ตำนานยอดเพชฌฆาตหน้าหยก สามารถ พยัคฆ์อรุณ
เพจสุดยอดมวยไทยแห่งยุค
สามารถ พยัคฆ์อรุณ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2505 มีชื่อจริงว่า "สามารถ ทิพย์ท่าไม้" หรือชื่อที่ผู้คนมักเรียกว่า "มารถ" หรือ "พี่มารถ" ครอบครัวมีบุตรทั้งหมด 8 คน ชาย 6 คน หญิง 2 คน เป็นบุตรคนที่ 6 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนฉะเชิงเทราแถวคลองเขตซึ่งเป็นจุดกั้นระหว่างฉะเชิงเทราและชลบุรี อีกทั้งพี่ชายคนที่ 5 ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเขายังเป็นนักมวยชื่อดังเช่นกัน โดยมีชื่อในวงการว่า "ก้อง ธรณี"
พี่มารถเกิดในครอบครัวชาวประมงที่มีความชื่นชอบคลั่งไคล้ในวงการมวย จึงทำให้เขารู้จักคลุกคลีเรื่องมวยมาตั้งแต่เยาว์วัย ในวัยเด็กพี่มารถเป็นเด็กผู้ชายที่อ่อนหวาน อ้อนแอ้น ชอบเล่นกับผู้หญิงเพศตรงข้ามทำให้ทางครอบครัวเป็นห่วง จึงได้ฝึกฝนมวยไทยเพื่อปลูกฝังความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมักจะมีเพื่อนรุ่นพี่มารวมตัวที่บ้านของเขาอยู่เสมอ โดยจับเด็ก ๆ ละแวกนั้นมาชกมวย ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกดีที่ได้มาต่อยมวยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับไม่ชื่นชอบการชกมวยเสียด้วยซ้ำ เมื่อมีการรวมตัวของเพื่อนรุ่นพี่เขามักหนีไปเล่นบริเวณอื่นเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจต่อยมวยเพราะหากหนีจะถูกไปตามตัวและถูกตีลงโทษ
เส้นทางการเป็นยอดนักมวยของพี่มารถเริ่มต้นขึ้นเมื่อฤดูหนาวปีหนึ่งที่เด็กชายสามารถคนนี้ได้ย่างก้าวเป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ วัดละแวกนั้นได้จัดงานโดยในงานมีการจัดการแข่งขันชกมวยไทย เมื่อบรรดาพี่ชายของเขาเห็นดังนั้นจึงจับเขามาฝึกฝนเพื่อส่งประกวดชิงเงินรางวัลในการแข่งดังกล่าว แม้จะไม่ชอบในการชกมวยแต่เพราะการกระทำในท่าทางบังคับของบรรดาพี่ ๆ ทำให้เขาจำเป็นต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่วันแข่งขัน การแข่งขันถูกจัดขึ้นช่วงฤดูหนาวที่ลมเย็นพัดผ่านอยู่เป็นระลอก เด็กชายสามารถในวัย 10 ขวบได้เข้าร่วมการแข่งขันปะทะกับเด็กชายอีกคนที่มีรูปร่างส่วนสูงทัดเทียมกับเขา ก่อนการแข่งจะเริ่มพวกเขาจำเป็นต้องยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีตามธรรมเนียม แต่เพราะความประหม่าเนื่องด้วยเป็นการต่อยมวยครั้งแรกในชีวิตของเขา ทำให้เด็กชายยืนตรงเคารพด้วยร่างกายที่สั่นเทา
สิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อกรรมการลั่นเสียงระฆังอันเป็นสัญญาแห่งการเริ่มต้นการแข่ง เด็กชายสามารถจึงได้สำแดงฝีมือการชกมวยที่สวรรค์ประทานเป็นครั้งแรก ผลการแข่งขันในครั้งนั้นเขาสามารถคว้าชัยมาให้บรรดาพี่ ๆ ได้อย่างสมใจ แม้จะเป็นการแข่งมวยเล็ก ๆ ระหว่างเด็กวัย 10 ขวบ แต่พี่ชายคนที่ 2 คงได้เล็งเห็นถึงพรสวรรค์บางอย่างที่ซ่อนเร้นจึงได้บอกให้เขาลาออกจากการเรียน และส่งตัวไปฟูมฟักฝึกฝนด้านการชกมวยไทยอย่างจริงจังอยู่ที่เมืองพัทยา
เพจสุดยอดมวยไทยแห่งยุค
เป็นเวลากว่า 2 ปีที่พี่มารถได้ฝึกซ้อมมวยอย่างเข้มข้น เช้าตื่นมาออกกำลังกาย เรียกรู้การชกมวย ตกเที่ยงเขามักจะไปคลุกอยู่ที่ร้านซ่อมเครื่องยนต์ ไดนาโมใกล้ ๆ ค่ายมวยของพี่ชายคนโตคนละพ่ออยู่เป็นประจำ ในระหว่างนี้ฝีมือด้านการชกมวยของพี่มารถเริ่มเป็นที่รู้จักในภูมิภาคฝั่งตะวันออก ในนามของ "สามารถ ลูกคลองเขต" ฝีมือของเขาเป็นที่เลื่องลือเป็นอย่างยิ่ง มีหลายต่อหลายครั้งเมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นก้อนเนื้อปูดบริเวณหลังอันเป็นสัญลักษณ์ของสามารถ ลูกคลองเขต หรืออีกชื่อที่ผู้คนเรียกขานว่า "ไอ้หลังปูด" ก็มีอันต้องล้มเลิกการแข่งไปหลายราย เพื่อไม่ให้เสียเดิมพัน เพียงวัย 12 ปี สามารถ ลูกคลองเขตก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยอดไอ้แอ้ด (ยอดมวยเด็ก) ระดับประเทศ
ความสุดยอดของเขาฉายแววมาตั้งแต่สมัยยังเป็นมวยรุ่นเล็ก 3 ปีที่สามารถคนนี้ไม่เคยปราชัย
เนื่องด้วยฝีมือที่ไม่กล้ามีใครเสี่ยงเข้าไปปะทะ แม้ไม่รู้จักหน้าคร่าตามาก่อน แต่เมื่อคู่ต่อสู้เห็นก้อนเนื้อปูดบริเวณหลังก็เป็นที่รู้จักในวงการมวยว่าเด็กชายคนนี้คือยอดมวยเด็ก สามารถ ลูกคลองเขต เมื่อเห็นดังนั้นฝ่ายตรงข้ามก็มีอันต้องพากันล้มเลิกไปมากหน้าหลายราย ทำให้ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจพาเขาไปผ่าตัดเอาก้อนเนื้อดังกล่าวออกเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตุต่อฝ่ายตรงข้าม
เพจสุดยอดมวยไทยแห่งยุค
จุดเปลี่ยนในชีวิตได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อค่ายมวยที่สังกัดอยู่โกงเงินค่าตัวจึงทำให้พี่มารถและคุณก้อง ธรณีตัดสินใจกลับพัทยาซึ่งเป็นที่ ๆ พวกเขาทั้งสองเคยอาศัย รุ่งขึ้นวันต่อมาพี่มารถตัดสินใจเก็บข้าวของนั่งรถเมล์เดินทางจากเอกมัยไปพัทยาคนเดียวในวัยเพียง 14 15 โดยมีเงินเก็บที่ได้จากการชกมวยซึ่งเขาเก็บหอมรอมริบจำนวนประมาณหลักหมื่นบาท หลังเดินทางถึงพัทยาพี่มารถได้วางแผนชีวิตของเขาไว้ว่าจะผันมาทำงานซ่อมเครื่อง ทำไดโนโมที่เคยไปคลุกคลีกับพี่ชายของเขาผู้เป็นเจ้าของร้าน
เป็นเวลาพอดิบพอดีที่เขาเดินทางกลับพัทยา ได้มี "ครูยอดธง เสนานันท์" มาเปิดค่ายมวยอยู่พอดี แท้จริงแล้วครูตุ๊ยได้เห็นฝีไม้ลายมือของเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นยอดมวยเด็ก แต่เพราะวัยที่ยังน้อยเกินไปจึงทำให้ครูตุ๊ยไม่ได้สนใจหรือต้องการในตัวเขามากนัก กระทั่งเมื่อพี่มารถได้เข้าไปค่ายมวยเพื่อออกกำลังกาย ฝีมืออันเป็นที่เลื่องลือมาช้านานบวกกับวัยที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่ม คุณสมบัติต่าง ๆ ในตัวของสามารถเดินทางมาถึงจุดที่ครูยอดธงตัดสินใจที่จะดูแลฟูมฟักให้เขาเป็นยอดนักมวยระดับตำนานอีกคนของเมืองไทย
เฟซบุ๊ก Natthasan Atler
หลังจากที่อาศัยอยู่กับครูตุ๊ย ฝีมือของเขาเริ่มเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนมากยิ่งขึ้น ยิ่งอายุของเขามากขึ้นเท่าใด ชื่อเสียงของเขาในวงการมวยไทยก็มีอันเป็นที่พูดถึงมากขึ้น บัดนี้เขาได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อในวงการมวยที่ผู้คนคุ้นเคยว่า "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" อันเป็นชื่อที่ "คุณอรุณ พัฒนสิน" เจ้าของค่ายพยัคฆ์อรุณ อดีตครูผู้ฝึกสอนสองพี่น้องที่ภายหลังได้ยุบค่าย และนำพวกเขามาฝากฝังเป็นศิษย์กับครูตุ๊ย โดยขอให้ทั้งสองยังคงชื่อของค่ายมวยพยัคฆ์อรุณ
เพจสุดยอดมวยไทยแห่งยุค
ฝีมือของพี่มารถเป็นที่พูดถึงอย่างมากในเรื่องของความสามารถที่เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่ประทานมา สายตาเฉียบแหลม ว่องไว สามารถอ่านการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในไม่ช้าได้อย่างรวดเร็ว มันสมองที่ฉลาดวิเคราะห์การต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม หรือลูกถีบที่ขึ้นชื่อว่ามีอานุภาพรุนแรงเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับนักมวยรุ่นเดียวกัน แม้จุดอ่อนของเขาจะเป็นในเรื่องของปอดและพละกำลังที่ไม่แข็งแกร่งนักเมื่อเทียบกับนักมวยคนอื่น ๆ แต่ด้วยจุดเด่นที่เรียกได้ว่ายากหาใครมาเทียบของเขาจึงสามารถกลบจุดด้อยที่เขามีไปได้อย่างมากล้น
ฝีมือทางเชิงมวยของเขาอยู่ในระดับขั้นเทพจนได้มีครูมวยผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า "สามารถเป็นนักมวยที่ 100 ปีจะมีเพียงสักคน" อีกทั้งเขายังถูกถูกเรียกว่าเป็น "มวยอัจฉริยะ" อีกด้วยเนื่องจากชั้นเชิงและความสามารถในการชกของเขาที่ใช้ความฉลาดไหวพริบ
ก่อนที่จะผันไปชกมวยสากล ฝีมือของเขานั้นฉกาจมากขนาดที่ว่าหนึ่งปีก่อนผันมาชกมวยสากลพี่มารถมีการชกลงสนามเพียง 1 ครั้งเท่านั้น เนื่องด้วยฝีมือที่อยู่ระดับหัวกะทิยากหานักมวยคนไหนที่มีบารมีพอจะมาปะมือได้ จนทำให้เขาต้องตัดสินใจหันเหไปชกมวยสากลในที่สุด โดยได้รับการสนับสนุนจาก คุณสุชาติ เกิดเมฆ, คุณสหสมภพ ศรีสมวงศ์ และคุณทรงชัย รัตนสุบรรณ
ig fashion_in_memory
การหันเหมาชกมวยสากล ทำให้เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนครูผู้ฝึกสอนโดยได้ไปฝึกซ้อมกับคุณสหสมภพ ผู้ฝึกทางด้านมวยสากลโดยตรง เมื่อเปลี่ยนครูฝึกทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินและไม่อิสระนัก พี่มารถจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปยังเมืองพัทยาอีกครั้ง หลังจากฝึกซ้อมอยู่ไม่ถึงเดือน อย่างไรก็ตามแต่เนื่องจากไม่มีครูฝึกที่มีความรู้ด้านมวยสากล ทำให้เขาตัดสินใจกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งและขอไปฝึกซ้อมอยู่ในการดูแลของ "ครูสุดใจ สัพพะเลข" พี่มารถกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งกับการเป็นนักมวยสากล โดยได้เริ่มชกมวยสากลเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2526
ณ ตอนนี้พี่มารถได้ผันมาชกมวยสากล ชื่อเสียงของเขาก็ขึ้นอยู่ในระดับสูงสุด กระทั่งเมื่อเขาได้เข้าชิงแชมป์โลกกับยอดนักชกจากเมืองนอก
ผลงานการชกมวยสากลของเขาที่มีชื่อเสียงมากอีกชิ้นหนึ่งคือการชิงแชมป์โลกมวยสากลในรุ่น 122 ปอนด์ กับกัวดาลูเปอร์ พินเธอร์ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้เขาสามารถคว้าชัยมาได้จึงทำให้เขากลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 10 ของประเทศไทย
https://bit.ly/34Twmmx
เรื่องราวความเป็นมาของอีกหนึ่งตำนานนักมวยยอดเพชฌฆาตหน้าหยก "สามารถ พยัคฆ์อรุณ"
เส้นทางการเป็นยอดนักมวยของพี่มารถเริ่มต้นขึ้นเมื่อฤดูหนาวปีหนึ่งที่เด็กชายสามารถคนนี้ได้ย่างก้าวเป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ วัดละแวกนั้นได้จัดงานโดยในงานมีการจัดการแข่งขันชกมวยไทย เมื่อบรรดาพี่ชายของเขาเห็นดังนั้นจึงจับเขามาฝึกฝนเพื่อส่งประกวดชิงเงินรางวัลในการแข่งดังกล่าว แม้จะไม่ชอบในการชกมวยแต่เพราะการกระทำในท่าทางบังคับของบรรดาพี่ ๆ ทำให้เขาจำเป็นต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่วันแข่งขัน การแข่งขันถูกจัดขึ้นช่วงฤดูหนาวที่ลมเย็นพัดผ่านอยู่เป็นระลอก เด็กชายสามารถในวัย 10 ขวบได้เข้าร่วมการแข่งขันปะทะกับเด็กชายอีกคนที่มีรูปร่างส่วนสูงทัดเทียมกับเขา ก่อนการแข่งจะเริ่มพวกเขาจำเป็นต้องยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีตามธรรมเนียม แต่เพราะความประหม่าเนื่องด้วยเป็นการต่อยมวยครั้งแรกในชีวิตของเขา ทำให้เด็กชายยืนตรงเคารพด้วยร่างกายที่สั่นเทา
สิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อกรรมการลั่นเสียงระฆังอันเป็นสัญญาแห่งการเริ่มต้นการแข่ง เด็กชายสามารถจึงได้สำแดงฝีมือการชกมวยที่สวรรค์ประทานเป็นครั้งแรก ผลการแข่งขันในครั้งนั้นเขาสามารถคว้าชัยมาให้บรรดาพี่ ๆ ได้อย่างสมใจ แม้จะเป็นการแข่งมวยเล็ก ๆ ระหว่างเด็กวัย 10 ขวบ แต่พี่ชายคนที่ 2 คงได้เล็งเห็นถึงพรสวรรค์บางอย่างที่ซ่อนเร้นจึงได้บอกให้เขาลาออกจากการเรียน และส่งตัวไปฟูมฟักฝึกฝนด้านการชกมวยไทยอย่างจริงจังอยู่ที่เมืองพัทยา