แม่นาค เดอะมิวสิคัล
- เมื่อคนน่ากลัวกว่าผี เมื่อแม่นาคนี้คือผู้ถูกกระทำ –
---------
ผีแม่นาคในภาพจำของเราๆ คือวิญญาณสาวในชุดสไบสีแดง ครวญหาความรัก เฝ้ารอชายคนรัก อุ้มลูกที่ตายทั้งกลม และที่ขาดไม่ได้คือความน่ากลัว หวาดผวา น่าสะพรึง ชนิดที่ว่าแม่นาคกี่เวอร์ชั่นๆ ก็ยังคงสยองขวัญ ทำแต่ละทีคนดูย่อมคาดหวังความน่ากลัวของผีสาวผู้นี้
---------
แต่, เราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องแม่นาค เดอะมิวสิคัล ของดรีมบ็อกซ์ (ปี 2552) มานักต่อนัก
---------
ว่าเป็นการตีความแม่นาคในรูปแบบใหม่ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากแม่นาคเวอร์ชั่นไหนๆ
---------
เราเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้ดู (ตอนนั้นเด็กมาก) แต่ไม่นานมานี้ พอรู้ข่าวว่าดรีมบ็อกซ์จะนำแม่นาค เดอะมิวสิคัลมารีสเตจอีกครั้ง เราดีใจมาก! และที่ดีใจที่สุดคือรู้ว่าแคสนักแสดงฉบับปี 2562 นี้ นักแสดงส่วนใหญ่คือแคสเดิมจ้า! , เราบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล ฉบับนี้บทอัดแน่น จัดหนักจัดเต็ม ยาวกว่า 3 ชั่วโมง ครึ่ง เน้นไปที่รายละเอียดของทุกตัวละคร ทั้งฝั่งแม่นาคและฝั่งพ่อมาก โดยเฉพาะแม่นาค ถ้าคุณคาดหวังว่าไปถึงจะได้เห็นแม่นาคตายไวๆ เน้นชีวิตหลังความตาย เป็นวิญญาณตามหลอกหลอนชาวบ้านบางพระโขนง ก็คงต้องผิดหวังกันถ้วนหน้า เพราะกว่าแม่นาคจะตายก็ตอนจบองก์หนึ่งแล้วจ้า!
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล เล่าเรื่องผ่านบทละครในรูปแบบ Sung Through Musical คือบทพูดแทบทั้งเรื่องเป็นเพลง มีทำนอง มีจังหวะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักแสดงจะถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน และทรงพลังได้ในทุกรอบ ดังนั้นแค่มาฟังนักแสดงโชว์พลังเสียงของตนเอง ผสานกับความเป็นตัวละครในเรื่อง เสียงที่ทั้งมีพลัง ทั้งเข้าอกเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร โอ้โห แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
---------
เราดูละครเวทีค่ายนี้มาสองเรื่องติดกัน เห็นเอกลักษณ์ของดรีมบ็อกซ์ชัดเจนเลยคือเรื่องที่หยิบมาเล่าเป็นละครเวที จะเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะมาก ทั้งในแง่เนื้อหา และในแง่ปูมหลังของตัวละคร บทละครจะลงดีเทลลึก เพราะฉะนั้นมันจะไม่ได้สนุกหวือหวาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ได้เล่าเรื่องกระชับ ฉับไว หรือตีหัวคนดูให้สนุกกับมันไปทั้งเรื่อง (ยิ่งเราที่สอบเสร็จแล้วไปดูแม่นาค ยิ่งเป็นวันที่เรานอนน้อยมาก ยิ่งเห็นชัดเลยว่าบทค่อนข้างมีจุดที่ลงลึกเยอะจนเนือยๆ ไปบ้าง น่าเบื่อไปบ้าง)
---------
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังยืนยันว่าแม่นาค เดอะมิวสิคัลเป็นเรื่องควรค่าแก่การรับชม ยิ่งเราพอจะมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับตำนานรักเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย เราว่าไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจและสนุกไปกับมันแน่นอน ที่สำคัญคือแก่นเรื่องของแม่นาค เดอะมิวสิคัลของดรีมบ็อกซ์คมชัดมาก ประเด่นหรือสารที่ต้องการสื่อไปยังผู้ชมชัดเจนมาก ทุกย่างก้าวที่เราเดินออกจากโรงละครหลังดูจบ มันมีแต่ความคิดที่ตกตะกอนอยู่เต็มไปหมด
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล เริ่มเรื่องด้วยการมาอยู่ด้วยกันของแม่นาคกับพ่อมากที่บางพระโขนง ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกครรลองเลย ด้วยฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวขุนน้ำขุนนาง ในขณะที่พ่อมากทำได้เพียงพาเธอหนีมา พอมาอยู่ที่บางพระโขนง นอกจากหมอตำแยขี้เมา ก็ไม่มีใครปรารถนาดีหรือหวังดีกับเธอเลย โดยเฉพาะแม่ผัวที่จงเกลียดจงชังเธอยิ่งกว่าสิ่งใด และหญิงสาวผู้เกือบจะได้เป็นคู่ครองของพ่อมาก แต่เพราะมีเธอเข้ามา ความหวังของสายหยุดจึงพังทลาย --- เมื่อไม่มีพ่อมากสักคน บางพระโขนงก็ไม่มีที่ยืนให้ผู้หญิงต่างถิ่นที่ชื่อนาคเลย
---------
บทละครตีแผ่ให้เห็นถึงชีวิตผู้หญิงในสมัยโบราณชัดเจน ถึงแม่นาคจะเป็นผู้หญิงที่ล้ำสมัยในยุคนั้นคือทั้งอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้ (เพราะเป็นลูกขุนนาง) แต่เพียงเพราะเป็นผู้หญิงก็เป็นเสมือนประชากรชั้นสองอยู่ดี เมื่อชายคนรักคิดจะพาหนี เธอก็ไม่อาจขัดขืนอะไรได้ และเมื่อหนีตามกันมาแล้ว คนเป็นพ่อก็ไม่มีคำว่าอภัยให้อีก
---------
พอมาอยู่บางพระโขนง, คงไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าประชาชนชั้นสองด้วยกันดูถูก เหยียดหยาม และกลั่นแกล้งกันเอง --- บทเพลงบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงในสมัยนั้นชัดเจนมาก
---------
“เป็นผู้หญิงมีค่าน้อยกว่าควาย เคยได้ยินบ้างไหมหล่อนจ๋า เพราะควายมันยังขายได้ราคา แต่ผู้หญิงไม่มีค่าสักสตางค์”
---------
ค่านิยมของชาวบ้านบางพระโขนงคือผู้หญิงที่ดีต้องตื่นนอนก่อนไก่ ทำความสะอาดบ้านเรือน ดูแลงานครัว ต้อนวัวต้อนควายช่วยสามี ดังนั้นการที่แม่นาคอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้แต่ไม่มีปัญญาต้อนควายจึงกลายเป็นความแปลกแยก ความสามารถของเธอไม่ได้มีค่าสำหรับคนที่นี่เลย
---------
พอเป็นคำแปลกแยก ทั้งแปลกถิ่น ทั้งแปลกความคิด นางนาคจึงไม่ได้รับการยอมรับจากบรรดาผู้หญิงที่บางพระโขนง ไม่ใช่แค่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น หากมันยังรวมไปถึงการกลั่นแกล้ง นำทีมโดย แม่เหมือน แม่ผัวตัวร้าย และ สายหยุด หญิงสาวว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของพ่อมาก ที่ถูกหญิงต่างถิ่นอย่างนาคมาแย่งตำแหน่งนั้นไป
---------
ครูน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ถ่ายทอดบทแม่นาคได้ดีมาก พลังเสียงและอินเนอร์ของเธอดูเหมือนสาวแรกรุ่น วัยเลขสี่ไม่ได้ทำให้เรานึกภาพสาวผู้อ่อนต่อโลกไม่ออกเลย โดยเฉพาะซีนก่อนจบองก์แรก กับการตายของแม่นาคเวอร์ชั่นครูน้ำมนต์ ที่ทั้งรันทด ทั้งบีบคั้นหัวใจมาก
---------
องก์แรกอาจจะดูละครไท้ ละครไทย แต่มันสนุกมาก มันแซ่บ จัดจ้าน แต่ก็เรียลและเห็นสภาพสังคมในสมัยนั้นชัดเจน พอมาองก์สอง แมสเสจที่บทละครต้องการสื่อยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น คราวนี้ตัวละครในเรื่องสุดโต่งกันมาก ทั้งดีสุดๆ ทั้งเลวสุดๆ ทั้งบ้าสุดๆ (บ้าเพราะสำนักผิดและกลัวบาป แต่นี่ก็ยังไม่น่ากลัวหรือน่าสังเวชเท่าบ้าอำนาจ บ้าเพราะเลวร้ายจนสูญสิ้นความเป็นคนของอีกตัวละคร)
---------
จุดเริ่มต้นแห่งการตายของแม่นาค นำมาซึ่งประโยคที่ว่า “ข้ายังไม่พร้อมจะยอมตาย” ต่อจากนั้นราวกับว่าบางพระโขนงไม่ใช่บางพระโขนง ไม่ใช่โลกที่เรารู้จัก จะบอกว่าเป็นดิสโทเปียก็ย่อมได้ ถ้าชีวิตคน (ผี) ตนหนึ่งจะถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่ยามเป็นจนยามตาย ยามเป็นคนปกติจนยามเหลือแค่วิญญาณ เรื่องราวเริ่มมืดมน เริ่มหดหู่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนจบที่โยนระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้คนดูได้ตกตะกอนทางความคิด
---------
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารอชายคนรัก ผู้หญิงคนหนึ่งที่โลกนี้ไม่เหลือใครนอกจากชายคนรักอีกแล้ว ผู้หญิงที่เศษเสี้ยวใจสักนิดก็ไม่คิดจะทำร้ายใคร ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง --- ถามว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ควรค่าแก่การมีความสุขเลยหรือ? ทำไมเพราะความแค้น ความอาฆาต และความเห็นแก่ตัวของคนคนหนึ่ง ถึงทำร้ายผู้หญิงคนนี้อย่างไม่จบสิ้น
---------
ตอนมีชีวิตก็ไม่มีความสุข --- เพราะหมดลมหายใจเหลือเพียงแต่วิญญาณ ผีสาวตนนี้จะขอมีความสุขบ้างก็ยังไม่ได้อีกหรือ ทั้งบทละคร ทั้งการแสดงของครูน้ำมนต์ ถ่ายทอดบทบาทแม่นาค ตีความใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจตัวละครถ่องแท้ ผีแม่นาคเวอร์ชั่นนี้มิได้หลอกหลอนชาวบ้านบางพระโขนง, เธอเพียงแต่หลอกตัวเองเท่านั้น --- โดยการสร้าง หรือเนรมิตโลกใบใหม่ขึ้นมา โลกในจินตนาการ โลกอันสวยงามที่จะมีแค่เธอกับพี่มาก
---------
อย่างน้อยโลกมายาที่เธอสร้างมามันก็พอจะประทังความสุขให้เธอบ้าง เธอไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนผู้จองเวรกับเธอจะไม่ยอมจบเพียงเท่านี้
---------
(มีต่อคอมเม้นท์ที่ 1 )
[CR] ::: รีวิว -- แม่นาค เดอะมิวสิคัล :::
- เมื่อคนน่ากลัวกว่าผี เมื่อแม่นาคนี้คือผู้ถูกกระทำ –
ผีแม่นาคในภาพจำของเราๆ คือวิญญาณสาวในชุดสไบสีแดง ครวญหาความรัก เฝ้ารอชายคนรัก อุ้มลูกที่ตายทั้งกลม และที่ขาดไม่ได้คือความน่ากลัว หวาดผวา น่าสะพรึง ชนิดที่ว่าแม่นาคกี่เวอร์ชั่นๆ ก็ยังคงสยองขวัญ ทำแต่ละทีคนดูย่อมคาดหวังความน่ากลัวของผีสาวผู้นี้
---------
แต่, เราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องแม่นาค เดอะมิวสิคัล ของดรีมบ็อกซ์ (ปี 2552) มานักต่อนัก
---------
ว่าเป็นการตีความแม่นาคในรูปแบบใหม่ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากแม่นาคเวอร์ชั่นไหนๆ
---------
เราเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้ดู (ตอนนั้นเด็กมาก) แต่ไม่นานมานี้ พอรู้ข่าวว่าดรีมบ็อกซ์จะนำแม่นาค เดอะมิวสิคัลมารีสเตจอีกครั้ง เราดีใจมาก! และที่ดีใจที่สุดคือรู้ว่าแคสนักแสดงฉบับปี 2562 นี้ นักแสดงส่วนใหญ่คือแคสเดิมจ้า! , เราบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล ฉบับนี้บทอัดแน่น จัดหนักจัดเต็ม ยาวกว่า 3 ชั่วโมง ครึ่ง เน้นไปที่รายละเอียดของทุกตัวละคร ทั้งฝั่งแม่นาคและฝั่งพ่อมาก โดยเฉพาะแม่นาค ถ้าคุณคาดหวังว่าไปถึงจะได้เห็นแม่นาคตายไวๆ เน้นชีวิตหลังความตาย เป็นวิญญาณตามหลอกหลอนชาวบ้านบางพระโขนง ก็คงต้องผิดหวังกันถ้วนหน้า เพราะกว่าแม่นาคจะตายก็ตอนจบองก์หนึ่งแล้วจ้า!
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล เล่าเรื่องผ่านบทละครในรูปแบบ Sung Through Musical คือบทพูดแทบทั้งเรื่องเป็นเพลง มีทำนอง มีจังหวะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักแสดงจะถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน และทรงพลังได้ในทุกรอบ ดังนั้นแค่มาฟังนักแสดงโชว์พลังเสียงของตนเอง ผสานกับความเป็นตัวละครในเรื่อง เสียงที่ทั้งมีพลัง ทั้งเข้าอกเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร โอ้โห แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
---------
เราดูละครเวทีค่ายนี้มาสองเรื่องติดกัน เห็นเอกลักษณ์ของดรีมบ็อกซ์ชัดเจนเลยคือเรื่องที่หยิบมาเล่าเป็นละครเวที จะเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะมาก ทั้งในแง่เนื้อหา และในแง่ปูมหลังของตัวละคร บทละครจะลงดีเทลลึก เพราะฉะนั้นมันจะไม่ได้สนุกหวือหวาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ได้เล่าเรื่องกระชับ ฉับไว หรือตีหัวคนดูให้สนุกกับมันไปทั้งเรื่อง (ยิ่งเราที่สอบเสร็จแล้วไปดูแม่นาค ยิ่งเป็นวันที่เรานอนน้อยมาก ยิ่งเห็นชัดเลยว่าบทค่อนข้างมีจุดที่ลงลึกเยอะจนเนือยๆ ไปบ้าง น่าเบื่อไปบ้าง)
---------
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังยืนยันว่าแม่นาค เดอะมิวสิคัลเป็นเรื่องควรค่าแก่การรับชม ยิ่งเราพอจะมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับตำนานรักเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย เราว่าไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจและสนุกไปกับมันแน่นอน ที่สำคัญคือแก่นเรื่องของแม่นาค เดอะมิวสิคัลของดรีมบ็อกซ์คมชัดมาก ประเด่นหรือสารที่ต้องการสื่อไปยังผู้ชมชัดเจนมาก ทุกย่างก้าวที่เราเดินออกจากโรงละครหลังดูจบ มันมีแต่ความคิดที่ตกตะกอนอยู่เต็มไปหมด
---------
แม่นาค เดอะมิวสิคัล เริ่มเรื่องด้วยการมาอยู่ด้วยกันของแม่นาคกับพ่อมากที่บางพระโขนง ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกครรลองเลย ด้วยฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวขุนน้ำขุนนาง ในขณะที่พ่อมากทำได้เพียงพาเธอหนีมา พอมาอยู่ที่บางพระโขนง นอกจากหมอตำแยขี้เมา ก็ไม่มีใครปรารถนาดีหรือหวังดีกับเธอเลย โดยเฉพาะแม่ผัวที่จงเกลียดจงชังเธอยิ่งกว่าสิ่งใด และหญิงสาวผู้เกือบจะได้เป็นคู่ครองของพ่อมาก แต่เพราะมีเธอเข้ามา ความหวังของสายหยุดจึงพังทลาย --- เมื่อไม่มีพ่อมากสักคน บางพระโขนงก็ไม่มีที่ยืนให้ผู้หญิงต่างถิ่นที่ชื่อนาคเลย
---------
บทละครตีแผ่ให้เห็นถึงชีวิตผู้หญิงในสมัยโบราณชัดเจน ถึงแม่นาคจะเป็นผู้หญิงที่ล้ำสมัยในยุคนั้นคือทั้งอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้ (เพราะเป็นลูกขุนนาง) แต่เพียงเพราะเป็นผู้หญิงก็เป็นเสมือนประชากรชั้นสองอยู่ดี เมื่อชายคนรักคิดจะพาหนี เธอก็ไม่อาจขัดขืนอะไรได้ และเมื่อหนีตามกันมาแล้ว คนเป็นพ่อก็ไม่มีคำว่าอภัยให้อีก
---------
พอมาอยู่บางพระโขนง, คงไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าประชาชนชั้นสองด้วยกันดูถูก เหยียดหยาม และกลั่นแกล้งกันเอง --- บทเพลงบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงในสมัยนั้นชัดเจนมาก
---------
“เป็นผู้หญิงมีค่าน้อยกว่าควาย เคยได้ยินบ้างไหมหล่อนจ๋า เพราะควายมันยังขายได้ราคา แต่ผู้หญิงไม่มีค่าสักสตางค์”
---------
ค่านิยมของชาวบ้านบางพระโขนงคือผู้หญิงที่ดีต้องตื่นนอนก่อนไก่ ทำความสะอาดบ้านเรือน ดูแลงานครัว ต้อนวัวต้อนควายช่วยสามี ดังนั้นการที่แม่นาคอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้แต่ไม่มีปัญญาต้อนควายจึงกลายเป็นความแปลกแยก ความสามารถของเธอไม่ได้มีค่าสำหรับคนที่นี่เลย
---------
พอเป็นคำแปลกแยก ทั้งแปลกถิ่น ทั้งแปลกความคิด นางนาคจึงไม่ได้รับการยอมรับจากบรรดาผู้หญิงที่บางพระโขนง ไม่ใช่แค่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น หากมันยังรวมไปถึงการกลั่นแกล้ง นำทีมโดย แม่เหมือน แม่ผัวตัวร้าย และ สายหยุด หญิงสาวว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของพ่อมาก ที่ถูกหญิงต่างถิ่นอย่างนาคมาแย่งตำแหน่งนั้นไป
---------
ครูน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ถ่ายทอดบทแม่นาคได้ดีมาก พลังเสียงและอินเนอร์ของเธอดูเหมือนสาวแรกรุ่น วัยเลขสี่ไม่ได้ทำให้เรานึกภาพสาวผู้อ่อนต่อโลกไม่ออกเลย โดยเฉพาะซีนก่อนจบองก์แรก กับการตายของแม่นาคเวอร์ชั่นครูน้ำมนต์ ที่ทั้งรันทด ทั้งบีบคั้นหัวใจมาก
---------
องก์แรกอาจจะดูละครไท้ ละครไทย แต่มันสนุกมาก มันแซ่บ จัดจ้าน แต่ก็เรียลและเห็นสภาพสังคมในสมัยนั้นชัดเจน พอมาองก์สอง แมสเสจที่บทละครต้องการสื่อยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น คราวนี้ตัวละครในเรื่องสุดโต่งกันมาก ทั้งดีสุดๆ ทั้งเลวสุดๆ ทั้งบ้าสุดๆ (บ้าเพราะสำนักผิดและกลัวบาป แต่นี่ก็ยังไม่น่ากลัวหรือน่าสังเวชเท่าบ้าอำนาจ บ้าเพราะเลวร้ายจนสูญสิ้นความเป็นคนของอีกตัวละคร)
---------
จุดเริ่มต้นแห่งการตายของแม่นาค นำมาซึ่งประโยคที่ว่า “ข้ายังไม่พร้อมจะยอมตาย” ต่อจากนั้นราวกับว่าบางพระโขนงไม่ใช่บางพระโขนง ไม่ใช่โลกที่เรารู้จัก จะบอกว่าเป็นดิสโทเปียก็ย่อมได้ ถ้าชีวิตคน (ผี) ตนหนึ่งจะถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่ยามเป็นจนยามตาย ยามเป็นคนปกติจนยามเหลือแค่วิญญาณ เรื่องราวเริ่มมืดมน เริ่มหดหู่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนจบที่โยนระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้คนดูได้ตกตะกอนทางความคิด
---------
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารอชายคนรัก ผู้หญิงคนหนึ่งที่โลกนี้ไม่เหลือใครนอกจากชายคนรักอีกแล้ว ผู้หญิงที่เศษเสี้ยวใจสักนิดก็ไม่คิดจะทำร้ายใคร ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง --- ถามว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ควรค่าแก่การมีความสุขเลยหรือ? ทำไมเพราะความแค้น ความอาฆาต และความเห็นแก่ตัวของคนคนหนึ่ง ถึงทำร้ายผู้หญิงคนนี้อย่างไม่จบสิ้น
---------
ตอนมีชีวิตก็ไม่มีความสุข --- เพราะหมดลมหายใจเหลือเพียงแต่วิญญาณ ผีสาวตนนี้จะขอมีความสุขบ้างก็ยังไม่ได้อีกหรือ ทั้งบทละคร ทั้งการแสดงของครูน้ำมนต์ ถ่ายทอดบทบาทแม่นาค ตีความใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจตัวละครถ่องแท้ ผีแม่นาคเวอร์ชั่นนี้มิได้หลอกหลอนชาวบ้านบางพระโขนง, เธอเพียงแต่หลอกตัวเองเท่านั้น --- โดยการสร้าง หรือเนรมิตโลกใบใหม่ขึ้นมา โลกในจินตนาการ โลกอันสวยงามที่จะมีแค่เธอกับพี่มาก
---------
อย่างน้อยโลกมายาที่เธอสร้างมามันก็พอจะประทังความสุขให้เธอบ้าง เธอไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนผู้จองเวรกับเธอจะไม่ยอมจบเพียงเท่านี้
---------
(มีต่อคอมเม้นท์ที่ 1 )
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้