สวัสดีค่ะวันนี้ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องธุรกิจนะคะ แต่จะมาเล่าเส้นทางก่อนที่จะมาทำอาชีพธุรกิจร้านอาหาร เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เราดันจับพลัดจับผลูได้เข้าไปทำงานค่ะ แล้วมันก็เป็นงานแรกในชีวิต คือ แอร์โฮสเตสค่ะ ซึ่งเราทำได้ 2 ปีก็ออกมาทำธุรกิจและงานเสริมเป็นโคนันในร้านตัวเองนี่แหละค่ะ เราตั้งใจเขียนขึ้นมาเล่าเรื่องราวสนุกๆ และไม่สนุก ดราม่า โรแมนติก คอมเมดี้ให้อ่านกันนะคะ เป็นประสบการณ์ที่เราได้เจอมาค่ะ ท้าวความไปไกลๆนู่นเลยค่ะประมาณ 10 ปีที่แล้ว เราเรียนจบแล้ว เหลือแค่รอรับปริญญาค่ะ ตอนนั้นจบการศึกษาก็มีความคิดอยากจะสมัครงาน ซึ่งตอนนั้นอาชีพลูกเรือ (ขอเรียกสั้นว่าแอร์นะคะ) ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เรากรอกใบสมัครแล้วไปสอบสัมภาษณ์กับคนอื่นๆเค้า ที่แรกที่เราเลือกสมัครเป็นสายการบินของญี่ปุ่นค่ะ เข้าไปถึงคือช๊อคค่ะ คนมาสมัครเยอะมากๆๆๆๆๆ ทุกคนดู จะหวีผมแสกข้าง แต่งหน้าอ่อน นอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตนมาก นึกภาพตามนะคะว่าเวลาแนะนำตัวกันกับเพื่อนเก้าอี้ข้างๆจะต้องใช้เสียงสองซึ่งก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แถมยังก้มๆคุยกัน เหมือนหาอะไรอยู่ 555 นี่ขนาดยังไม่ไปญี่ปุ่นยังก้มกันสุภาพขนาดนี้ ถ้าไปอยู่แล้วจะขนาดไหน ในห้องสัมภาษณ์จะมีกรรมการเป็นคนญี่ปุ่นค่ะคนสมัครสัมภาษณ์พร้อมกัน 5 คน เพื่อคัดรอบแรกซึ่ง!! เราไม่ได้ไปต่อค่ะ คือ ตกรอบแรกเลย😂😂 ก็ไม่ได้เสียใจค่ะ เพราะรู้ว่าคงไม่ใช่แนวเราแน่ๆ เฉยๆค่ะ คิดอยู่ว่าจะหางานทำตามเพื่อนๆนั่นแหละ จนวันนึงลูกพี่ลูกน้องเราโทรมาชวนให้ไปสมัครเป็นเพื่อนค่ะ ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เรซูเม่ก็ไม่พร้อม ก็ปริ๊นท์ไปแบบก๊อปปี้ของญาตินั่นแหละค่ะ ไปถึงก็เข้าคิวสมัคร คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ จำได้คร่าวๆว่าไม่ถึง 1,000 คน ครั้งนี้เป็นสายการบินตะวันออกกลางค่ะ คนมาสมัครจะต่างกับครั้งที่แล้วคือ จะดูมั่นๆหน่อย เรากรอกใบสมัคร ซึ่งเค้าจะดูส่วนสูงก่อนเลยค่ะ และให้แตะผนังสูงเกินราวๆ 210เซนต์ เราผ่านเกณฑ์ค่ะ เข้ารอบถัดไปค่ะ รอบ 2 เป็นรอบที่ให้กรอกเอกสารซึ่งเราจำได้คร่าวๆว่า เค้ามีขอตรวจหน้าเราด้วย กรรมการจับหน้าเราไปส่องใต้โคมไฟแล้วพูดมาคำนึงว่า Can you fix your eyebrows and come again? คือ ผ่านค่ะ โดนคอมเม้นท์แค่เรื่องคิ้วรก ไม่ได้กันไปวันนั้น วันต่อมาเราแต่งจัดเต็มเลยค่ะ คิ้วเรียงเส้นส๊วยยย สโมคกี้อาย ถมตาดำไปเลยค่ะ กรรมการให้เดินให้ดู ให้นั่งให้ดูอย่างกับประกวดนางงามแน่ะ และมีสัมภาษณ์ประมาณ 3 คำถาม ซึ่งแต่ละคนจะได้คำถามไม่เหมือนกัน ของเราคือ 1.รู้มั้ยเป็นลูกเรือต้องทำอะไรบ้าง? 2.ทำไมถึงอยากมาเป็นลูกเรือ? และ คำถามสุดท้าย ถ้าเธอติดเกาะของ 3 อย่างที่เธอจะนำไปด้วยคืออะไรบ้าง เราตอบไปว่า 1.อาหาร 2.เพื่อน และ 3.หวงยางเอาไปเล่นน้ำกับเพื่อนค่ะ กรรมการหัวเราะแล้วบอกว่า เดี๋ยวรอนะว่าจะมีอีเมล์ไปให้ว่าได้หรือไม่ เรารออีเมล์จนในที่สุดมีอีเมล์มา ว่า ยินดีต้อนรับสู่สายการบิน.... เห้ยยยยย..เราผ่าน เราดีใจมากค่ะ เพราะเราได้งานทำแล้วได้ตั้งแต่ยังไม่รับปริญญาด้วยซ้ำ แต่ๆๆๆ หารู้ไม่ความบันเทิงมันกำลังจะเกิดขึ้นค่ะ
.
ปล.การสมัครแอร์สมัยนี้เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนแล้วนะคะ เรากำลังเล่าอดีตชาติของเราให้ฟังนะคะ😆
เมื่อเราส่งเอกสารไปจนครบและรอเวลาที่จะต้องเดินทางไปทำงาน คือเราต้องไปเบสที่ประเทศของสายการบินนะคะ ก็มีความตื่นเต้นเล็กน้อยค่ะ เพราะไม่เคยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานๆ จัดกระเป๋าแบบไม่รู้จะเอาอะไรไปบ้าง เตรียมแค่ชุดสูทเอาไว้สำหรับใส่ไปเทรนที่นั่น 3 เดือนค่ะ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ชุดลำลองมีนิดหน่อย และแล้ววันเดินทางก็มาถึง คุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวและเพื่อนๆตามไปส่งที่สนามบิน บรรยากาศวันนั้นเรายังจำได้ เพื่อนๆที่จะไปกับเรามีทั้งหมด 24 คน ทุกคนดูเป็นสาวมั่นกันทั้งนั้นค่ะเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ตอนนั้นภาพแรกที่เห็นในเคบินคือ แอร์โฮสเตส สวยๆที่เป็นรุ่นพี่กำลังทำเซอร์วิสอยู่ สวยจังเลย เราคิดในใจ จากนั้นเราก็หลับไปค่ะ555 หลับไปนานสิบชั่วโมง จนถึงจุดหมายเลยค่ะ พอถึงสนามบินประจำชาติปุ๊ป ช๊อคค่ะ นี่หรือคือสนามบิน!! หัวลำโพงบ้านเราใหญ่กว่าอีก เดินไปขึ้นรถประจำทางที่มารับเพื่อไปส่งที่พัก กรี๊ดอีกแล้วค่ะ ไม่มีแอร์ เป็นเหมือนรถบัสส้มต่างจังหวัดเลยค่ะ นั่งไปลมตีหน้าไป ไกลด้วยคิดไปตลอดทางเรามาทำอะไรที่นี่ จะโดนหลอกมาขายรึป่าว555 แต่ก็ใจดีสู้เสือค่ะเพราะเรายังมีเพื่อนอีก 24 ชีวิตที่ลงเรือลำเดียวกัน(สมัยนั้นยังไม่มี line facebook whatsaap มีแค่ Hi5 MSN และ อีเมล์ค่ะ ซึ่งเราไม่ได้เอาคอมพิวเตอร์ไปเราจึงทำได้แค่Text หาที่บ้านว่า เราถึงแล้วนะ สั้นๆเหมือนกับโทรเลขเลยค่ะ) เมื่อรถบัสหวานเย็นขับพาเราและเพื่อนมาถึงที่พัก...เฮ้อออ โล่งเป็นโรงแรมค่ะ ค่อนข้างดีเลยทีเดียวระดับ 4 ดาวเลยค่ะ ใจชื้นขึ้นหน่อยว่าเค้าคงไม่หลอกดาวหรอกนะ
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ
ใครยังจำความทรงจำเกี่ยวกับงานแรกของตัวเองได้บ้าง แอร์ฯ(เก่า) อยากเล่า
.
ปล.การสมัครแอร์สมัยนี้เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนแล้วนะคะ เรากำลังเล่าอดีตชาติของเราให้ฟังนะคะ😆
เมื่อเราส่งเอกสารไปจนครบและรอเวลาที่จะต้องเดินทางไปทำงาน คือเราต้องไปเบสที่ประเทศของสายการบินนะคะ ก็มีความตื่นเต้นเล็กน้อยค่ะ เพราะไม่เคยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานๆ จัดกระเป๋าแบบไม่รู้จะเอาอะไรไปบ้าง เตรียมแค่ชุดสูทเอาไว้สำหรับใส่ไปเทรนที่นั่น 3 เดือนค่ะ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ชุดลำลองมีนิดหน่อย และแล้ววันเดินทางก็มาถึง คุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวและเพื่อนๆตามไปส่งที่สนามบิน บรรยากาศวันนั้นเรายังจำได้ เพื่อนๆที่จะไปกับเรามีทั้งหมด 24 คน ทุกคนดูเป็นสาวมั่นกันทั้งนั้นค่ะเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ตอนนั้นภาพแรกที่เห็นในเคบินคือ แอร์โฮสเตส สวยๆที่เป็นรุ่นพี่กำลังทำเซอร์วิสอยู่ สวยจังเลย เราคิดในใจ จากนั้นเราก็หลับไปค่ะ555 หลับไปนานสิบชั่วโมง จนถึงจุดหมายเลยค่ะ พอถึงสนามบินประจำชาติปุ๊ป ช๊อคค่ะ นี่หรือคือสนามบิน!! หัวลำโพงบ้านเราใหญ่กว่าอีก เดินไปขึ้นรถประจำทางที่มารับเพื่อไปส่งที่พัก กรี๊ดอีกแล้วค่ะ ไม่มีแอร์ เป็นเหมือนรถบัสส้มต่างจังหวัดเลยค่ะ นั่งไปลมตีหน้าไป ไกลด้วยคิดไปตลอดทางเรามาทำอะไรที่นี่ จะโดนหลอกมาขายรึป่าว555 แต่ก็ใจดีสู้เสือค่ะเพราะเรายังมีเพื่อนอีก 24 ชีวิตที่ลงเรือลำเดียวกัน(สมัยนั้นยังไม่มี line facebook whatsaap มีแค่ Hi5 MSN และ อีเมล์ค่ะ ซึ่งเราไม่ได้เอาคอมพิวเตอร์ไปเราจึงทำได้แค่Text หาที่บ้านว่า เราถึงแล้วนะ สั้นๆเหมือนกับโทรเลขเลยค่ะ) เมื่อรถบัสหวานเย็นขับพาเราและเพื่อนมาถึงที่พัก...เฮ้อออ โล่งเป็นโรงแรมค่ะ ค่อนข้างดีเลยทีเดียวระดับ 4 ดาวเลยค่ะ ใจชื้นขึ้นหน่อยว่าเค้าคงไม่หลอกดาวหรอกนะ
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ