เล่าเรื่องราวกันก่อน
รถที่ผมใช้เป็น แคปติว่าดีเซล อายุการใช้งาน 9 ปีกว่า
30 ต.ค. ผมกลับมาจากต่างจังหวัด ด้วยรถคันนี้ มาเติมปั๊มน้ำมันบางจากไป 800 บาท(เหลือน้ำมันเดิมประมาณ 1/3ถัง) หลังเติมก็ขับรถกลับบ้าน ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ
31 ต.ค. เช้าจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ผมปรากฏว่า ต้องบิดสตาร์ทนานราวสี่วินาที ถึงจะสตาร์ทติด(ในใจคิดว่าน่าจะเป็นจากแบตเตอรี่เสื่อม) หลังไปส่งลูกที่โรงเรียน ก็ไปตลาดซื้อกับข้าวเข้าบ้าน ก่อนออกจากตลาดก็บิดสตาร์ทนานเหมือนเดิม เลยไปที่ร้านแบตเตอรี่ เจ้าของร้านมาวัดกำลังไฟให้ ผลCCAกับVolt ก็ปกติดี ผมบอกไปว่าเปลี่ยนแบตเลย เจ้าของร้านว่า เปลี่ยนไปก็ไม่มีประโยชน์(แบตลูกนี้ ปีสามเดือน) เลยตัดสินใจไม่เปลี่ยน
กลัวจะไปทำงานสาย เลยไปทำงานก่อนแล้วค่อยเข้าศูนย์ช่วงบ่าย
หลังกินข้างเที่ยง ก็สตาร์ทรถ คราวนี้ ต้องสตาร์ทสามครั้ง ครั้งละ 4-5วินาที ถึงจะติด(ใจชักเสียแล้ว กลัวดับกลางทาง) แต่ก็ยังฝืนขับต่อ(ที่ทำงานอยู่ห่างจากศูนย์ 20 กม.) พอมาถึงยูเทิร์นซึ่งเกือบจะถึงศูนย์อีก 100 เมตร ปรากฎว่า รถเข้าสู่เซฟโหมด ทำความเร็วได้ไม่เกิน 60กม./ชม. คราวนี้เครียดเลย เพราะถนนสี่เลน(รถวิ่งกันเร็ว) เร่งความเร็วรถก็ได้แค่นั้น ภาวนาให้ถึงศูนย์ สุดท้ายก็ถึงครับ แถมมีสัญลักษณ์ขึ้นที่แผงหน้าปัดรถเพียบ งานนี้เดาว่าอาจจะเป็นที่เครื่องยนต์ น่าจะเสียหายหลายแสน(และอาจจะจะต้องซื้อรถคันใหม่

)
จากการตรวจสอบของศูนย์ ผลปรากฏว่า มีความผิดปกติที่น้ำมันครับ คือมีเบนซินผสมดีเซล ก็ต้องล้างหัวฉีด เปลี่ยนกรองดีเซล หมดไปสี่พันกว่าบาท
ผมให้ศูนย์เขียนเลยว่าเกิดจากปัญหาน้ำมันเบนซินผสมดีเซล ขอสำเนาพร้อมลายมือชื่อช่างเรียบร้อย
ตอนแรกว่าจะไปที่ปั๊ม แต่เคยอ่านว่าหลายปั๊มที่ผู้จัดการไม่รับผิดชอบเต็มร้อย เช่น จากข่าวนี้
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1824868
เลยเปลี่ยนใจโทรหา call center บางจากดีกว่า โทร 0 2335 4999 ปรากฏว่าเป็นเบอร์โรงกลั่น ไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนปั๊ม แต่จนท.ให้อีกเบอร์มา แต่ผมโทรอีกเบอร์ตามบัตรสมาชิก โทร
025765678 จนท.รับไวมาก ถามเรื่องเลขบัตรสมาชิก วันที่ไปเติม จำนวนเงินที่เติม หัวจ่ายอยู่ตรงไหนที่เติม เขาบอกรับเรื่องไว้ จะดูกล้องวงจรปิดจากปั๊ม แล้วจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด ผมก็ถามไปว่า เร็วนี่กี่ชม. คำตอบคือใน 24 ชม.(มันเร็วตรงไหนนี่)
แต่อีกสามชั่วโมงถัดมา มีจนท.โทรกลับมาบอกว่าเป็นตัวแทนขายน้ำมันบางจากของสาขานี้(อันนี้เร็วจริง) บอกว่าดูกล้องวงจรปิดแล้ว เด็กปั๊มเติมผิดจริง จึงนัดให้มาที่ปั๊มเพื่อจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งผมไม่สะดวก ณ ตอนนั้น ขอเลื่อนเป็นอีกวันช่วงเย็นแทน ขอเอกสารจากศูนย์ซ่อมมาด้วย
1 พ.ย. ราวห้าโมงครึ่ง ช่วงเย็น จนท.ปั๊มเดิมมาบอกว่า ขอสำเนาบัตรประชาชน(อันนี้ไม่มีปัญหา ก็ยื่นบัตรประชาชน แล้วให้เขาไปถ่าย)และสำเนาทะเบียนบ้าน(ใครมันจะพกติดตัวล่ะนี่ แล้วไม่บอกผมมาก่อนด้วยว่าต้องเอาสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย) ดีที่แฟนอยู่บ้าน เลยถ่ายรูปสำเนาทะเบียนบ้านส่งมาทางไลน์ แล้วผมก็ส่งให้ จนท.ไปพิมพ์สำเนาต่อ จากนั้นจนท.ถ่ายรูปรถ พร้อมกับฝาถังน้ำมันที่เขียนว่าดีเซล
เขาจะแยกจ่ายสองส่วนนะครับ คือ1.ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซ่อม 2.ค่าน้ำมันที่เติม 800บาท + ค่าน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง 1/3 ซึ่งทางปั๊มจะไปไล่บี้ให้เด็กปั๊มจ่ายต่อไปอีกที(จริงๆ จะขอค่าเสียเวลาด้วย แต่พอบอกว่าไปไล่บี้เด็กปั๊ม ผมไม่เอาอันนี้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า ค่าเสียเวลาเขาคิดกันยังไง)
สิ่งที่ผมได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
1. เติมน้ำมันทุกครั้ง ต้องลงไปดูว่า หัวจ่ายน้ำมัน ตรงกับที่เราต้องการไหม
2. บัตรสมาชิกปั๊มน้ำมันมีประโยชน์ โทรหาบัตรสมาชิก จะตรวจสอบย้อนหลังง่ายมาก
3. โทรหา call center น่าจะดีกว่าไปคุยกับปั๊มเอง เพราะเหตุการณ์ที่รถมีปัญหา ไม่ได้เกิด ณ ตรงปั๊ม
4. เซฟโหมด ช่วยให้รถไม่เสียหายมากเกินไป
5. ต้องคุยรายละเอียดว่า เอกสารที่ต้องการมีอะไรบ้าง จะได้เตรียมไปถูก
6. ผมจะไปเติมน้ำมันที่เติมประจำดีกว่า(ปกติเป็นเอสโซ่กับเชลล์ครับ) สบายใจกว่า
มีข้อสงสัย
1. น้ำมันเบนซินต้องมีอย่างน้อยกี่ %ของน้ำมันทั้งหมด ถึงจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ณ ปั๊มตรงนั้น
2. น้ำมันเบนซิน มีมากสุดไม่เกินกี่%ของน้ำมันทั้งหมด ที่ทำให้รถทำงานได้ปกติ(สมัยก่อน มีคนบอกผมว่า เขาจะเติมเบนซินใส่ดีเซล เพื่อลดควันดำ)
3. เบนซิน 91,95 หรือ แก๊สโซฮอลล์91,95 ส่งผลกับเครื่องยนต์ดีเซลต่างกันไหม
4. ถ้าปั๊มปฏิเสธ หรือ จ่ายค่าเสียหายไม่ครบ เราจะทำอย่างไรต่อไป
5. เด็กปั๊ม จะโดนหักเงินยังไง
6. ทำไมปั๊ม ถึงไม่เอาน้ำมันประเภทเดียวกัน มาอยู่ตู้เดียวกัน(ตู้ที่จ่ายน้ำมันให้ผมนี่ หัวนึง 91 อีกหัวดีเซล)
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
เมื่อรถยนต์ผมสตาร์ทติดยาก ปัญหาไม่ได้มาจากแบตเตอรี่หรือปั๊มติ๊ก แต่เกิดจากน้ำมัน
รถที่ผมใช้เป็น แคปติว่าดีเซล อายุการใช้งาน 9 ปีกว่า
30 ต.ค. ผมกลับมาจากต่างจังหวัด ด้วยรถคันนี้ มาเติมปั๊มน้ำมันบางจากไป 800 บาท(เหลือน้ำมันเดิมประมาณ 1/3ถัง) หลังเติมก็ขับรถกลับบ้าน ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ
31 ต.ค. เช้าจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ผมปรากฏว่า ต้องบิดสตาร์ทนานราวสี่วินาที ถึงจะสตาร์ทติด(ในใจคิดว่าน่าจะเป็นจากแบตเตอรี่เสื่อม) หลังไปส่งลูกที่โรงเรียน ก็ไปตลาดซื้อกับข้าวเข้าบ้าน ก่อนออกจากตลาดก็บิดสตาร์ทนานเหมือนเดิม เลยไปที่ร้านแบตเตอรี่ เจ้าของร้านมาวัดกำลังไฟให้ ผลCCAกับVolt ก็ปกติดี ผมบอกไปว่าเปลี่ยนแบตเลย เจ้าของร้านว่า เปลี่ยนไปก็ไม่มีประโยชน์(แบตลูกนี้ ปีสามเดือน) เลยตัดสินใจไม่เปลี่ยน
กลัวจะไปทำงานสาย เลยไปทำงานก่อนแล้วค่อยเข้าศูนย์ช่วงบ่าย
หลังกินข้างเที่ยง ก็สตาร์ทรถ คราวนี้ ต้องสตาร์ทสามครั้ง ครั้งละ 4-5วินาที ถึงจะติด(ใจชักเสียแล้ว กลัวดับกลางทาง) แต่ก็ยังฝืนขับต่อ(ที่ทำงานอยู่ห่างจากศูนย์ 20 กม.) พอมาถึงยูเทิร์นซึ่งเกือบจะถึงศูนย์อีก 100 เมตร ปรากฎว่า รถเข้าสู่เซฟโหมด ทำความเร็วได้ไม่เกิน 60กม./ชม. คราวนี้เครียดเลย เพราะถนนสี่เลน(รถวิ่งกันเร็ว) เร่งความเร็วรถก็ได้แค่นั้น ภาวนาให้ถึงศูนย์ สุดท้ายก็ถึงครับ แถมมีสัญลักษณ์ขึ้นที่แผงหน้าปัดรถเพียบ งานนี้เดาว่าอาจจะเป็นที่เครื่องยนต์ น่าจะเสียหายหลายแสน(และอาจจะจะต้องซื้อรถคันใหม่
จากการตรวจสอบของศูนย์ ผลปรากฏว่า มีความผิดปกติที่น้ำมันครับ คือมีเบนซินผสมดีเซล ก็ต้องล้างหัวฉีด เปลี่ยนกรองดีเซล หมดไปสี่พันกว่าบาท
ผมให้ศูนย์เขียนเลยว่าเกิดจากปัญหาน้ำมันเบนซินผสมดีเซล ขอสำเนาพร้อมลายมือชื่อช่างเรียบร้อย
ตอนแรกว่าจะไปที่ปั๊ม แต่เคยอ่านว่าหลายปั๊มที่ผู้จัดการไม่รับผิดชอบเต็มร้อย เช่น จากข่าวนี้ https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1824868
เลยเปลี่ยนใจโทรหา call center บางจากดีกว่า โทร 0 2335 4999 ปรากฏว่าเป็นเบอร์โรงกลั่น ไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนปั๊ม แต่จนท.ให้อีกเบอร์มา แต่ผมโทรอีกเบอร์ตามบัตรสมาชิก โทร 025765678 จนท.รับไวมาก ถามเรื่องเลขบัตรสมาชิก วันที่ไปเติม จำนวนเงินที่เติม หัวจ่ายอยู่ตรงไหนที่เติม เขาบอกรับเรื่องไว้ จะดูกล้องวงจรปิดจากปั๊ม แล้วจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด ผมก็ถามไปว่า เร็วนี่กี่ชม. คำตอบคือใน 24 ชม.(มันเร็วตรงไหนนี่)
แต่อีกสามชั่วโมงถัดมา มีจนท.โทรกลับมาบอกว่าเป็นตัวแทนขายน้ำมันบางจากของสาขานี้(อันนี้เร็วจริง) บอกว่าดูกล้องวงจรปิดแล้ว เด็กปั๊มเติมผิดจริง จึงนัดให้มาที่ปั๊มเพื่อจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งผมไม่สะดวก ณ ตอนนั้น ขอเลื่อนเป็นอีกวันช่วงเย็นแทน ขอเอกสารจากศูนย์ซ่อมมาด้วย
1 พ.ย. ราวห้าโมงครึ่ง ช่วงเย็น จนท.ปั๊มเดิมมาบอกว่า ขอสำเนาบัตรประชาชน(อันนี้ไม่มีปัญหา ก็ยื่นบัตรประชาชน แล้วให้เขาไปถ่าย)และสำเนาทะเบียนบ้าน(ใครมันจะพกติดตัวล่ะนี่ แล้วไม่บอกผมมาก่อนด้วยว่าต้องเอาสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย) ดีที่แฟนอยู่บ้าน เลยถ่ายรูปสำเนาทะเบียนบ้านส่งมาทางไลน์ แล้วผมก็ส่งให้ จนท.ไปพิมพ์สำเนาต่อ จากนั้นจนท.ถ่ายรูปรถ พร้อมกับฝาถังน้ำมันที่เขียนว่าดีเซล
เขาจะแยกจ่ายสองส่วนนะครับ คือ1.ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซ่อม 2.ค่าน้ำมันที่เติม 800บาท + ค่าน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง 1/3 ซึ่งทางปั๊มจะไปไล่บี้ให้เด็กปั๊มจ่ายต่อไปอีกที(จริงๆ จะขอค่าเสียเวลาด้วย แต่พอบอกว่าไปไล่บี้เด็กปั๊ม ผมไม่เอาอันนี้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า ค่าเสียเวลาเขาคิดกันยังไง)
สิ่งที่ผมได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
1. เติมน้ำมันทุกครั้ง ต้องลงไปดูว่า หัวจ่ายน้ำมัน ตรงกับที่เราต้องการไหม
2. บัตรสมาชิกปั๊มน้ำมันมีประโยชน์ โทรหาบัตรสมาชิก จะตรวจสอบย้อนหลังง่ายมาก
3. โทรหา call center น่าจะดีกว่าไปคุยกับปั๊มเอง เพราะเหตุการณ์ที่รถมีปัญหา ไม่ได้เกิด ณ ตรงปั๊ม
4. เซฟโหมด ช่วยให้รถไม่เสียหายมากเกินไป
5. ต้องคุยรายละเอียดว่า เอกสารที่ต้องการมีอะไรบ้าง จะได้เตรียมไปถูก
6. ผมจะไปเติมน้ำมันที่เติมประจำดีกว่า(ปกติเป็นเอสโซ่กับเชลล์ครับ) สบายใจกว่า
มีข้อสงสัย
1. น้ำมันเบนซินต้องมีอย่างน้อยกี่ %ของน้ำมันทั้งหมด ถึงจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ณ ปั๊มตรงนั้น
2. น้ำมันเบนซิน มีมากสุดไม่เกินกี่%ของน้ำมันทั้งหมด ที่ทำให้รถทำงานได้ปกติ(สมัยก่อน มีคนบอกผมว่า เขาจะเติมเบนซินใส่ดีเซล เพื่อลดควันดำ)
3. เบนซิน 91,95 หรือ แก๊สโซฮอลล์91,95 ส่งผลกับเครื่องยนต์ดีเซลต่างกันไหม
4. ถ้าปั๊มปฏิเสธ หรือ จ่ายค่าเสียหายไม่ครบ เราจะทำอย่างไรต่อไป
5. เด็กปั๊ม จะโดนหักเงินยังไง
6. ทำไมปั๊ม ถึงไม่เอาน้ำมันประเภทเดียวกัน มาอยู่ตู้เดียวกัน(ตู้ที่จ่ายน้ำมันให้ผมนี่ หัวนึง 91 อีกหัวดีเซล)
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ