เราจบเป็นแพทย์มาสักระยะหนึ่ง เพิ่งมาทำโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ได้สักพักหนึ่งพบว่าโรงพยาบาลนี้ผู้บริหารขี้เหนียวกับสิทธิประกันสังคมมากค่ะ
การรักษาหลายๆครั้ง ที่เราต้องการทำตามมาตรฐาน ทางผู้บริหารก็ไม่ให้ทำ และบากครั้งก็ดูแลผู้ป่วยได้ไม่ดี ใช้ยาไม่ได้มาตรฐาน
ไม่มีความตั้งใจจะรักษาผู้ป่วยจริงๆ ทำให้หลายๆครั้ง ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร
เราจะขอยกตัวอย่างเป็นข้อๆนะคะ
1. คนไข้ถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ไม่ว่าจะหมาหรือแมว ย้ำนะคะว่าถ้าเลือดออก ไม่ว่าตำแหน่งใดก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นแผลความรุนแรงระดับ 3 (category 3) คุณต้องได้รับการฉีดยาหมาบ้าอย่างน้อยขั้นต่ำสองอย่างด้วยกัน
1.1. คุณต้องได้ เซรุ่มพิษสุนัขบ้า ที่ชื่อว่า ERIG (อีริค) ฉีดเข้าที่บาดแผล เพื่อฆ่าเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในวันนั้น ซึ่ง ผู้บริหารมักไม่ให้ฉีดเนื่องจากว่ายามันแพง
1.2. คุณต้องได้ วัคซีนพิษสุนัขบ้า มีหลายยี่ห้อ speeda abhyrab verorab อะไรก็ได้ค่ะ จะฉีด ใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อก็ได้ อันนี้ป้องกันหากโดนกัดในอนาคต ย้ำว่าต้องมาฉีดให้ครบตามใบนัดนะคะ
แหล่งอ้างอิง
https://saovabha.redcross.or.th/download/2559/thailand%20Rabies-Free/QsmiGuidline2016.pdf
เหตุผลที่เราไม่พอใจคือ โรงพยาบาลนี้ไม่ฉีดเซรุ่มให้ ฉีดวัคซีนอย่างเดียว ซึ่งมันไม่เพียงพอ สำคัญมากเพราะถ้าได้รับเชื้อหมาบ้าแล้วไม่ฉีดคุณอาจติดได้ ลำพังแค่วัคซีนนั้น ไม่เพียงพอ
2.การรักษาโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพองนั้น คุณต้องได้ยาสูดพ่นเป็นสำคัญ ไม่ใช้ยากิน เพราะประสิทธิภาพยากินมันไม่ได้เรื่อง มันเป็นยารุ่นเก่ามีดีที่ราคาถูกสมัยนี้การแพทย์พัฒนาไปจนถึงใช้ยาสูดพ่นแล้วค่ะ ยาพ่นที่ต้องได้ คุณต้องได้ ทั้งหมดขั้นต่ำสองตัว
2.1.ยาพ่นควบคุมที่พ่นเช้าเย็น พ่นเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการเหนือย ต้องพ่นเสมอเช้าเย็น ตัวนี้สำคัญมากๆ เพราะทำให้โรคสงบ ปอดไม่อักเสบ การทำงานของปอดจะดีในระยะยาว แต่แพง และโรงพยาบาลชอบลักไก่ไม่จ่ายให้คนไข้ค่ะ แต่ตามมาตรฐานสากลฝรั่งและโรงพยาบาลรัฐจ่ายให้ทุกคนนะคะ
2.2.ยาพ่นฉุกเฉิน ตัวนี้พ่นเฉพาะเวลาเหนื่อย ไม่สำคัญเท่าตัวแรกแต่ก็ควรมีติดตัวไว้ แต่ป้องกันอาการหอบไม่ได้และไม่ป้องกันปอดพังในระยะยาว แต่ชอบจ่ายให้ เพราะถูก
โรคหอบสำคัญที่ยาควบคุมค่ะ เพราะทำให้ปอดอยู่กับเราได้นาน การปล่อยให้หอบกำเริบบ่อยๆ ปอดจะเริ่มเคยชินและไม่ตคบอสนองกับยา ในระยะยาวคนไข้จะต้องทนทุกกับอาการหอบกำเริบบ่อยๆ โดนอะไรก็หอบ ต้องมาพ่นยาทุกวันๆ เสียการงาน และก็เสียคุณภาพชีวิตค่ะ
ยังมีเรื่องให้แฉอีกค่ะไว้มาเล่าต่อขอไปทำงานก่อนนะคะ
แฉโรงพยาบาลเอกชน ขึ้นต้นด้วย บาง ลงท้ายด้วย 3 ในจังหวัดสมุทรปราการ
การรักษาหลายๆครั้ง ที่เราต้องการทำตามมาตรฐาน ทางผู้บริหารก็ไม่ให้ทำ และบากครั้งก็ดูแลผู้ป่วยได้ไม่ดี ใช้ยาไม่ได้มาตรฐาน
ไม่มีความตั้งใจจะรักษาผู้ป่วยจริงๆ ทำให้หลายๆครั้ง ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร
เราจะขอยกตัวอย่างเป็นข้อๆนะคะ
1. คนไข้ถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ไม่ว่าจะหมาหรือแมว ย้ำนะคะว่าถ้าเลือดออก ไม่ว่าตำแหน่งใดก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นแผลความรุนแรงระดับ 3 (category 3) คุณต้องได้รับการฉีดยาหมาบ้าอย่างน้อยขั้นต่ำสองอย่างด้วยกัน
1.1. คุณต้องได้ เซรุ่มพิษสุนัขบ้า ที่ชื่อว่า ERIG (อีริค) ฉีดเข้าที่บาดแผล เพื่อฆ่าเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในวันนั้น ซึ่ง ผู้บริหารมักไม่ให้ฉีดเนื่องจากว่ายามันแพง
1.2. คุณต้องได้ วัคซีนพิษสุนัขบ้า มีหลายยี่ห้อ speeda abhyrab verorab อะไรก็ได้ค่ะ จะฉีด ใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อก็ได้ อันนี้ป้องกันหากโดนกัดในอนาคต ย้ำว่าต้องมาฉีดให้ครบตามใบนัดนะคะ
แหล่งอ้างอิง
https://saovabha.redcross.or.th/download/2559/thailand%20Rabies-Free/QsmiGuidline2016.pdf
เหตุผลที่เราไม่พอใจคือ โรงพยาบาลนี้ไม่ฉีดเซรุ่มให้ ฉีดวัคซีนอย่างเดียว ซึ่งมันไม่เพียงพอ สำคัญมากเพราะถ้าได้รับเชื้อหมาบ้าแล้วไม่ฉีดคุณอาจติดได้ ลำพังแค่วัคซีนนั้น ไม่เพียงพอ
2.การรักษาโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพองนั้น คุณต้องได้ยาสูดพ่นเป็นสำคัญ ไม่ใช้ยากิน เพราะประสิทธิภาพยากินมันไม่ได้เรื่อง มันเป็นยารุ่นเก่ามีดีที่ราคาถูกสมัยนี้การแพทย์พัฒนาไปจนถึงใช้ยาสูดพ่นแล้วค่ะ ยาพ่นที่ต้องได้ คุณต้องได้ ทั้งหมดขั้นต่ำสองตัว
2.1.ยาพ่นควบคุมที่พ่นเช้าเย็น พ่นเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการเหนือย ต้องพ่นเสมอเช้าเย็น ตัวนี้สำคัญมากๆ เพราะทำให้โรคสงบ ปอดไม่อักเสบ การทำงานของปอดจะดีในระยะยาว แต่แพง และโรงพยาบาลชอบลักไก่ไม่จ่ายให้คนไข้ค่ะ แต่ตามมาตรฐานสากลฝรั่งและโรงพยาบาลรัฐจ่ายให้ทุกคนนะคะ
2.2.ยาพ่นฉุกเฉิน ตัวนี้พ่นเฉพาะเวลาเหนื่อย ไม่สำคัญเท่าตัวแรกแต่ก็ควรมีติดตัวไว้ แต่ป้องกันอาการหอบไม่ได้และไม่ป้องกันปอดพังในระยะยาว แต่ชอบจ่ายให้ เพราะถูก
โรคหอบสำคัญที่ยาควบคุมค่ะ เพราะทำให้ปอดอยู่กับเราได้นาน การปล่อยให้หอบกำเริบบ่อยๆ ปอดจะเริ่มเคยชินและไม่ตคบอสนองกับยา ในระยะยาวคนไข้จะต้องทนทุกกับอาการหอบกำเริบบ่อยๆ โดนอะไรก็หอบ ต้องมาพ่นยาทุกวันๆ เสียการงาน และก็เสียคุณภาพชีวิตค่ะ
ยังมีเรื่องให้แฉอีกค่ะไว้มาเล่าต่อขอไปทำงานก่อนนะคะ