ยกตัวอย่าง
- ผมไปเดินงานร้านแจกอาหารฟรีในงานบุญกฐิน สิ่งที่เจอคือคนรุ่นอายุที่ยังเป็นหนุ่มสาวจะต่อคิวเพื่อรับอาหารกัน แต่คนรุ่นสูงอายุและมีจำนวนมากจะไม่ต่อคิวเพื่อรับอาหาร แต่ใช้วิธีไปยืนที่โต๊ะรับอาหารเลยและทำให้แถวที่ต่อกันมาเสียไป แต่ยังมีคนที่ยึดมั่นในระเบียบแถวยังดึงสถานการณ์ให้มีระบบการต่อแถวอยู่ ซึ่งเจ้าของร้านที่มาออกร้านก็ปวดหัวพอสมควร
-เข้าเซเว่นซื้อของสิ่งที่เจอบ่อยๆคือเราต่อแถวเพื่อชำระเงิน แล้วจะมีคนรุ่นเก่าเอาของไปวางเพื่อชำระเงินตรงเคาน์เตอร์ทั้งที่มีแถวต่อกันอยู่ และเมื่อคนที่ชำระเงินก่อนหน้าเสร็จปั๊ป คนสูงอายุก็ใช้โอกาสนี้ลัดคิวเพื่อคิดเงินทันที
สิ่งที่ว่ามาไม่ได้เหมาว่าคนสูงอายุเป็นกันทุกคนนะครับ คนสูงอายุที่มีกฏระเบียบสังคมก็มีเยอะ เพียงแต่ว่าพฤติกรรมในสังคมเด็กรุ่นใหม่จะเปลี่ยนไป แนวคิดแบบที่คนรุ่นเก่าเคยทำบ่อยๆถ้าเป็นสมัยก่อนจะเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ปัจจุบันรูปแบบการใช้ชีวิตจะค่อยๆเปลี่ยนแบบที่เราจะถูกกลืนไปแบบที่เราไม่รู้ตัว คนรุ่นใหม่จะมีจิตสำนึกมากขึ้น ทีนี้ใครที่ไม่เข้าระเบียบสังคมจะโดดเด่นขึ้นมาแบบชัดเจน
คนไทยรุ่นใหม่เท่าที่ดูจะเป็นคนยึดถือกฏระเบียบส่วนรวมมากกว่าคนรุ่นเก่ามาก
- ผมไปเดินงานร้านแจกอาหารฟรีในงานบุญกฐิน สิ่งที่เจอคือคนรุ่นอายุที่ยังเป็นหนุ่มสาวจะต่อคิวเพื่อรับอาหารกัน แต่คนรุ่นสูงอายุและมีจำนวนมากจะไม่ต่อคิวเพื่อรับอาหาร แต่ใช้วิธีไปยืนที่โต๊ะรับอาหารเลยและทำให้แถวที่ต่อกันมาเสียไป แต่ยังมีคนที่ยึดมั่นในระเบียบแถวยังดึงสถานการณ์ให้มีระบบการต่อแถวอยู่ ซึ่งเจ้าของร้านที่มาออกร้านก็ปวดหัวพอสมควร
-เข้าเซเว่นซื้อของสิ่งที่เจอบ่อยๆคือเราต่อแถวเพื่อชำระเงิน แล้วจะมีคนรุ่นเก่าเอาของไปวางเพื่อชำระเงินตรงเคาน์เตอร์ทั้งที่มีแถวต่อกันอยู่ และเมื่อคนที่ชำระเงินก่อนหน้าเสร็จปั๊ป คนสูงอายุก็ใช้โอกาสนี้ลัดคิวเพื่อคิดเงินทันที
สิ่งที่ว่ามาไม่ได้เหมาว่าคนสูงอายุเป็นกันทุกคนนะครับ คนสูงอายุที่มีกฏระเบียบสังคมก็มีเยอะ เพียงแต่ว่าพฤติกรรมในสังคมเด็กรุ่นใหม่จะเปลี่ยนไป แนวคิดแบบที่คนรุ่นเก่าเคยทำบ่อยๆถ้าเป็นสมัยก่อนจะเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ปัจจุบันรูปแบบการใช้ชีวิตจะค่อยๆเปลี่ยนแบบที่เราจะถูกกลืนไปแบบที่เราไม่รู้ตัว คนรุ่นใหม่จะมีจิตสำนึกมากขึ้น ทีนี้ใครที่ไม่เข้าระเบียบสังคมจะโดดเด่นขึ้นมาแบบชัดเจน