'สุทิน' เตือน ปม รบ.โหวตแพ้ ขอนับใหม่ สร้างปัญหาระยะยาว คุยวิป 2 ฝ่าย ปรามหยุดรุนแรงใน กมธ.ป.ป.ช.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1771839
‘สุทิน’ เตือน ปม รบ.โหวตแพ้ ขอนับใหม่ สร้างปัญหาระยะยาว คุยวิป 2 ฝ่าย ปรามหยุดรุนแรงใน กมธ.ป.ป.ช.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาถึงกรณีที่รัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่ หลังโหวตแพ้ให้กับฝ่ายค้าน 4 เสียง ในการลงมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า
เรายังยืนว่าเราไม่เห็นด้วย กับการนับคะแนนใหม่ เนื่องจากเราตีความว่า การนับใหม่ที่ต้องขานชื่อกันอีกทีคือการลงคะแนนใหม่ ไม่ใช่นับใหม่ ซึ่งไม่ว่ากรณีไหนเราก็ไม่เห็นด้วย โดยเมื่อวาน (27 พฤศจิกายน) เราได้แสดงจุดยื่นเรื่องนี้ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นวันนี้ เราคงไม่ร่วมนับเหมือนเดิม แต่คงเข้าประชุมวาระอื่นปกติ ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาได้ ก็เอาใจช่วยให้นับไปตามวิถีของรัฐบาล เพื่อผ่านเรื่องนี้ไปได้ และนำไปสู่ญัตติอื่นต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่มีผลให้ญัตติดังกล่าวตกไป เพราะรัฐบาลน่าจะรับผิดชอบ มือเขาเยอะอยู่แล้ว เมื่อวานก็ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหากรัฐบาลรับผิดชอบ และประสานงานกันให้ดี หรือไม่ก็มีเหตุผลอื่นว่าพรรคร่วมไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเอง
เมื่อถามว่า ประธานสภาฯ ระบุสามารถใช้ข้อบังคับในการโหวตใหม่ได้ เนื่องจากคะแนนไม่เกิน 25 เสียง นาย
สุทิน กล่าวว่า ความจริงก็ทำได้ แต่ที่เราท้วงติงเมื่อวาน คือถ้ามีคนเริ่มทำเป็นบรรทัดฐาน แล้วต่อไปฝ่ายค้านทำบ้างจะเกิดปัญหาในระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านเราก็เคยคิดจะใช้ แต่เราไม่ใช้ จากนี้ การนับคะแนนจะห่างกันไม่ถึง 25 เสียงสักครั้งหรอก ก็จะเป็นให้อ้างนับใหม่ได้ทุกครั้ง ถ้าทำครั้งนี้ได้ ครั้งหน้าก็จะทำอีก แล้วถ้าเราทำบ้างสภาก็จะทำงานไม่ได้ เราจึงคิดว่า แม้ข้อบังคับให้ทำได้ แต่โดยความรับผิดชอบ และสำนึกไม่ควรนำมาใช้ในสถานะที่มีองค์ประชุมแบบนี้ ไม่อยากให้ริเริ่มใช้ ทั้งที่ฝ่ายค้านน่าจะใช้วิธีการนี้มากกว่า แต่เราก็ไม่ใช้ หลายครั้งที่นับคะแนนออกมาแล้วหวุดหวิดแต่เราก็ไม่ทำ
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นาย
สุทิน กล่าวว่า วันนี้จะมีข้อมูลใหม่มา โดยประธานสภาจะตอบหนังสือกรณีการนับเวลา 1 ปี ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากนับตามสมัยประชุม ปีแรกก็จะไปจบที่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ต้องประชุมหารือกันว่า เราจะอภิปรายในเดือนธันวาคมเลย หรือเลื่อนออกไปหน่อย อันไหนจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะในเดือนธันวาคมจะใกล้ปีใหม่ หากไปบรรจุช่วงนั้นก็จะเสียของ หรืออาจติดเลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่นด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกไม่น้อยที่ทุ่มเทกับการพิจารณางบประมาณ ที่กำลังเป็นช่วงสำคัญด้วย ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนไปสักปลายเดือนมกราคม ส่วนเป้าหมายในการอภิปรายตัวบุคคลยังไม่นิ่ง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็มีข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อถามว่า วิปฝ่ายค้านได้ปรึกษากับทางวิปรัฐบาล กรณีสิ่งที่เกิดขึ้นใน กมธ.ป.ป.ช. หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา กมธ.ชุดนี้มีความน่าเชื่อถือมาก ในการตรวจสอบ แต่ขณะนี้สิ่งที่ทำกันอยู่ ทำให้ภาพที่ออกมาเป็นลบ ทำให้กมธ. และสภาดูไม่น่าเชื่อถือ นาย
สุทิน กล่าวว่า เราได้ใช้เหตุผลนี้ในการพูดคุยกัน และคุยกับทางวิปรัฐบาล เราบอกด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ได้เสียหายเฉพาะกับ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกมธ.เท่านั้น แต่การทำแบบนี้เสียกันทั้งสภา
ก็ขอร้องให้ใช้วิธีอื่น อย่าใช้เวทีของ กมธ. เลย จะฟ้อง หรือจะร้องก็ดำเนินการไป ทุกคนเสียใจ และเสียดายมากที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ และเชื่อว่าจะมีอีกด้วย และจะทำให้มีปัญหา หากรัฐบาลไม่ป้องปรามบุคคลเหล่านี้ก็จะมีพฤติกรรมเหล่านี้อีก และจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็รับปากว่าจะไปแก้ไขปัญหา เพราะเราก็อยากให้เห็นแก่ภาพลักษณ์สภา
นักวิชาการ ชี้ หลักการขอนับคะแนนใหม่ ต้องพบเรื่องน่าสงสัย-ผิดชัดแจ้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1771918
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ดร.
พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสถาบันการเมือง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีการวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎรให้มีการนับคะแนนใหม่ หลังส.ส.ฝ่ายรัฐบาล พ่ายแพ้ให้กับฝ่ายค้านเป็นจำนวน 4 คะแนน ในญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ไข้คำสั่งตาม ม.44 โดยระบุว่า
ผมได้ติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ที่มีประเด็นอันนำไปสู่การ “วอล์กเอาท์” ของพรรคฝ่ายค้านและต้องปิดการประชุม ประเด็นทางด้านกฎหมายรัฐสภา (Parliamentary Law) ที่เกี่ยวข้องที่เราอาจต้องมาทำความเข้าใจคือ ข้อ 85 แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562
การอ้างข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 85 เพื่อให้นับคะแนนใหม่และเปลี่ยนวิธีการลงคะแนนมี “หลักการในทางกฎหมายรัฐสภา” ที่เกี่ยวข้องว่าด้วย “การแสดงเจตจำนงของสมาชิกผ่านการลงมติ” คอยกำกับอยู่ การบังคับใช้จึงหาได้เป็นกรณีที่สามารถใช้ได้ในทุกกรณีเพียงเพราะมีสมาชิกท่านหนึ่งเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่และมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน เท่านั้น
หลักการทางกฎหมายรัฐสภาที่คอยกำกับ ข้อ 85 ที่ต้องคำนึงด้วยคือ “หลักข้อสงสัยอย่างยิ่งในผลการลงมติ” กล่าวคือ เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีการตรวจนับองค์ประชุม กำหนดประเด็น หรือญัตติ และให้ดำเนินการลงมติตามข้อบังคับแล้ว หากปรากฏว่าผลคะแนนนั้นเป็นที่ “น่าสงสัยอย่างยิ่ง” หรืออาจกล่าวได้ว่ามีความ “ผิดปกติอย่างชัดแจ้ง” อันนำไปสู่ผลมติที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงสามารถนำไปสู่การใช้สิทธิให้มีการตรวจนับคะแนนใหม่อีกครั้ง (Recount) ตามข้อ 85 ได้
กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากไม่ปรากฏเงื่อนไขแห่งความผิดปกติอย่างชัดแจ้งอันนำไปสู่ความสงสัยอย่างยิ่ง ย่อมมิอาจใช้สิทธิให้มีการตรวจนับคะแนนใหม่ได้ตามข้อบังคับข้อ 85 ได้ มิฉะนั้น จะเป็นการทำลาย “หลักความแน่นอนในการแสดงเจตจำนงของผู้แทนผ่านการลงมติ” ซึ่งส่งผลทำให้การลงมติของผู้แทนไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือมีความหมาย อันเป็นการไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยตามหลักกฎหมายรัฐสภานั่นเอง
อนึ่ง กรณีนี้ผมมุ่งอธิบายถึงหลักการในการลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามหลักกฎหมายรัฐสภา ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยในการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตามข่าวครับผม
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10157945007145979
JJNY : 'สุทิน'เตือนปมรบ.โหวตแพ้ ขอนับใหม่/นักวิชาการชี้หลักการขอนับคะแนนใหม่/เทพไทปัดไม่ใช่งูเห่า/ศก.ไทยเสี่ยง‘ถดถอย’
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1771839
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาถึงกรณีที่รัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่ หลังโหวตแพ้ให้กับฝ่ายค้าน 4 เสียง ในการลงมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า
เรายังยืนว่าเราไม่เห็นด้วย กับการนับคะแนนใหม่ เนื่องจากเราตีความว่า การนับใหม่ที่ต้องขานชื่อกันอีกทีคือการลงคะแนนใหม่ ไม่ใช่นับใหม่ ซึ่งไม่ว่ากรณีไหนเราก็ไม่เห็นด้วย โดยเมื่อวาน (27 พฤศจิกายน) เราได้แสดงจุดยื่นเรื่องนี้ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นวันนี้ เราคงไม่ร่วมนับเหมือนเดิม แต่คงเข้าประชุมวาระอื่นปกติ ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาได้ ก็เอาใจช่วยให้นับไปตามวิถีของรัฐบาล เพื่อผ่านเรื่องนี้ไปได้ และนำไปสู่ญัตติอื่นต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่มีผลให้ญัตติดังกล่าวตกไป เพราะรัฐบาลน่าจะรับผิดชอบ มือเขาเยอะอยู่แล้ว เมื่อวานก็ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหากรัฐบาลรับผิดชอบ และประสานงานกันให้ดี หรือไม่ก็มีเหตุผลอื่นว่าพรรคร่วมไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเอง
เมื่อถามว่า ประธานสภาฯ ระบุสามารถใช้ข้อบังคับในการโหวตใหม่ได้ เนื่องจากคะแนนไม่เกิน 25 เสียง นายสุทิน กล่าวว่า ความจริงก็ทำได้ แต่ที่เราท้วงติงเมื่อวาน คือถ้ามีคนเริ่มทำเป็นบรรทัดฐาน แล้วต่อไปฝ่ายค้านทำบ้างจะเกิดปัญหาในระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านเราก็เคยคิดจะใช้ แต่เราไม่ใช้ จากนี้ การนับคะแนนจะห่างกันไม่ถึง 25 เสียงสักครั้งหรอก ก็จะเป็นให้อ้างนับใหม่ได้ทุกครั้ง ถ้าทำครั้งนี้ได้ ครั้งหน้าก็จะทำอีก แล้วถ้าเราทำบ้างสภาก็จะทำงานไม่ได้ เราจึงคิดว่า แม้ข้อบังคับให้ทำได้ แต่โดยความรับผิดชอบ และสำนึกไม่ควรนำมาใช้ในสถานะที่มีองค์ประชุมแบบนี้ ไม่อยากให้ริเริ่มใช้ ทั้งที่ฝ่ายค้านน่าจะใช้วิธีการนี้มากกว่า แต่เราก็ไม่ใช้ หลายครั้งที่นับคะแนนออกมาแล้วหวุดหวิดแต่เราก็ไม่ทำ
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้จะมีข้อมูลใหม่มา โดยประธานสภาจะตอบหนังสือกรณีการนับเวลา 1 ปี ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากนับตามสมัยประชุม ปีแรกก็จะไปจบที่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ต้องประชุมหารือกันว่า เราจะอภิปรายในเดือนธันวาคมเลย หรือเลื่อนออกไปหน่อย อันไหนจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะในเดือนธันวาคมจะใกล้ปีใหม่ หากไปบรรจุช่วงนั้นก็จะเสียของ หรืออาจติดเลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่นด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกไม่น้อยที่ทุ่มเทกับการพิจารณางบประมาณ ที่กำลังเป็นช่วงสำคัญด้วย ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนไปสักปลายเดือนมกราคม ส่วนเป้าหมายในการอภิปรายตัวบุคคลยังไม่นิ่ง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็มีข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อถามว่า วิปฝ่ายค้านได้ปรึกษากับทางวิปรัฐบาล กรณีสิ่งที่เกิดขึ้นใน กมธ.ป.ป.ช. หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา กมธ.ชุดนี้มีความน่าเชื่อถือมาก ในการตรวจสอบ แต่ขณะนี้สิ่งที่ทำกันอยู่ ทำให้ภาพที่ออกมาเป็นลบ ทำให้กมธ. และสภาดูไม่น่าเชื่อถือ นายสุทิน กล่าวว่า เราได้ใช้เหตุผลนี้ในการพูดคุยกัน และคุยกับทางวิปรัฐบาล เราบอกด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ได้เสียหายเฉพาะกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกมธ.เท่านั้น แต่การทำแบบนี้เสียกันทั้งสภา
ก็ขอร้องให้ใช้วิธีอื่น อย่าใช้เวทีของ กมธ. เลย จะฟ้อง หรือจะร้องก็ดำเนินการไป ทุกคนเสียใจ และเสียดายมากที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ และเชื่อว่าจะมีอีกด้วย และจะทำให้มีปัญหา หากรัฐบาลไม่ป้องปรามบุคคลเหล่านี้ก็จะมีพฤติกรรมเหล่านี้อีก และจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็รับปากว่าจะไปแก้ไขปัญหา เพราะเราก็อยากให้เห็นแก่ภาพลักษณ์สภา
นักวิชาการ ชี้ หลักการขอนับคะแนนใหม่ ต้องพบเรื่องน่าสงสัย-ผิดชัดแจ้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1771918
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสถาบันการเมือง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีการวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎรให้มีการนับคะแนนใหม่ หลังส.ส.ฝ่ายรัฐบาล พ่ายแพ้ให้กับฝ่ายค้านเป็นจำนวน 4 คะแนน ในญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ไข้คำสั่งตาม ม.44 โดยระบุว่า
ผมได้ติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ที่มีประเด็นอันนำไปสู่การ “วอล์กเอาท์” ของพรรคฝ่ายค้านและต้องปิดการประชุม ประเด็นทางด้านกฎหมายรัฐสภา (Parliamentary Law) ที่เกี่ยวข้องที่เราอาจต้องมาทำความเข้าใจคือ ข้อ 85 แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562
การอ้างข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 85 เพื่อให้นับคะแนนใหม่และเปลี่ยนวิธีการลงคะแนนมี “หลักการในทางกฎหมายรัฐสภา” ที่เกี่ยวข้องว่าด้วย “การแสดงเจตจำนงของสมาชิกผ่านการลงมติ” คอยกำกับอยู่ การบังคับใช้จึงหาได้เป็นกรณีที่สามารถใช้ได้ในทุกกรณีเพียงเพราะมีสมาชิกท่านหนึ่งเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่และมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน เท่านั้น
หลักการทางกฎหมายรัฐสภาที่คอยกำกับ ข้อ 85 ที่ต้องคำนึงด้วยคือ “หลักข้อสงสัยอย่างยิ่งในผลการลงมติ” กล่าวคือ เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีการตรวจนับองค์ประชุม กำหนดประเด็น หรือญัตติ และให้ดำเนินการลงมติตามข้อบังคับแล้ว หากปรากฏว่าผลคะแนนนั้นเป็นที่ “น่าสงสัยอย่างยิ่ง” หรืออาจกล่าวได้ว่ามีความ “ผิดปกติอย่างชัดแจ้ง” อันนำไปสู่ผลมติที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงสามารถนำไปสู่การใช้สิทธิให้มีการตรวจนับคะแนนใหม่อีกครั้ง (Recount) ตามข้อ 85 ได้
กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากไม่ปรากฏเงื่อนไขแห่งความผิดปกติอย่างชัดแจ้งอันนำไปสู่ความสงสัยอย่างยิ่ง ย่อมมิอาจใช้สิทธิให้มีการตรวจนับคะแนนใหม่ได้ตามข้อบังคับข้อ 85 ได้ มิฉะนั้น จะเป็นการทำลาย “หลักความแน่นอนในการแสดงเจตจำนงของผู้แทนผ่านการลงมติ” ซึ่งส่งผลทำให้การลงมติของผู้แทนไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือมีความหมาย อันเป็นการไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยตามหลักกฎหมายรัฐสภานั่นเอง
อนึ่ง กรณีนี้ผมมุ่งอธิบายถึงหลักการในการลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามหลักกฎหมายรัฐสภา ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยในการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตามข่าวครับผม
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10157945007145979