ยิ่งลักษณ์ ปลื้ม ไปป์เป็นผจก.ทีมโรงเรียน นำแข่งรถจำลองเยาวชนโลก ก่อนคว้ารางวัล
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก แสดงความยินดีกับบุตรชาย ที่มาร่วม งานแข่งรถจำลองเยาวชนระดับโลก ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งขัน F1 Yas Marina Circuit เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยระบุว่า
ดีใจกับน้องไปป์และเพื่อนๆ นะคะที่ปีนี้ได้มีโอกาสมาแข่ง F1 in Schools World Finals 2019 ซึ่งเป็นงานแข่งรถจำลองเยาวชนระดับโลก ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งขัน F1 Yas Marina Circuit เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีผู้เข้าแข่งขันจากทั้งหมด 22 ประเทศ รวม 55 ทีม ถือว่าเป็นเวทีให้เยาวชนนักประดิษฐ์ทั่วโลกที่สนใจงานด้านวิศวกรรมได้แสดงความสามารถและทักษะฝีมือในการประดิษฐ์ ออกแบบและผลิตรถแข่งขนาดเล็ก หรือ F1 (Formula 1) โดยเน้นการเเข่งขันการออกแบบและประดิษฐ์รถแข่งที่วิ่งเร็วที่สุด ที่ต้องอาศัยการบูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันต้องออกแบบและผลิต โดยใช้เครื่องมือการออกแบบ CAD / CAM และขับเคลื่อนโดยใช้ CO2 ที่บังคับโดยระบบคอมพิวเตอร์
ปีนี้โรงเรียนฮาร์โรลส่งทีมนักเรียนร่วมแข่งขันในชื่อทีม Matrix Racing เป็นครั้งแรกโดยมีน้องไปป์เป็นผู้จัดการทีม และดีใจเป็นที่สุดที่ทีมนี้ไดัรับรางวัล Sustainability Award หรือ รางวัลด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะมีแนวคิดที่เรียกว่า Zero plastic waste โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประดิษฐ์และออกแบบด้วยการนำพลาสติกที่เหลือใช้มาเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดทำรถยนต์จำลอง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่น และที่สำคัญเป็นครั้งแรกของโรงเรียนในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ ตามรายงานจากเว็บไซต์ https://www.f1inschools.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ของผู้จัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการค่ะ
นับว่าเป็นความภูมิใจและปลื้มใจที่น้องไปป์และเพื่อนๆได้มาร่วมแข่งในครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ชีวิต และที่สำคัญทำให้เราได้เจอลูกบ่อยขึ้นเท่านี้ก็สุขใจเป็นที่สุดแล้วค่ะ
ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมรับศก.ซบเตือนสินค้าลดราคาติดหล่มยาว
https://www.komchadluek.net/news/economic/21466
โอกิลวี่แอ็คชั่น สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ชี้รัดเข็มขัดลดสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ซื้อเก็บตุนไว้ รอจังหวะลดราคาค่อยช็อป เตือนโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ทำให้ลูกค้าคาดหวังสินค้าถูก อาจขึ้นราคาไม่ได้หลังเศรษฐกิจฟื้น
บริษัท โอกิลวี่ แอ็คชั่น ในเครือโอกิลวี่กรุ๊ป เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภค เกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติการใช้จ่ายก่อนและหลังวิกฤติเศรษฐกิจใน 10 หมวด โดยเน้นกลุ่มแม่บ้านและผู้ซื้อทั่วไป ณ จุดขายภายในร้านค้าโมเดิร์นเทรดและซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 604 ตัวอย่าง พบว่า ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลดลง และจะซื้อเมื่อมีการลดราคา รวมทั้งมองหาสินค้าอื่นแทน หรือแม้กระทั่งหยุดซื้อ
ส่วนสินค้าจำเป็นยังได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากผู้ซื้อยังซื้อเท่าเดิม เช่น ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร ผัก ผลไม้ โดยผู้ซื้อไม่ให้ความสำคัญกับราคาเท่าใดนัก ขณะที่สินค้าที่มีความเสี่ยงปานกลาง พบว่า ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมจากการซื้อตุนมาเป็นซื้อเมื่อจำเป็น เช่น สินค้าหมวดข้าวสาร น้ำมันพืช ผงซักฟอก เครื่องดื่มทำจากนม
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าโปรโมชั่นลดราคาอาจได้ผลน้อย เนื่องจากระยะยาวผู้ซื้ออาจปฏิเสธผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เมื่อปรับราคาขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันยังพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 61% มีการตัดสินใจซื้อภายในร้านค้า โดยจำนวนนี้เน้นปริมาณสินค้า 32% ยี่ห้อ 21% และเน้นหมวดหมู่ 8% สินค้าที่ผู้ซื้อไม่ยึดติดยี่ห้อมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่สินค้าประเภทแป้ง รวมถึงข้าวผู้ซื้อจะเน้นยี่ห้อเป็นหลัก จึงเห็นว่าสินค้าดังกล่าวควรทำโปรโมชั่นราคาเพื่อความคุ้มค่า
"ในบางครั้งการลดราคาไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด การลดราคาเป็นการทำให้ผู้ซื้อคาดหวังกับราคาที่ถูกลง ซึ่งส่งผลทำให้แบรนด์นั้นไม่สามารถปรับขึ้นราคาสู่ระดับเดิมได้เมื่อเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ นั่นหมายความว่าการลดราคาในขณะนี้อาจทำให้ แบรนด์นั้นจำเป็นต้องลดราคาตลอดไป"
โอกิลวี่ฯ ยังอ้างอิงผลการวิจัยของบริษัท พลาเน็ตรีเทล ที่ระบุว่าอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคปีนี้จะติดลบ 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันถึง 107,000 ล้านบาท และยังเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ฟื้นตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากโปรโมชั่นราคาถูกในช่วงนี้
JJNY : ยิ่งลักษณ์ปลื้มไปป์เป็นผจก.ทีมรถจำลองคว้ารางวัล/ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมรับศก.ซบ/แม่ค้าแหล่งท่องเที่ยวเลย บ่นพิษศก.!
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก แสดงความยินดีกับบุตรชาย ที่มาร่วม งานแข่งรถจำลองเยาวชนระดับโลก ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งขัน F1 Yas Marina Circuit เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยระบุว่า
ดีใจกับน้องไปป์และเพื่อนๆ นะคะที่ปีนี้ได้มีโอกาสมาแข่ง F1 in Schools World Finals 2019 ซึ่งเป็นงานแข่งรถจำลองเยาวชนระดับโลก ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งขัน F1 Yas Marina Circuit เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีผู้เข้าแข่งขันจากทั้งหมด 22 ประเทศ รวม 55 ทีม ถือว่าเป็นเวทีให้เยาวชนนักประดิษฐ์ทั่วโลกที่สนใจงานด้านวิศวกรรมได้แสดงความสามารถและทักษะฝีมือในการประดิษฐ์ ออกแบบและผลิตรถแข่งขนาดเล็ก หรือ F1 (Formula 1) โดยเน้นการเเข่งขันการออกแบบและประดิษฐ์รถแข่งที่วิ่งเร็วที่สุด ที่ต้องอาศัยการบูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันต้องออกแบบและผลิต โดยใช้เครื่องมือการออกแบบ CAD / CAM และขับเคลื่อนโดยใช้ CO2 ที่บังคับโดยระบบคอมพิวเตอร์
ปีนี้โรงเรียนฮาร์โรลส่งทีมนักเรียนร่วมแข่งขันในชื่อทีม Matrix Racing เป็นครั้งแรกโดยมีน้องไปป์เป็นผู้จัดการทีม และดีใจเป็นที่สุดที่ทีมนี้ไดัรับรางวัล Sustainability Award หรือ รางวัลด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะมีแนวคิดที่เรียกว่า Zero plastic waste โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประดิษฐ์และออกแบบด้วยการนำพลาสติกที่เหลือใช้มาเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดทำรถยนต์จำลอง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่น และที่สำคัญเป็นครั้งแรกของโรงเรียนในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ ตามรายงานจากเว็บไซต์ https://www.f1inschools.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ของผู้จัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการค่ะ
นับว่าเป็นความภูมิใจและปลื้มใจที่น้องไปป์และเพื่อนๆได้มาร่วมแข่งในครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ชีวิต และที่สำคัญทำให้เราได้เจอลูกบ่อยขึ้นเท่านี้ก็สุขใจเป็นที่สุดแล้วค่ะ
ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมรับศก.ซบเตือนสินค้าลดราคาติดหล่มยาว
https://www.komchadluek.net/news/economic/21466
โอกิลวี่แอ็คชั่น สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ชี้รัดเข็มขัดลดสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ซื้อเก็บตุนไว้ รอจังหวะลดราคาค่อยช็อป เตือนโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ทำให้ลูกค้าคาดหวังสินค้าถูก อาจขึ้นราคาไม่ได้หลังเศรษฐกิจฟื้น
บริษัท โอกิลวี่ แอ็คชั่น ในเครือโอกิลวี่กรุ๊ป เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภค เกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติการใช้จ่ายก่อนและหลังวิกฤติเศรษฐกิจใน 10 หมวด โดยเน้นกลุ่มแม่บ้านและผู้ซื้อทั่วไป ณ จุดขายภายในร้านค้าโมเดิร์นเทรดและซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 604 ตัวอย่าง พบว่า ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลดลง และจะซื้อเมื่อมีการลดราคา รวมทั้งมองหาสินค้าอื่นแทน หรือแม้กระทั่งหยุดซื้อ
ส่วนสินค้าจำเป็นยังได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากผู้ซื้อยังซื้อเท่าเดิม เช่น ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร ผัก ผลไม้ โดยผู้ซื้อไม่ให้ความสำคัญกับราคาเท่าใดนัก ขณะที่สินค้าที่มีความเสี่ยงปานกลาง พบว่า ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมจากการซื้อตุนมาเป็นซื้อเมื่อจำเป็น เช่น สินค้าหมวดข้าวสาร น้ำมันพืช ผงซักฟอก เครื่องดื่มทำจากนม
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าโปรโมชั่นลดราคาอาจได้ผลน้อย เนื่องจากระยะยาวผู้ซื้ออาจปฏิเสธผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เมื่อปรับราคาขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันยังพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 61% มีการตัดสินใจซื้อภายในร้านค้า โดยจำนวนนี้เน้นปริมาณสินค้า 32% ยี่ห้อ 21% และเน้นหมวดหมู่ 8% สินค้าที่ผู้ซื้อไม่ยึดติดยี่ห้อมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่สินค้าประเภทแป้ง รวมถึงข้าวผู้ซื้อจะเน้นยี่ห้อเป็นหลัก จึงเห็นว่าสินค้าดังกล่าวควรทำโปรโมชั่นราคาเพื่อความคุ้มค่า
"ในบางครั้งการลดราคาไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด การลดราคาเป็นการทำให้ผู้ซื้อคาดหวังกับราคาที่ถูกลง ซึ่งส่งผลทำให้แบรนด์นั้นไม่สามารถปรับขึ้นราคาสู่ระดับเดิมได้เมื่อเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ นั่นหมายความว่าการลดราคาในขณะนี้อาจทำให้ แบรนด์นั้นจำเป็นต้องลดราคาตลอดไป"
โอกิลวี่ฯ ยังอ้างอิงผลการวิจัยของบริษัท พลาเน็ตรีเทล ที่ระบุว่าอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคปีนี้จะติดลบ 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันถึง 107,000 ล้านบาท และยังเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ฟื้นตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากโปรโมชั่นราคาถูกในช่วงนี้