทรถรับส่งพนักงานเจ้าหนึ่ง สิบปีก่อน ซื้อรถตู้มาร่วมวิ่งรับส่งพนักงาน 2 คัน ... วันนี้ บริษัทนี้มีรถตู้ 30 คัน และ รถบัสอีก 6 คัน ... ลองวิเคราะห์กันต่อดูครับว่าเกิดได้จากอะไร
เคสที่สาม ... ป้าคนรู้จักผมอีกท่าน แกสามารถพาตัวเองเข้าขายอาหารสำหรับพนักงานในโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ ผ่านไปปีสองปี ผมเห็นแกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
.
โรงงานมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายชนิด หลายหลายอุตสาหกรรม ... ถ้ามองในภาพใหญ่ๆ ผมมองว่าช่องทางการทำธุรกิจกับโรงงานนั้นมีมากมาย แต่คำถามสำคัญคือว่า เราเก๋าพอที่จะแทรกตัวเข้าไปหรือไม่แค่นั้นเอง!!!!
.

.
.
แนวคิดการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง “โดยอ้อม” กับโรงงานอุตสาหกรรม
.
“นิคมอุตสาหกรรม” ถือเป็นแรงดึงดูดผู้คนชั้นเลิศ เพราะ เป็นนี่คือแหล่งงานขนาดใหญ่ที่ผู้คนจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้ามาทำงาน ... ยิ่งนิคมฯนั้นๆมีขนาดใหญ่เท่าไหร่หรือยิ่งภายในนิคมฯมีโรงงานขนาดใหญ่มีชื่อ คนก็จะยิ่งเยอะตามมาเท่านั้น!!! การที่นิคมอุตสาหกรรมเติบโต นั่นหมายความว่าแหล่งที่อยู่อาศัยชุมชนโดยรอบจะหนาแน่นขึ้นตามลำดับ .... จากเริ่มต้นเป็นที่ไร่ที่สวนก็กลายเป็นหมู่บ้านเป็นชุมชน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ... ผมเห็นราคาที่ดินจากไร่ล่ะล้านเป็นไร่ละสิบล้านในเวลาไม่กี่ปี ผมเห็นอาคารพาณิชย์ราคาล้านห้าเป็นห้าล้านเพียงในเวลาไม่กี่ปี ทั้งหมดนี้เกิดจาก “นิคมอุตสาหกรรม” !!!
.
ในส่วนสุดท้ายนี้ผมจะแชร์ถึงแนวคิดในการลงทุนทางอ้อมกับโรงงานอุตสาหกรรม ว่ากันง่ายๆคือการลงทุนในพื้นที่รอบๆนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งก่อนที่เราจะลงทุนรอบๆนิคมได้ สิ่งแรกที่เราต้องรู้ก่อนคือ ภาพรวมของนิคมนั้นๆ ... นิคมอุตสาหกรรมนั้นๆอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร ... นิคมอุตสาหกรรมช่วงเริ่มต้นพึ่งปรับที่ ดังนั้นถ้าเราเข้าไปลงทุนนั้นหมายความว่าเราคือผู้บุกเบิกเลย ที่ดินราคาถูก แต่แลกมาด้วยปริมาณผู้คนทียังไม่มาก ... นิคมอุตสาหกรรมช่วงกลางๆ โรงงานขึ้นเยอะแล้วแต่ยังไม่เต็มพื้นที่ ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ ราคาอสังหาริมทรัพย์ขยับขึ้นมาตามลำดับ ... นิคมอุตสาหกรรมช่วงท้ายๆ โรงงานขึ้นเต็มพื้นที่ หมดพื้นที่ขาย ผู้คนเข้ามาเต็มศักยภาพ ... เพราะ การพิจารณาการลงทุนหรือการทำธุรกิจในแต่ล่ะช่วงวัฏจักรของนิคมฯ นั้นย่อมแตกต่างกัน
.
จากภาพ ภาพนี้คือแผนการขายของนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก

สมมุติถ้าแผนเป็นไปตามที่ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมคาด (อันนี้เราต้องวิเคราะห์ต่อว่านิคมฯนี้จะทำได้ดีตามแผนหรือไม่ เพราะ ถ้าเราวิเคราะห์พลาดและถ้าเราลงทุนไปแล้วนั่นคือหายนะเช่นกัน) จากแผนที่แสดงนั่นหมายความว่า ใน 5-6 ปีนับจากนี้จะมีเงินลงทุนไหลเข้ามาในพื้นที่หลายหมื่นล้านบาท และมีการจ้างงานทำให้คนเข้าไหลเข้ามาในพื้นที่มากกว่าหมื่นคน!!!
.
ผลทางอ้อมคือ ชุมชนโดยรอบย่อมเจริญขึ้นตามปริมาณผู้คนและปริมาณเงินลงทุนในนิคมฯ .... สมมุติ ในบริเวณมีหลายนิคมที่กำลังเติบโต คนหลายหมื่นคนทยอยเข้ามาอาศัยในพื้นที่เหล่านี้ ... ทำอะไรดี? ... ทำได้มากมายเหลือเกินครับ แต่มันก็วนกลับมาสู่คำถามเดิมว่าตลาดมันใหญ่มากแต่ตัวเราเองนั่นล่ะ เก๋ามากพอหรือเปล่า เราเก่งพอที่จะแทรกตัวเข้ายืนอยู่หรือเปล่า
.
ผมขอเล่ากรณีศึกษาของผมให้ฟัง … ผมทำธุรกิจบ้านเช่ามานาน 10 ปี เรียกได้ว่ากิจการบ้านเช่าเป็นเสาหลักด้านรายได้ที่สำคัญของผมก็คงไม่ผิดนัก ... นอกจากผมทำเองแล้วผมยังชักชวนญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมซื้อร่วมแจมในธุรกิจนี้ ... บ้านเหล่านี้ผมเป็นผู้ดูแลก็จริงแต่ ... แต่มิได้เป็นการจ้างกันแต่ประการใดและไม่ได้เป็นกิจจะลักษณะรวมศูนย์กลาง แต่เป็นเพียงกลุ่มบ้านเช่าที่รู้จักกันและใช้เครือข่ายบางประการร่วมกันเท่านั้น ณ ตอนนี้ กลุ่มอสังหาฯเช่าของผม รวมไปรวมมา มีบ้านเดี่ยวและบ้านทาวน์เฮาส์ 35 หลัง มีอาคารพาณิชย์ 4 คูหา ที่ดินเปล่าให้เช่าอีก 3 แปลง ซึ่งมีมูลค่ารวมมากกว่าร้อยล้านบาท ซึ่งปริมาณขนาดนี้ ผมประมาณว่าน่าจะเป็นใหญ่ในระดับหนึ่งของท้องถิ่น แน่นอนว่าฐานลูกค้าหลักของบ้านเช่านี้มาจาก พนักงานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมโดยรอบของพื้นที่
.
เรายืนนิ่งมาได้หลายปี เพราะ เริ่มต้นลงทุนจากจุดเริ่มต้นที่นิคมพึ่งทยอยเข้ามาคู่แข่งไม่มาก แต่เกมธุรกิจไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ... ชุมชนขยายใหญ่ขึ้น นิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น โรงงานมากขึ้น คนมากขึ้น .... สถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจบ้านเช่าในพื้นที่ ทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับจากการขยายตัวของชุมชนที่ใหญ่ และมีกลุ่มผู้เล่นรายใหม่ กลุ่มผู้เล่นรายใหญ่ เข้ามาทำตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่ามากขึ้น รวมถึงคู่แข่งอย่างโครงการอพาร์ทเม้นท์โดยรอบในพื้นที่ และยังมีกลุ่มผู้ประกอบการห้องแถวที่ปรับตัวขยับขึ้นมากเพื่อรับลูกค้าในกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน ... จนทำให้บ้านเช่าที่ผมดูแลว่างเยอะมาก ... เอาง่ายๆเลย ณ จุดนั้น เรียกว่าถ้าไม่ “ปรับตัว” ก็รอวัน “ดับ” ได้เลย 
.
****เกิน 10,000 ตัวอักษรครับ ต่อในคอมเมนท์ที่ 1 นะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่