สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
เห็นเรื่องทำนองนี้หลายเคสแล้ว พวกเจ้าหน้าที่รับเช็คอินบางคนนี่ ไม่รู้เอาความมั่นใจมาจากไหนกันนักกันหนา เวลาผู้โดยสารที่มีข้อมูลถูกต้องพยายามชี้แจงหรือ เอาหลักฐานมาแสดง ก็จะไม่รับฟังไม่รับรู้ ยืนยันแต่การตัดสินใจเดิมๆ ยิ่งพวกหัวหน้านี่ เห็นหลายเคส Ego คงแรงจัด ความมั่นใจมาเต็ม และพื้นที่ในสมองคงเต็มด้วย ไม่สามารถรับเรื่องหรืออัพเดตกรณีข้อยกเว้นใหม่ๆที่ตัวเองไม่รู้จริงได้ ไม่เคยตระหนักว่า หากตนตัดสินผิดพลาด ผู้โดยสารต้องเสียหายขนาดไหน แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้น เคยย้อนกลับไปที่คนพวกนี้บ้างไหม สายการบินชดเชยอะไรไหม ไม่เคยได้ยินข่าวเลย เหมือนรู้ว่ายังไงๆก็ลอยตัวตลอด เลยไม่สนใจความถูกต้องจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 28
ผมก็เคยโดน สามปีก่อน จะบินมีเปลี่ยนเครื่องประเทศที่ไม่ต้องใช้ transit visa ภาคพื้นดินของเราก็ไม่ให้เช็คอิน บอกว่าต้องใช้
ขนาดก่อนเดินทางผมเมล์ไปหา ตม. ที่นู่นแล้วนะ เพราะผมก็ไม่แน่ใจ เค้าตอบกลับมาบอกว่าเปลี่ยนเครื่องไม่ต้องใช้ แต่ถ้าจะเข้าประเทศต้องใช้ เที่ยวบินที่ผมส่งให้เค้าดู ฝั่งนู้นบอกว่าไม่มีปัญหา ไม่ต้องผ่าน ตม. เดินตามป้าย transit เปลี่ยนเครื่องได้เลย
เอาเมล์ให้ดูพนักงานการบินไทยก็ไม่ยอมอยู่ดี กลายเป็นต้องเลื่อนตั๋ว เพราะเถียงกันอยู่นานมาก เปลี่ยนคนมาคุยเยอะแยะ จนเครื่องจะออก พนักงานบอกให้ไปขอวีซ่าก่อน พอดีไม่มีเส้นสาย เลยต้องยอมถอย ดีที่ปรกติบริษัทซื้อแบบเลื่อนได้ตลอดอยู่แล้ว
ผมก็ไม่มีปัญหาขอวีซ่าก็ขอยังไงก็บริษัทจ่าย พอจะกรอกขอวีซ่าเลือกpassportไทย มันก็ไม่มีให้เลือก transit visa, เลยเมล์ไปถามสถานทูต ทางนู้นก็บอกมันไม่ต้องใช้ ระบบไม่ให้ขอถ้าถือpassport ไทย, เอากะเค้าสิ ทำไงดีวะคราวนี้
เลยขอเบอร์ไว้ แล้ววันไปเช็คอินให้โทรคุยกันเองเลย จบ ขึ้นเครื่องได้ แล้วที่ผ่านมาคืออะไรว้า
เมล์ไป complain การบินไทยแล้ว แต่ก็ไม่ได้จะเอาอะไรมากแค่ต้องการให้รับทราบและปรับปรุง ดีว่าเป็นงานที่ไม่เร่งมาก แค่ไปตรวจงานตามรอบไม่เสียหายมาก ไม่งั้นบริษัทผมคงไม่จบง่ายๆ
นี่แสดงให้เห็นว่าการบินไทยไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยสินะเรื่องแบบนี้
ขนาดก่อนเดินทางผมเมล์ไปหา ตม. ที่นู่นแล้วนะ เพราะผมก็ไม่แน่ใจ เค้าตอบกลับมาบอกว่าเปลี่ยนเครื่องไม่ต้องใช้ แต่ถ้าจะเข้าประเทศต้องใช้ เที่ยวบินที่ผมส่งให้เค้าดู ฝั่งนู้นบอกว่าไม่มีปัญหา ไม่ต้องผ่าน ตม. เดินตามป้าย transit เปลี่ยนเครื่องได้เลย
เอาเมล์ให้ดูพนักงานการบินไทยก็ไม่ยอมอยู่ดี กลายเป็นต้องเลื่อนตั๋ว เพราะเถียงกันอยู่นานมาก เปลี่ยนคนมาคุยเยอะแยะ จนเครื่องจะออก พนักงานบอกให้ไปขอวีซ่าก่อน พอดีไม่มีเส้นสาย เลยต้องยอมถอย ดีที่ปรกติบริษัทซื้อแบบเลื่อนได้ตลอดอยู่แล้ว
ผมก็ไม่มีปัญหาขอวีซ่าก็ขอยังไงก็บริษัทจ่าย พอจะกรอกขอวีซ่าเลือกpassportไทย มันก็ไม่มีให้เลือก transit visa, เลยเมล์ไปถามสถานทูต ทางนู้นก็บอกมันไม่ต้องใช้ ระบบไม่ให้ขอถ้าถือpassport ไทย, เอากะเค้าสิ ทำไงดีวะคราวนี้
เลยขอเบอร์ไว้ แล้ววันไปเช็คอินให้โทรคุยกันเองเลย จบ ขึ้นเครื่องได้ แล้วที่ผ่านมาคืออะไรว้า
เมล์ไป complain การบินไทยแล้ว แต่ก็ไม่ได้จะเอาอะไรมากแค่ต้องการให้รับทราบและปรับปรุง ดีว่าเป็นงานที่ไม่เร่งมาก แค่ไปตรวจงานตามรอบไม่เสียหายมาก ไม่งั้นบริษัทผมคงไม่จบง่ายๆ
นี่แสดงให้เห็นว่าการบินไทยไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยสินะเรื่องแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 22
สิ่งหนึ่งที่การบินไทยขาดคือ การฝึกอบรมทักษะการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าจะพนักงานเช็คอิน ภาคพื้น หรือแม้แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
เท่าที่เห็นอบรมเยอะหน่อยก็คือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อบรมแต่เรื่องความปลอดภัย แต่ไม่เคยเรียกมาอบรมเรื่องการบริการเลย (อบรมความปลอดภัยเป็นภาคบังคับ เลยเลี่ยงไม่ได้) เคยคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในชั้นธุรกิจ ได้ใจความว่าพอเรียนจบหลักสูตร แล้วก็ไม่เคยถูกเรียกไปฝึกอบรม เกี่ยวกับเรื่องการบริการอีกเลย ทำงานไปเรื่อยๆ ก็ปรับกันเอง เปลี่ยนวิธีการทำงานกันเองหน้างาน ทำให้รายละเอียดของการทำงานไม่ค่อยคงเส้นคงวา
พนักงานเช็คอิน ผมก็ไม่รู้ว่าเรียกมาอบรมเรื่องข้อกำหนดคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไว้บ้างหรือเปล่า การบินไทยเองก็มีบินไปไม่กี่ประเทศ ก็น่าจะเรียกมาอบรมอย่างน้อยปีละครั้ง ครั้งละ 1-2 วันก็ยังดี นอกจากเรื่องวีซ่าแล้ว ก็น่าจะมีการอบรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในกรณีต่อเครื่อง เครื่องดีเลย์ ฯลฯ แต่ถ้าลองมีการทดสอบเกี่ยวกับความรู้ด้านวีซ่าของแต่ละประเทศ ผมว่าพนักงานภาคพื้นมีสอบตกกันหลายคน
เท่าที่เห็นอบรมเยอะหน่อยก็คือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อบรมแต่เรื่องความปลอดภัย แต่ไม่เคยเรียกมาอบรมเรื่องการบริการเลย (อบรมความปลอดภัยเป็นภาคบังคับ เลยเลี่ยงไม่ได้) เคยคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในชั้นธุรกิจ ได้ใจความว่าพอเรียนจบหลักสูตร แล้วก็ไม่เคยถูกเรียกไปฝึกอบรม เกี่ยวกับเรื่องการบริการอีกเลย ทำงานไปเรื่อยๆ ก็ปรับกันเอง เปลี่ยนวิธีการทำงานกันเองหน้างาน ทำให้รายละเอียดของการทำงานไม่ค่อยคงเส้นคงวา
พนักงานเช็คอิน ผมก็ไม่รู้ว่าเรียกมาอบรมเรื่องข้อกำหนดคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไว้บ้างหรือเปล่า การบินไทยเองก็มีบินไปไม่กี่ประเทศ ก็น่าจะเรียกมาอบรมอย่างน้อยปีละครั้ง ครั้งละ 1-2 วันก็ยังดี นอกจากเรื่องวีซ่าแล้ว ก็น่าจะมีการอบรมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในกรณีต่อเครื่อง เครื่องดีเลย์ ฯลฯ แต่ถ้าลองมีการทดสอบเกี่ยวกับความรู้ด้านวีซ่าของแต่ละประเทศ ผมว่าพนักงานภาคพื้นมีสอบตกกันหลายคน
แสดงความคิดเห็น
ถูกปฎิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง ทั้งที่มีวีซ่าถูกต้อง สายการบินไทย!
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิพย์
ล้อคอินน์เข้ามาตั้งกระทู้ครั้งแรกเพื่อแชร์ประสบการณ์และเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆหากเจอเหตุการณ์เดียวกันในอนาคต
และขอความกรุณาเพื่อนๆ ช่วยโหวตให้เป็นกระทู้แนะนำ เพื่อให้เรื่องไปถึงสายการบิน (เนื่องจากทราบว่าการส่งอีเมลมักไม่ได้รับการตอบกลับ)
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ตอนนี้เรารอคำตอบจากทางสายการบิน หากได้คำตอบยังไงจะมาอัพเดทให้ทราบต่อไปนะคะ
ขอ copy ข้อมูลจากจดหมายที่เราเขียนถึงสายการบินเพื่อเล่าเหตุการณที่เกิดขึ้นตามด้านล่างค่ะ
เรียน ประธานกรรมการบริษัทการบินไทยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
สืบเนื่องจากข้าพเจ้า เป็นบริษัททัวร์ และได้ดำเนินการจัดทัวร์ไปเที่ยวประเทศอินเดีย ให้กับลูกค้า 5 ท่าน โดยลูกค้าได้จองตั๋วการบินไทยเอง โดยมีกำหนดการเดินทาง วันที่ 29 พ.ย.-8 ธ.ค. โดยไฟลท์บินขาไป คือ 29 NOV BKK-DEL TG315 (20.00-23.00)
ทั้งนี้เมื่อผู้โดยสารไปเช็คอินน์ที่ ในวันที่ 29 พ.ย. ที่เคาน์เตอร์ B15 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งว่าเอกสาร e-visa ที่ทางทัวร์ได้ดำเนินการทำให้ ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากวันที่ปรากฎในเอกสารไม่ครอบคลุมวันเดินทาง โดยทางทัวร์ได้พยายามอธิบายให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่า
- Date of Expiry of ETA นั้นหมายถึงวันสุดท้ายที่สามารถเดินทางเข้าอินเดียโดยใช้ e-visa ได้ ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงจะหมดอายุก็ต่อเมื่อเดินทางหลังวันที่ 30 พ.ย. และยังแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดู Remark สีแดง ที่กำกับไว้ในเอกสารวีซ่าว่า e-tourist visa validity period is 30 days from the date of first arrival in india
- แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงเงื่อนไขในการขอวีซ่าที่เราแจ้งเที่ยวบินไป-กลับและวันเดินทางตั้งแต่เรายื่นวีซ่าและได้รับการ Grant วีซ่ากลับมา
- ให้เจ้าหน้าที่อินเดีย โทรเช็ค call center ตม. แล้ว ทางตม. ยืนยันว่าวีซ่านี้ใช้ได้ และส่งอีเมลไปสอบถามแล้ว แต่คงได้รับการตอบกลับไม่ทันเวลาเช็คอินน์ (แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่รับฟัง)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่าให้รอทาง station manager สนามบินเดลลีไปเช็คคำตอบจาก ตม. ที่สนามบินเดลลี โดยให้ผู้โดยสารรอจนเกือบถึงเวลาที่เคาน์เตอร์ปิด ทาง station manager จึงแจ้งกลับมาว่าให้เช็คอินน์ไม่ได้เนื่องจากกวันเดินทางกลับไม่ครอบคลุมในวีซ่า และได้แจ้งว่า ตม. สนามบินเดลลีจะ reject ผู้โดยสารทั้งหมดหากยังยืนยันที่จะเดินทางไป แม้ทางเรายืนยันที่จะขอเซ็นแบบฟอร์มรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองในกรณีถูกส่งกลับ ทาง station managerก็ยังยืนยันว่าไม่ให้เช็คอินน์แน่นอน เพราะเป็นกฎที่ยืดหยุ่นไม่ได้ หากผู้โดยสารถูกส่งกลับ ทางสายการบินต้องจ่ายเงินชดเชยให้อินเดียเป็นเงิน 100,000 รูปี
จากนั้นผู้เดินทางจึงได้โทรปรึกษาผู้ใหญ่ในการบินไทยและขอความช่วยเหลือ พนักงานจึงยอมให้ผู้โดยสารทั้งหมดเช็คอินน์ในนาทีสุดท้ายก่อนที่เคาน์เตอร์ปิดพร้อมเซ็น แบบฟอร์มรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองในกรณีถูกส่งกลับ พร้อมกันนี้ได้บอกผู้โดยสารอีกว่าถึงแม้จะผ่านเข้าเมืองได้ แต่ให้ระวังว่าขากลับจะมีปัญหาถูกปรับ ที่สนามบินเดลลีอีก เนื่องจากทั้งหมดนั้นอยู่เกินวันตามวีซ่า (overstay)
ภายหลังจากที่ผู้โดยสารไปถึง ตม.เดลลี ก็ได้รับการประทับตราเข้าเมืองโดยเป็นไปตามกฎ e-visa ที่ทางทัวร์แจ้งทุกอย่าง คืออยู่ได้ 30 วันหลังจากที่มีการประทับตราเข้าเมือง
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับไปที่สายการบินอีกครั้ง เพื่อขอคำอธิบาย โดยขอพบ duty manager และได้พบกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ J19 (โดยไม่แน่ใจว่าคือ duty manager หรือไม่) เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่าทราบเรื่องทั้งหมดเพราะนั่งอยู่ในวันที่เช็คอินน์ แต่ไม่ได้แสดงตัวและยืนยันว่าพนักงานทำถูกต้องแล้วที่ปฎิเสธการเช็คอินน์ แม้เราจะเอาหลักฐานเป็นอีเมลจากเจ้าหน้าที่ e-visa หรือ passport stamp ที่ผ่านเข้าเมืองไปให้ดูก็บอกว่าไม่รับฟัง อ้างแต่เพียงว่าเป็นกฏของสายการบินและได้พูดอะไรอีกหลายอย่าง เช่น เกี่ยวกับการที่ ตม. อนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านเข้าเมือง เพราะเป็นการเห็นใจไม่ใช่วีซ่าถูกต้อง ฯลฯ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัททัวร์ ได้เกิดความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากพนักงานได้มีการพูดให้ผู้โดยสารเข้าใจว่าการถูกปฎิเสธการขึ้นเครื่องนั้นเป็นเพราะบริษัททัวร์ทำวีซ่าผิด ทางบริษัทจึงถูกตำหนิจากลูกค้าอย่างรุนแรงและถือเป็นการลดความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทในวงกว้าง ทางบริษัทจึงใคร่ขอความกรุณา ประธานกรรมการบริษัทการบินไทยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
1. ออกจดหมายขอโทษและชี้แจงให้ผู้โดยสารเข้าใจถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
2. ขอทราบเหตุผลในการที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ให้เช็คอินน์แน่นอน เพราะเป็นกฎที่ยืดหยุ่นไม่ได้ แต่พอผู้โดยสารรู้จักผู้ใหญ่ภายใน เหตุใดจึงสามารถละเว้นกฎดังกล่าวได้อย่างฉับพลัน
3. นำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงในการปฎิบัติงานต่อไป เนื่องจากข้อมูลที่ทางทัวร์พยายามชี้แจงให้ทราบก็เป็นประโยชน์กับสายการบินในการที่จะนำไปปรับปรุงในการเช็คอินน์ของผู้โดยสารที่จะถือวีซ่าในเส้นทางดังกล่าวในอนาคต