ต่อจาก
CHAPTER 1 https://pantip.com/topic/39455402 ที่ได้เล่าตำนานและเรื่องราวของ
Revolver ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ต้องถูกแทนที่โดยปืนออโตเมติกในที่สุด
ถึงแม้จะบอกว่าปืนลูกโม่จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคปัจจุบัน แต่ในแนวคิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองทัพ รวมถึงหน่วยพิเศษต่างๆในสงครามยุคใหม่อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในยุคปัจจุบัน รูปแบบการสู้รบ รวมถึงภารกิจในการต่อต้านการก่อการร้ายนั้นย่อมมีการเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาไปตามยุคสมัย
ข้อจำกัดของปืนลูกโม่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่บรรจุกระสุนได้เพียงแค่ 5-6 นัด ซึ่งอาจจะเพียงพอในการใช้ระดับพลเรือนในการป้องกันตัว หรือเก็บเอาไว้เฝ้าบ้านกันขโมย ถึงแม้จะจุแค่ 6 นัด ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ซึ่งข้อจำกัดด้านความจุกระสุนดังกล่าว อาจจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานระดับกองทัพ หรือหน่วยงานตำรวจ ที่หันมาเลือกใช้ปืนออโตเมติก หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า ปืนแมกกาซีน ที่จุได้ตั้งแต่ 7 นัดไปจนถึง 17 นัดเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับขนาดกระสุน และขนาดของปืน และการบรรจุกระสุนโดยใช้แมกกาซีน ย่อมรวดเร็วกว่าการใช้กระสุนเติมในโม่ทีละนัดอยู่แล้ว ซึ่งการที่จุกระสุนได้เยอะกว่าและเร็วกว่าย่อมมีความได้เปรียบในการทำภารกิจ และการทำสงครามอยู่แล้ว
โดยก่อนที่เราจะพูดถึงปืนออโตเมติกในยุคปัจจุบันนั้น เราลองมาย้อนไปดูในยุคแรกเริ่มของปืนออโตเมติกกัน เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของหนึ่งในตำนานปืนพกออโตเมติกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
The Chosen One and the Legendary 1911
เราได้พูดถึงปืนลูกโม่ Colt Single Action Army ไปแล้ว ซึ่งเป็นปืนประจำตัวมาตรฐานของของทัพสหรัฐจนถึงปี 1892 และหลักจากนั้นก็ถูกแทนที่โดยปืนลูกโม่ระบบ Double Action อย่าง Colt M1892 และ Colt 1909 ตามลำดับ
จนกระทั่งในปี 1911 บริษัท Colt และ นาย John Browning ได้ สร้างตำนานบทใหม่ให้แก่โลกของอาวุธปืนอย่างแท้จริง โดยการผลิต Colt M1911 .45 ซึ่งถือเป็นปืนพกระบบออโตเมติกกระบอกแรกที่เข้าประจำเป็นปืนพกประจำตัวกระบอกใหม่ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
ซึ่งจุดเด่นของ M1911 นั้นคือความแม่นยำและอำนาจหยุดยั้งที่สูงมาก จากกระสุนขนาด .45 ACP ที่สามารถล้มข้าศึกได้ตั้งแต่กระสุนนัดแรก เมื่อเทียบกับกระสุนจากฝั่งเยอรมัน อย่าง 9mm Prabellum ที่มีอำนาจหยุดยั้งต่ำกว่า รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ด้วยระบบเซฟตี้ล็อกไก/ล็อกนกสับ และระบบเซฟหลังอ่อน ที่ถ้าหากไม่มีการกำด้ามปืน ปืนจะไม่มีทางลั่นเด็ดขาด ทำให้กองทัพสหรัฐสั่งซื้อเข้าประจำการทันที

(เหล่าทหารสหรัฐกำลังฝึกฝนการยิง M1911A1 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
โดย M1911 นั้นได้ผ่านสงครามครั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐและของโลกมาแล้วมากมาย โดยถูกเริ่มใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และพัฒนามาเป็น M1911A1 เพื่อใช้ต่อในสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม
นอกจากนี้ M1911 ไม่ได้ถูกใช้แค่ภายในกองทัพสหรัฐเท่านั้น M1911 ยังได้รับการยอมรับจากกองทัพต่างๆจากทั่วโลกและได้เลือกใช้ปืนกระบอกนี้กันอย่างแพร่หลาย แม้แต่ในประเทศไทยก็ได้เลือกใช้ M1911A1 เป็นปืนพกประจำกายในชื่อ ปพ.86

(M1911 และ M1911A1)
The Undying One
คำว่า “ไม่มีสิ่งใดจีรัง” เป็นสัจธรรมที่ทุกสิ่งนั้นล้วนต้องมีวันดับสลาย แต่แนวคิดนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับ Colt M1911
เพราะถึงแม้ในปี 1985 กองทัพสหรัฐจะได้ปืนประจำการใหม่อย่าง Beretta M9 มาแทนที่ แต่ความนิยมของ M1911 ก็ไม่ได้เสื่อมสลายลงแม้แต่น้อย นับเป็นระยะเวลากว่า 108 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1911 ที่ปืนกระบอกนี้ได้ถูกผลิตขึ้น จนถึงยุคปัจจุบันในบางหน่วยหรือในบางกองทัพจากหลากหลายประเทศ ยังคงมีการใช้ M1911 เป็นปืนประจำการอยู่โดยทั่วไป
และในระยะเวลาต่อมา หลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองปืนของ M1911 นั้นหมดอายุไป บริษัทผลิตปืนหลากหลายบริษัทก็ได้นำโมเดลของ Colt M1911 มาผลิตและพัฒนาต่อมากมาย รวมถึงเหล่านักแต่ง นักสะสมปืนก็ได้นำ M1911 มาทำการดัดแปลงทำให้เกิด M1911 ในรูปลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างออกไป จนทำให้เกิดกลุ่มผู้คนที่รักและหลงใหลในปืนกระบอกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

(สุดยอดปืนพกจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ได้โมเดลต้นแบบมาจาก COLT M1911)
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน M1911 ก็ยังคงเอกลักษณ์และความคลาสสิคแบบดั้งเดิม และรักษาคุณค่าในแบบที่มันเป็นไว้ไม่มีวันเสื่อมสลาย ทำให้ M1911 ถูกยกย่องให้เป็นปืนในตำนานเหนือปืนพกหลายกระบอก และเป็นหนึ่งในปืนที่มีเสน่ห์ที่สุด และดีที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา
ตำนานของ
เพชฌฆาตกระบอกสั้น ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ สานตำนานต่อไปใน
CHAPTER 3 https://pantip.com/topic/39455406 กับเรื่องราวของ
“GLOCK”
ตำนานเพชฌฆาตกระบอกสั้น CHAPTER 2 "M1911"
ถึงแม้จะบอกว่าปืนลูกโม่จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคปัจจุบัน แต่ในแนวคิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองทัพ รวมถึงหน่วยพิเศษต่างๆในสงครามยุคใหม่อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในยุคปัจจุบัน รูปแบบการสู้รบ รวมถึงภารกิจในการต่อต้านการก่อการร้ายนั้นย่อมมีการเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาไปตามยุคสมัย
ข้อจำกัดของปืนลูกโม่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่บรรจุกระสุนได้เพียงแค่ 5-6 นัด ซึ่งอาจจะเพียงพอในการใช้ระดับพลเรือนในการป้องกันตัว หรือเก็บเอาไว้เฝ้าบ้านกันขโมย ถึงแม้จะจุแค่ 6 นัด ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ซึ่งข้อจำกัดด้านความจุกระสุนดังกล่าว อาจจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานระดับกองทัพ หรือหน่วยงานตำรวจ ที่หันมาเลือกใช้ปืนออโตเมติก หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า ปืนแมกกาซีน ที่จุได้ตั้งแต่ 7 นัดไปจนถึง 17 นัดเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับขนาดกระสุน และขนาดของปืน และการบรรจุกระสุนโดยใช้แมกกาซีน ย่อมรวดเร็วกว่าการใช้กระสุนเติมในโม่ทีละนัดอยู่แล้ว ซึ่งการที่จุกระสุนได้เยอะกว่าและเร็วกว่าย่อมมีความได้เปรียบในการทำภารกิจ และการทำสงครามอยู่แล้ว
โดยก่อนที่เราจะพูดถึงปืนออโตเมติกในยุคปัจจุบันนั้น เราลองมาย้อนไปดูในยุคแรกเริ่มของปืนออโตเมติกกัน เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของหนึ่งในตำนานปืนพกออโตเมติกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
The Chosen One and the Legendary 1911
เราได้พูดถึงปืนลูกโม่ Colt Single Action Army ไปแล้ว ซึ่งเป็นปืนประจำตัวมาตรฐานของของทัพสหรัฐจนถึงปี 1892 และหลักจากนั้นก็ถูกแทนที่โดยปืนลูกโม่ระบบ Double Action อย่าง Colt M1892 และ Colt 1909 ตามลำดับ
จนกระทั่งในปี 1911 บริษัท Colt และ นาย John Browning ได้ สร้างตำนานบทใหม่ให้แก่โลกของอาวุธปืนอย่างแท้จริง โดยการผลิต Colt M1911 .45 ซึ่งถือเป็นปืนพกระบบออโตเมติกกระบอกแรกที่เข้าประจำเป็นปืนพกประจำตัวกระบอกใหม่ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
ซึ่งจุดเด่นของ M1911 นั้นคือความแม่นยำและอำนาจหยุดยั้งที่สูงมาก จากกระสุนขนาด .45 ACP ที่สามารถล้มข้าศึกได้ตั้งแต่กระสุนนัดแรก เมื่อเทียบกับกระสุนจากฝั่งเยอรมัน อย่าง 9mm Prabellum ที่มีอำนาจหยุดยั้งต่ำกว่า รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ด้วยระบบเซฟตี้ล็อกไก/ล็อกนกสับ และระบบเซฟหลังอ่อน ที่ถ้าหากไม่มีการกำด้ามปืน ปืนจะไม่มีทางลั่นเด็ดขาด ทำให้กองทัพสหรัฐสั่งซื้อเข้าประจำการทันที
(เหล่าทหารสหรัฐกำลังฝึกฝนการยิง M1911A1 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
โดย M1911 นั้นได้ผ่านสงครามครั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐและของโลกมาแล้วมากมาย โดยถูกเริ่มใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และพัฒนามาเป็น M1911A1 เพื่อใช้ต่อในสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม
นอกจากนี้ M1911 ไม่ได้ถูกใช้แค่ภายในกองทัพสหรัฐเท่านั้น M1911 ยังได้รับการยอมรับจากกองทัพต่างๆจากทั่วโลกและได้เลือกใช้ปืนกระบอกนี้กันอย่างแพร่หลาย แม้แต่ในประเทศไทยก็ได้เลือกใช้ M1911A1 เป็นปืนพกประจำกายในชื่อ ปพ.86
(M1911 และ M1911A1)
The Undying One
คำว่า “ไม่มีสิ่งใดจีรัง” เป็นสัจธรรมที่ทุกสิ่งนั้นล้วนต้องมีวันดับสลาย แต่แนวคิดนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับ Colt M1911
เพราะถึงแม้ในปี 1985 กองทัพสหรัฐจะได้ปืนประจำการใหม่อย่าง Beretta M9 มาแทนที่ แต่ความนิยมของ M1911 ก็ไม่ได้เสื่อมสลายลงแม้แต่น้อย นับเป็นระยะเวลากว่า 108 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1911 ที่ปืนกระบอกนี้ได้ถูกผลิตขึ้น จนถึงยุคปัจจุบันในบางหน่วยหรือในบางกองทัพจากหลากหลายประเทศ ยังคงมีการใช้ M1911 เป็นปืนประจำการอยู่โดยทั่วไป
และในระยะเวลาต่อมา หลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองปืนของ M1911 นั้นหมดอายุไป บริษัทผลิตปืนหลากหลายบริษัทก็ได้นำโมเดลของ Colt M1911 มาผลิตและพัฒนาต่อมากมาย รวมถึงเหล่านักแต่ง นักสะสมปืนก็ได้นำ M1911 มาทำการดัดแปลงทำให้เกิด M1911 ในรูปลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างออกไป จนทำให้เกิดกลุ่มผู้คนที่รักและหลงใหลในปืนกระบอกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
(สุดยอดปืนพกจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ได้โมเดลต้นแบบมาจาก COLT M1911)
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน M1911 ก็ยังคงเอกลักษณ์และความคลาสสิคแบบดั้งเดิม และรักษาคุณค่าในแบบที่มันเป็นไว้ไม่มีวันเสื่อมสลาย ทำให้ M1911 ถูกยกย่องให้เป็นปืนในตำนานเหนือปืนพกหลายกระบอก และเป็นหนึ่งในปืนที่มีเสน่ห์ที่สุด และดีที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา
ตำนานของ เพชฌฆาตกระบอกสั้น ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ สานตำนานต่อไปใน CHAPTER 3 https://pantip.com/topic/39455406 กับเรื่องราวของ “GLOCK”