“สุดา...เก็บนิ้วก้อยของฉันให้ทีสิ รู้สึกว่ามันจะหล่น แล้วกลิ้งเข้าไปอยู่ใต้เตียง”
เสียงแหบแห้งระคายหูดังออกจากปากแห้งกรังดำคล้ำ ของชายอายุหกสิบปีเศษผู้นอนนิ่งบนเตียงราคาแพง ด้วยอาการคนป่วยหนัก และร่างซูบผอมขาวซีดราวผีตายซาก หญิงสาววัยสามสิบต้น ๆ ที่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่อึดใจต่อมาก็ค่อยทรุดตัวลงกับพื้นห้อง ลงก้มมองใต้เตียง ควานมือไปมาครู่หนึ่งแล้วหยิบนิ้วก้อยข้างหนึ่งออกมา
นิ้วก้อยนั้นเย็นชืดขาวซีด เหมือนปราศจากเลือดและชีวิต บริเวณข้อต่อมีรอยช้ำ คล้ายขั้วผลไม้สุกเน่า ที่หลุดหล่นจากกิ่งเพราะโรคร้าย มีกลิ่นเหม็นสาบฉุนจมูกแบบแปลก หญิงสาวพยายามเก็บความรู้สึก ไม่สนใจกับกลิ่นเหม็น เก็บสีหน้าท่าทางให้เรียบเฉย ไม่ใส่ใจกับอาการสยองแสยงกับสิ่งที่อยู่ในมือ
รู้สึกเหมือนว่านิ้วก้อยข้างนั้นยังขยับไหวไปมาเล็กน้อย คล้ายปลิงควายตัวเขื่อง ที่เพิ่งตื่นนอนอย่างเกียจคร้าน แต่หิวกระหาย ลมกระโชกเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้กลิ่นสาบสางฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
.
ความตายที่ไม่ยอมตาย ...1 (สุดา)
“สุดา...เก็บนิ้วก้อยของฉันให้ทีสิ รู้สึกว่ามันจะหล่น แล้วกลิ้งเข้าไปอยู่ใต้เตียง”
เสียงแหบแห้งระคายหูดังออกจากปากแห้งกรังดำคล้ำ ของชายอายุหกสิบปีเศษผู้นอนนิ่งบนเตียงราคาแพง ด้วยอาการคนป่วยหนัก และร่างซูบผอมขาวซีดราวผีตายซาก หญิงสาววัยสามสิบต้น ๆ ที่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่อึดใจต่อมาก็ค่อยทรุดตัวลงกับพื้นห้อง ลงก้มมองใต้เตียง ควานมือไปมาครู่หนึ่งแล้วหยิบนิ้วก้อยข้างหนึ่งออกมา
นิ้วก้อยนั้นเย็นชืดขาวซีด เหมือนปราศจากเลือดและชีวิต บริเวณข้อต่อมีรอยช้ำ คล้ายขั้วผลไม้สุกเน่า ที่หลุดหล่นจากกิ่งเพราะโรคร้าย มีกลิ่นเหม็นสาบฉุนจมูกแบบแปลก หญิงสาวพยายามเก็บความรู้สึก ไม่สนใจกับกลิ่นเหม็น เก็บสีหน้าท่าทางให้เรียบเฉย ไม่ใส่ใจกับอาการสยองแสยงกับสิ่งที่อยู่ในมือ
รู้สึกเหมือนว่านิ้วก้อยข้างนั้นยังขยับไหวไปมาเล็กน้อย คล้ายปลิงควายตัวเขื่อง ที่เพิ่งตื่นนอนอย่างเกียจคร้าน แต่หิวกระหาย ลมกระโชกเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้กลิ่นสาบสางฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
.