หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
{{Azur Lane TV Anime}} Ep.08 จบอย่างนี้เลยเรอะ!!!
กระทู้สนทนา
อนิเมะ
มังงะ
เกม
การ์ตูน
มาต่อกันเถอะ
- ไม่ว่าจะทั้งฝ่ายสัมพันธมิตร และ ฝ่ายอักษะ ต่างก็อยู่ในสถานการณ์จับต้นชนปลายไม่ถูก หลังจากโดนคลื่นลำแสงขนาดยักษ์เล่นงาน กลายเป็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายถูกส่งเข้ามายัง มิติ แห่งหนึ่งที่ไม่มีความเสถียร แต่เอาเป็นว่าตอนนี้คงต้องตีความจากสถานการณ์ไปก่อนว่านี้คงเป็น สิ่งที่เรียกว่า โครงการโอโรจิของฝ่ายอักษะ และ วิทยาการของไซเรน รวมกัน
- ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่ยังกระจัดกระจายไปหมดอย่าง จาเวลิน และ ลาฟฟี่ ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบหากลุ่มตัวเองให้เจอโดยเร็ว จนไปจ๊ะเอ๋กับ อายานามิเข้าพอดี แล้วก็มาแบบเดิมที่ อายานามิสับสนไปหมดว่าทำไมถึงไม่คิดสู้เหมือนทุกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะพูดหรือสารบรรยายมากไปกว่า ฝั่งอายานามิก็ได้ ยูดาจิ ชิงุเระ ยูกิคาเสะ โผล่มาตัดบทพาหนีไปดื้อๆ
- ในขณะที่ฝั่งจาเวลินได้เบลฟาสมารับตัวไว้ได้ทัน
ซึ่งระหว่างเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่ม เรื่องที่เกิดขึ้นกับ จาเวลิน ลาฟฟี่ และ อายานามิ เธอรู้ถึงจุดนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือคิดหักห้าม กลับกันที่บอกว่า อย่าพึ่งยอมแพ้ พลังที่พวกเรามีนั้น มันไม่ได้ด้อยค่าหรือเล็กเท่าธุลีแต่อย่างใด และที่สำคัญ พวกเราถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้และฟันฝ่า ไม่ใช่ เพื่อทำลายล้างทุกอย่าง (ความหมายคือ ไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าล้างฟันแทงเป็นเครื่องจักรแต่ก็ยังมีจิตใจที่สามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือจะผูกมิตร)
จบคือ ทั้งหมดตกลงจะไปตามหาตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธแล้วกลับบ้านด้วยกัน
- ตัดไปทางฝั่งเอ็นเตอร์ไพร์ธในจิตใต้สำนึกที่เห็นเพียง ความมืดและต้นซากุระต้นใหญ่ เอาแต่คิดอยู่เพียงว่า โลกใบนี้ที่ตนเองอาศัย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มันทั้งซับซ้อน วนเวียน และ สับสนไปหมด ตั้งแต่ว่าเผชิญหน้ากับศัตรู หันปากกระบอกปืนหรืออาวุธห่ำหั่นกัน จนกระทั้งได้เห็น นิมิตของ อาคากิและคากะสมัยเด็กกำลังหยอกล้อแล้วหายตัวไป
พร้อมกับ ปรากฎร่างของบุคคลคาดไม่ถึงอย่าง อามากิ ที่กำลังบ่นพึมพัมว่า เด็กทั้งคู่ซนกันจริง แน่นอนว่า ตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธถูก อามากิ เปรียบเทียบว่า เธอและเด็ก 2 คนนั้นก็เหมือนกันนั้นแหละ โดยอามากิ เริ่มบอกว่า แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ว่ามันก็คือการเชื่อมโยงต่อกัน
"พวกเรา (เหล่าคันเซ็น) เกิดมาพร้อมกับความทรงจำและรูปลักษณ์ในอุดมคติของผู้สร้างอย่างมนุษย์ และ ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเหนือกาลเวลาที่ถักทอห้วงแห่งความรู้สึกอาวรณ์ (Emotions) อันนับไม่ถ้วน ถึงกระนั้นก็อย่าได้ลืมสิ่งนี้เป็นอันขาด สิ่งที่ฝังในส่วนลึกของจิตใจเธอเอง สิ่งที่เรียกว่า คำอธิษฐานของมวลมนุษยชาติ"
ว่าจบ อามากิ ได้จากพร้อมกับ ร่างของเด็กน้อยคากะ ที่ดูอยู่ห่างๆ
ฝ่ายอักษะ
เหล่าจักรวรรดิซากุระ หลังคากะฟื้นคืนสติได้ ทั้งหมดก็ถกประเด็นกันว่า หลังจบศึกก็ยังหาตัวอาคากิไม่พบแต่อย่างใด ทั้งสถานที่ซึ่งไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไงดีแต่รู้เพียงว่า ไม่ใช่ที่ปลอดภัยแต่อย่างใดจากการสังเกตถึงช่องว่างของมิติที่ขาดความเสถียรไปเรื่อยๆ ซึ่งจากที่ โซริวกับฮิริว คิดได้คือ ท้องทะเลและมิติแห่งนี้เชื่อมโยงกับโครงการโอโรจิ ซึ่งการที่สูญเสีย ลูกบาศก์จิตสีดำไป มันเลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
- แต่แล้ว สิ่งที่เรียกว่าความเคลือบแคลงใจในหมู่คณะก็เกิดขึ้นมาจนได้ เริ่มต้นจาก การสันนิษฐานของโชวคาคุที่ว่า ตั้งแต่ฝั่งตนเองได้เรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากนี้เป็นกองกำลังเสริม (ปัจจุบันหยุดทำงานไปหมดไม่ทราบสาเหตุ) หรือ สนามพลังประหลาด รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย ล้วนเริ่มมาจากอาคากิทั้งนั้น จนต้องเริ่มถามว่า ฝั่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 1 เก็บงำอะไรบางอย่างไว้รึเปล่า ?
ลงท้ายก็ต้องหยุดความคิดเหล่านั้นไว้ก่อน แล้วความเห็นทั้งหมดก็เริ่มไปบรรจบที่ว่า เลิกการตามหาตัวอาคากิไว้ตั้งแต่บัดนี้ แล้วหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้โดยด่วน
แม้คากะจะค้านหัวชนฝาไปหมด แต่เหตุผลทางการทหารของ ฝั่งโซริวกับฮิริว ก็เตรียมไว้เรียบร้อย จนคากะเถียงไม่ขึ้นอีกแล้วว่า พวกเราสูญเสียเรือธงไปแล้ว ทั้งยุทธปัจจัยและกำลังรบอย่างเรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากก็หยุดทำงานหมด ย่อมเท่ากับประสิทธิภาพในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จย่อมเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป หากให้กองเรือทั้งหมดอยู่ต่อก็ไม่ต่างจากนอนรอความตายและเสี่ยงต่อการสูญเสียอย่างไร้ความหมาย
ถึง คากะจะรับไม่ได้แต่ตัวเองก็หมดสภาพไปเรียบร้อย ฝั่งโซริวกับฮิริว ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความจริง
"แล้วพวกเราจะทำอะไรได้อีกละ ?"
แต่ก็ไม่สิ้นความหวังไปซะทีเดียว เพราะจากรายงานล่าสุดค้นพบว่า เส้นทางหนีมันมีอยู่แน่ๆ แต่ติดปัญหาคือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ดักรออยู่แถวนี้ทั้งดูจากรูปการณ์แล้วคงยากที่พวกนั้นจะปล่อยให้เป็นอิสระแน่นอน เช่นนั้น โซริวกับฮิริว จะอาสาไปเป็น กองหน้า ออกไปเป็นตัวล่อแล้วเปิดทางให้กองเรือรีบไปเอง
แต่ทว่า ซุย&โชว กลับขอเลือกเป็นฝ่ายทำหน้าที่ตรงนี้เอง โดย ซุยคาคุให้เหตุผลว่า พอเห็นคากะที่เสียพี่สาวไปแล้วอย่างนั้นก็ทำให้นึกคิดได้ว่า หากตนเองเป็นฝ่ายเสียไปบ้างจะเป็นยังไง บางทีก็คงรู้สึกแบบเดียวกันคือ อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์หรือช่วยให้สมาชิกกลุ่มที่เหลือรอดจากศึกคราวนี้
ฝ่ายสัมพันธมิตร
- เมื่อได้รายงานจากการตรวจสอบภูมิประเทศแล้วพบกองเรือของจักรวรรดิซากุระ อยู่แถวนี้ สิ่งที่ทุกคนลงความเห็นกันเรียบร้อยก็คือ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องจัดการพวกนี้ทิ้งให้หมด เพราะ วิทยาการไซเรนที่พวกนี้ครอบครองไว้มันร้ายกาจและรุนแรงขนาดไหน มันก็ฟ้องออกมาหมดแล้ว หากปล่อยไปก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์บานปลายเรื่อยๆ ทั้งบอกว่านี้คือสงคราม มันช่วยไม่ได้จริงๆ
แล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็เริ่มเข้าปะทะกันอีกครั้ง
(ฉากแอคชั่นตรงนี้ถ้าไม่ดูที่เฟรมเรตตกหรืองานหยาบถือว่าทำได้ดีในระดับนึงตรงความต่อเนื่องและความรู้สึกที่ว่องไวเหมือน นกโบยบินของ ซุย&โชว)
- ท่ามกลางเหตุการณ์นี้ ไซเรน 2 ตนคือ The Obsever และ The Tester Beta ได้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ แถมพ่วงไปว่า สิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังทำกันอยู่มันก็คือ กระจกสะท้อนประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติที่เลือกจะห่ำหั่นสิ่งตรงหน้า เรียกว่า เนื้อแท้ของเหล่ามนุษย์เป็นฉันใด มันก็ออกมาฉันนั้น แถมพ่วงคือ อาคากิที่น็อคคาที่ The Obsever ก็ช่วยไว้ได้เพราะ หากอาคากิตายไป ที่ตัวเองลงทุนเรื่องโครงการโอโรจิก็ขาดทุนย่อยยับ และ บทบาทของเธอยังไม่จบลงแค่นี้แต่อย่างใด
โดยสิ่งที่เหล่าไซเรนหวังไว้ก็เฉลยแล้วว่า การที่เอ็นเตอร์ไพร์ธ ตื่นขึ้นมาแบบนั้นส่งผลให้ ลูกบาศก์จิตสีดำ รวบรวมข้อมูลได้มหาศาลอย่างมากซึ่งเพียงพอที่จะให้โครงการโอโรจิเสร็จสมบูรณ์แล้ว
- หลังจากหนีกันไปมาจนเห็นช่องของภูเขาน้ำแข็ง ซุย&โชว ก็ได้เจอกับ เอ็นเตอร์ไพร์ธ เข้าโดยบังเอิญผลคือ แค่จะเอาตัวรอดก็แทบตายแล้ว
ซุยคาคุก็ทำได้เพียงเล่นงาน จบที่แค่หมวกเอ็นเตอร์ไพร์ธหล่นลงมาในขณะที่ตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธไม่มีกระทั้งรอยขีดข่วนแต่อย่างใด
(อารมณ์ไข่กระทบหิน)
- เอ็นเตอร์ไพร์ธ สภาพของเจ้าตัวตอนนี้คือ ครึ่งผีครึ่งคน แถมไม่ปราณี ทั้งเสริมเรื่อง Alternative Enterprise ด้วยว่าโลกที่ตัวเองอยู่มันพินาศขนาดไหน แม้เธอจะโหยหาคำตอบว่า สิ่งที่ทำอยู่เมื่อไรมันจะจบสิ้นสักทีแต่คำตอบนั้นคนที่รู้อยู่แก่ใจก็คือเธอเองว่า สงครามมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และ ไม่มีวันจบสิ้น
- ในวินาทีความเป็นความตาย ทันใดนั้นเอง อายานามิ (ที่แอบตามมาด้วย) โผล่มาช่วยไว้ได้ทันพร้อมบุกเข้าไปเล่นงาน เอ็นเตอร์ไพร์ธ โชว์สับเครื่องบินขาด
แม้แต่เธอก็ไม่อาจทราบได้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ที่เจ้าตัวรู้มีเพียงความคิดในตอนนี้คือ
"แบบนี้ไม่เอาหรอก..ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น"
แต่ก็พลาดท่าหล่นลงไปเบื้องล่างคือช่องว่างมิติ แต่ทว่า...
อายา - ขอบคุณนะ..นาโนเดส
จบตอน
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
{{Azur Lane TV Anime}} Ep.09 ความรักและมิตรภาพคือสิ่งสำคัญ แน่นอน หมีก็เช่นกัน
นับถอยหลังอีก 3 ตอนจบเนื้อเรื่องหลักแล้วเอาเป็นว่ามาต่อกันเถอะ - ต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว หลังจบเรื่อง ลาฟฟี่กับจาเวลินช่วยเหลืออายานามิได้สำเร็จ เหตุการณ์ได้ตัดไปยังบทสรุปที่ว่า จบศึกนี้ด
Blackrx
ผีแดงถ้าเสียบรูโน่ไปนี่ ดูไม่จืดเลยนะครับ
"แมนฯ ยู" ลุ้นโค้งสุดท้าย "บรูโน" คุยทีมซาอุฯ ขอปีละ 33 ล้านปอนด์ บรูโน เฟร์นันด์ส กัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นเป้าหมายของ อัล-อิตติฮัด สโมสรของซาอุดิอาระเบีย ช่วงโค้งสุด
ToR_GerRarD
ถ้าละครช่อง 3 จะเปิดใหม่คิดว่าบริษัทไหนจะได้เปิดบ้าง
หลายคนถ้าเปิดในวิกิพีเดียก็จะคิดว่าผู้จัดช่อง 3 มีเกือบ 40 ผู้ผลิต ซึ่งเอาจริง ๆ บริษัทที่ผลิตอย่างต่อเนื่องมันไม่ได้มีมากขนาดนั้น และยิ่งตอนนี้มีหลายบริษัทที่กำลังไปได้ดีกับช่องทางอื่น ๆ ด้วย ก็เลยลอ
คุณขอตามมา
เวียดนามทุ่ม 6 หมื่นล้าน เปิดไฟเขียว "เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" ผสานคาสิโน-ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ 🚀
ล่าสุดมีข่าวว่า เวียดนามอนุมัติโครงการ "เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ Van Don" มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท) ที่จังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ซึ่งอยู่ติดชายแดนจีน ไฮไลต์ข
สมาชิกหมายเลข 8912721
สอบถามเรื่ิองกล้อง AIS C3
เนื่องจากว่าจะเอากล้อง AIS C3 ของใหม่ไปให้พี่ชายใช้ เขาใช้บริการเนทบ้านของ ais อยู่ เอาไว้ดูแลบ้านของเขา พอเข้าแอปจับกับกล้อง มีเสียงปี้บเรียบร้อย จะเข้าไปดูออนไลน์ก็ดูไม่ได้ ตัวแอปแจ้งว่า “กรุณ
title13
เห็นข่าวเวียดนามอนุมัติ "สร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ไทยเกือบเคยมีก่อน แต่คนค้านกันจนล้มไปเสียดายมาก
เวียดนาม อนุมัติ สร้าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 6 หมื่นล้าน จัดหนัก คาสิโน โรงแรม รีสอร์ต ศูนย์การค้า และสถานที่จัดประชุม เทียบชั้นลาสเวกัส-มาเก๊า เป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก! คอ
สมาชิกหมายเลข 1188712
บอสพาชิม :HIMESHI @ GALA Bangkok เมื่อข้าว...ไม่เป็นแค่ข้าว
GALA bangkok เปิดขายมื้อกลางวันกับHimeshi ที่เป็นคอร์สข้าวอบของโปรดของผม บอสจึงไม่พลาดที่จะมาชิม สำหรับใครที่ไม่รู้จัก Gala Bangkok เป็นร้าน Fine Dining) ที่มีคอนเซ็ปต์ คือ "Theatrical Dining Ex
EatLikeTheBOSS
หมากเก็บนี้ฉันก็รู้ว่าต้องลงเอยอย่างไร
ย้อนกลับไป Boruto two vortex ตอนที่ 4-7 แมร่งงงงโครตบ้าเลยนะที่ จู่ ๆ ชิกามารุเลือกจะเชื่อ และช่วยโบรุโตะแบบดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ในตอนที่ 4 ชิกามารุ บอกเองว่าถ้าใครเป็นสปายเราจะรู้ได้ทันที !!! หากมองในแง่พ
สมาชิกหมายเลข 8968958
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อนิเมะ
มังงะ
เกม
การ์ตูน
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 62
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
{{Azur Lane TV Anime}} Ep.08 จบอย่างนี้เลยเรอะ!!!
- ไม่ว่าจะทั้งฝ่ายสัมพันธมิตร และ ฝ่ายอักษะ ต่างก็อยู่ในสถานการณ์จับต้นชนปลายไม่ถูก หลังจากโดนคลื่นลำแสงขนาดยักษ์เล่นงาน กลายเป็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายถูกส่งเข้ามายัง มิติ แห่งหนึ่งที่ไม่มีความเสถียร แต่เอาเป็นว่าตอนนี้คงต้องตีความจากสถานการณ์ไปก่อนว่านี้คงเป็น สิ่งที่เรียกว่า โครงการโอโรจิของฝ่ายอักษะ และ วิทยาการของไซเรน รวมกัน
- ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่ยังกระจัดกระจายไปหมดอย่าง จาเวลิน และ ลาฟฟี่ ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบหากลุ่มตัวเองให้เจอโดยเร็ว จนไปจ๊ะเอ๋กับ อายานามิเข้าพอดี แล้วก็มาแบบเดิมที่ อายานามิสับสนไปหมดว่าทำไมถึงไม่คิดสู้เหมือนทุกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะพูดหรือสารบรรยายมากไปกว่า ฝั่งอายานามิก็ได้ ยูดาจิ ชิงุเระ ยูกิคาเสะ โผล่มาตัดบทพาหนีไปดื้อๆ
- ในขณะที่ฝั่งจาเวลินได้เบลฟาสมารับตัวไว้ได้ทัน
ซึ่งระหว่างเดินทางกลับไปรวมกับกลุ่ม เรื่องที่เกิดขึ้นกับ จาเวลิน ลาฟฟี่ และ อายานามิ เธอรู้ถึงจุดนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือคิดหักห้าม กลับกันที่บอกว่า อย่าพึ่งยอมแพ้ พลังที่พวกเรามีนั้น มันไม่ได้ด้อยค่าหรือเล็กเท่าธุลีแต่อย่างใด และที่สำคัญ พวกเราถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้และฟันฝ่า ไม่ใช่ เพื่อทำลายล้างทุกอย่าง (ความหมายคือ ไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าล้างฟันแทงเป็นเครื่องจักรแต่ก็ยังมีจิตใจที่สามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือจะผูกมิตร)
จบคือ ทั้งหมดตกลงจะไปตามหาตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธแล้วกลับบ้านด้วยกัน
- ตัดไปทางฝั่งเอ็นเตอร์ไพร์ธในจิตใต้สำนึกที่เห็นเพียง ความมืดและต้นซากุระต้นใหญ่ เอาแต่คิดอยู่เพียงว่า โลกใบนี้ที่ตนเองอาศัย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มันทั้งซับซ้อน วนเวียน และ สับสนไปหมด ตั้งแต่ว่าเผชิญหน้ากับศัตรู หันปากกระบอกปืนหรืออาวุธห่ำหั่นกัน จนกระทั้งได้เห็น นิมิตของ อาคากิและคากะสมัยเด็กกำลังหยอกล้อแล้วหายตัวไป
พร้อมกับ ปรากฎร่างของบุคคลคาดไม่ถึงอย่าง อามากิ ที่กำลังบ่นพึมพัมว่า เด็กทั้งคู่ซนกันจริง แน่นอนว่า ตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธถูก อามากิ เปรียบเทียบว่า เธอและเด็ก 2 คนนั้นก็เหมือนกันนั้นแหละ โดยอามากิ เริ่มบอกว่า แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ว่ามันก็คือการเชื่อมโยงต่อกัน
"พวกเรา (เหล่าคันเซ็น) เกิดมาพร้อมกับความทรงจำและรูปลักษณ์ในอุดมคติของผู้สร้างอย่างมนุษย์ และ ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเหนือกาลเวลาที่ถักทอห้วงแห่งความรู้สึกอาวรณ์ (Emotions) อันนับไม่ถ้วน ถึงกระนั้นก็อย่าได้ลืมสิ่งนี้เป็นอันขาด สิ่งที่ฝังในส่วนลึกของจิตใจเธอเอง สิ่งที่เรียกว่า คำอธิษฐานของมวลมนุษยชาติ"
ว่าจบ อามากิ ได้จากพร้อมกับ ร่างของเด็กน้อยคากะ ที่ดูอยู่ห่างๆ
ฝ่ายอักษะ
เหล่าจักรวรรดิซากุระ หลังคากะฟื้นคืนสติได้ ทั้งหมดก็ถกประเด็นกันว่า หลังจบศึกก็ยังหาตัวอาคากิไม่พบแต่อย่างใด ทั้งสถานที่ซึ่งไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไงดีแต่รู้เพียงว่า ไม่ใช่ที่ปลอดภัยแต่อย่างใดจากการสังเกตถึงช่องว่างของมิติที่ขาดความเสถียรไปเรื่อยๆ ซึ่งจากที่ โซริวกับฮิริว คิดได้คือ ท้องทะเลและมิติแห่งนี้เชื่อมโยงกับโครงการโอโรจิ ซึ่งการที่สูญเสีย ลูกบาศก์จิตสีดำไป มันเลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
- แต่แล้ว สิ่งที่เรียกว่าความเคลือบแคลงใจในหมู่คณะก็เกิดขึ้นมาจนได้ เริ่มต้นจาก การสันนิษฐานของโชวคาคุที่ว่า ตั้งแต่ฝั่งตนเองได้เรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากนี้เป็นกองกำลังเสริม (ปัจจุบันหยุดทำงานไปหมดไม่ทราบสาเหตุ) หรือ สนามพลังประหลาด รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย ล้วนเริ่มมาจากอาคากิทั้งนั้น จนต้องเริ่มถามว่า ฝั่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 1 เก็บงำอะไรบางอย่างไว้รึเปล่า ?
ลงท้ายก็ต้องหยุดความคิดเหล่านั้นไว้ก่อน แล้วความเห็นทั้งหมดก็เริ่มไปบรรจบที่ว่า เลิกการตามหาตัวอาคากิไว้ตั้งแต่บัดนี้ แล้วหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้โดยด่วน
แม้คากะจะค้านหัวชนฝาไปหมด แต่เหตุผลทางการทหารของ ฝั่งโซริวกับฮิริว ก็เตรียมไว้เรียบร้อย จนคากะเถียงไม่ขึ้นอีกแล้วว่า พวกเราสูญเสียเรือธงไปแล้ว ทั้งยุทธปัจจัยและกำลังรบอย่างเรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากก็หยุดทำงานหมด ย่อมเท่ากับประสิทธิภาพในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จย่อมเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป หากให้กองเรือทั้งหมดอยู่ต่อก็ไม่ต่างจากนอนรอความตายและเสี่ยงต่อการสูญเสียอย่างไร้ความหมาย
ถึง คากะจะรับไม่ได้แต่ตัวเองก็หมดสภาพไปเรียบร้อย ฝั่งโซริวกับฮิริว ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความจริง
"แล้วพวกเราจะทำอะไรได้อีกละ ?"
แต่ก็ไม่สิ้นความหวังไปซะทีเดียว เพราะจากรายงานล่าสุดค้นพบว่า เส้นทางหนีมันมีอยู่แน่ๆ แต่ติดปัญหาคือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ดักรออยู่แถวนี้ทั้งดูจากรูปการณ์แล้วคงยากที่พวกนั้นจะปล่อยให้เป็นอิสระแน่นอน เช่นนั้น โซริวกับฮิริว จะอาสาไปเป็น กองหน้า ออกไปเป็นตัวล่อแล้วเปิดทางให้กองเรือรีบไปเอง
แต่ทว่า ซุย&โชว กลับขอเลือกเป็นฝ่ายทำหน้าที่ตรงนี้เอง โดย ซุยคาคุให้เหตุผลว่า พอเห็นคากะที่เสียพี่สาวไปแล้วอย่างนั้นก็ทำให้นึกคิดได้ว่า หากตนเองเป็นฝ่ายเสียไปบ้างจะเป็นยังไง บางทีก็คงรู้สึกแบบเดียวกันคือ อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์หรือช่วยให้สมาชิกกลุ่มที่เหลือรอดจากศึกคราวนี้
ฝ่ายสัมพันธมิตร
- เมื่อได้รายงานจากการตรวจสอบภูมิประเทศแล้วพบกองเรือของจักรวรรดิซากุระ อยู่แถวนี้ สิ่งที่ทุกคนลงความเห็นกันเรียบร้อยก็คือ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องจัดการพวกนี้ทิ้งให้หมด เพราะ วิทยาการไซเรนที่พวกนี้ครอบครองไว้มันร้ายกาจและรุนแรงขนาดไหน มันก็ฟ้องออกมาหมดแล้ว หากปล่อยไปก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์บานปลายเรื่อยๆ ทั้งบอกว่านี้คือสงคราม มันช่วยไม่ได้จริงๆ
แล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็เริ่มเข้าปะทะกันอีกครั้ง
(ฉากแอคชั่นตรงนี้ถ้าไม่ดูที่เฟรมเรตตกหรืองานหยาบถือว่าทำได้ดีในระดับนึงตรงความต่อเนื่องและความรู้สึกที่ว่องไวเหมือน นกโบยบินของ ซุย&โชว)
- ท่ามกลางเหตุการณ์นี้ ไซเรน 2 ตนคือ The Obsever และ The Tester Beta ได้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ แถมพ่วงไปว่า สิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังทำกันอยู่มันก็คือ กระจกสะท้อนประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติที่เลือกจะห่ำหั่นสิ่งตรงหน้า เรียกว่า เนื้อแท้ของเหล่ามนุษย์เป็นฉันใด มันก็ออกมาฉันนั้น แถมพ่วงคือ อาคากิที่น็อคคาที่ The Obsever ก็ช่วยไว้ได้เพราะ หากอาคากิตายไป ที่ตัวเองลงทุนเรื่องโครงการโอโรจิก็ขาดทุนย่อยยับ และ บทบาทของเธอยังไม่จบลงแค่นี้แต่อย่างใด
โดยสิ่งที่เหล่าไซเรนหวังไว้ก็เฉลยแล้วว่า การที่เอ็นเตอร์ไพร์ธ ตื่นขึ้นมาแบบนั้นส่งผลให้ ลูกบาศก์จิตสีดำ รวบรวมข้อมูลได้มหาศาลอย่างมากซึ่งเพียงพอที่จะให้โครงการโอโรจิเสร็จสมบูรณ์แล้ว
- หลังจากหนีกันไปมาจนเห็นช่องของภูเขาน้ำแข็ง ซุย&โชว ก็ได้เจอกับ เอ็นเตอร์ไพร์ธ เข้าโดยบังเอิญผลคือ แค่จะเอาตัวรอดก็แทบตายแล้ว
ซุยคาคุก็ทำได้เพียงเล่นงาน จบที่แค่หมวกเอ็นเตอร์ไพร์ธหล่นลงมาในขณะที่ตัวเอ็นเตอร์ไพร์ธไม่มีกระทั้งรอยขีดข่วนแต่อย่างใด
(อารมณ์ไข่กระทบหิน)
- เอ็นเตอร์ไพร์ธ สภาพของเจ้าตัวตอนนี้คือ ครึ่งผีครึ่งคน แถมไม่ปราณี ทั้งเสริมเรื่อง Alternative Enterprise ด้วยว่าโลกที่ตัวเองอยู่มันพินาศขนาดไหน แม้เธอจะโหยหาคำตอบว่า สิ่งที่ทำอยู่เมื่อไรมันจะจบสิ้นสักทีแต่คำตอบนั้นคนที่รู้อยู่แก่ใจก็คือเธอเองว่า สงครามมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และ ไม่มีวันจบสิ้น
- ในวินาทีความเป็นความตาย ทันใดนั้นเอง อายานามิ (ที่แอบตามมาด้วย) โผล่มาช่วยไว้ได้ทันพร้อมบุกเข้าไปเล่นงาน เอ็นเตอร์ไพร์ธ โชว์สับเครื่องบินขาด
แม้แต่เธอก็ไม่อาจทราบได้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ที่เจ้าตัวรู้มีเพียงความคิดในตอนนี้คือ
"แบบนี้ไม่เอาหรอก..ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น"
แต่ก็พลาดท่าหล่นลงไปเบื้องล่างคือช่องว่างมิติ แต่ทว่า...
อายา - ขอบคุณนะ..นาโนเดส
จบตอน