เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายวัย13ปีเลิกเรียน และได้เดินข้ามถนน และได้มีรถยนต์ชน
ส่วนตัวเรามีคนไปตามขณะจะออกจากบ้านไปทำงานเป็นวันหยุดเพื่อไปทำโอทีหารายได้ให้ครอบครัวเพิ่มค่ะ
เมื่อมีคนมาตามว่าลูกชายถูกรถชนด้วยความเป็นห่วงลูกจึงรีบตามไปที่เกิดเหตุ วินาทีที่เห็นลูกตอนนั้นบอกตรงๆค่ะจะเป็นลมให้ได้เลย เจอลูกในสภาพเลือดเต็มตัวหัว ตามตัวมีเลือดออก ลูกชายมีสภาพเบลอๆพูดรู้สึกตัวแต่ตาลอยๆค่ะ เราก็ร้องไห้เรียกลูกตอนนั้นกู้ภัยได้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้ยินกู้ภัยถามน้องตลอดว่าน้องรู้สึกตัวดีมั้ย เราสติแตกค่ะ แต่ได้ยินเสียงลูกพูดว่า "แม่อย่าร้อง นู๋ไม่เป็นไรหรอกแม่" โอ้ยยยย ใจแม่จะขาด พูดถึงเรื่องความรู้สึกกันแล้ว ทีนี้คู่กรณีละ นึกขึ้นได้ใครชน มองหาอีกที ก็มีคู่หญิงชายเดินมาร้องไห้ บอกขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ โอเคค่ะคนชนไม่หนี เราจึงไปโรงพยาบาลกับลูกพร้อมรถกู้ภัย โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ทีนี้พอถึงโรงพยาบาลใกล้บ้านส่วนของอำเภอ ส่งลูกเข้าห้องฉุกเฉิน ทางโรงเรียนก็มีอาจารย์ตามมาดูอาการลูกค่ะดีมากเลย พอรอหน้าห้องฉุกเฉินสักพัก ก็มีพยาบาลออกมาเรียกเข้าไป เรื่องการใช้สิทธิ์รักษาทางคู่กรณีก็ได้มาบอกให้ใช้สิทธิ์พรบ.ของเขาได้เลย และทางโรงพยาบาลก็แจ้งอาการของน้องด้วยว่า หัวน้องแตกมีแผลฉีกขาดต้องเย็บเบื้องต้นก่อน14เข็ม มีกระโหลกร้าวยุบลงไปมีเลือดหุ้มเยื่อสมองออกร่วมด้วย พอแม่ได้ยินขาอ่อนเลยค่ะ หันมาอีกทีได้ยินลูกเรียก บอกว่าเค้าจะอ้วก น้องมีอาการอ้วกพุ่งออกมาเลยค่ะ ตกใจมาก ลูกเราจะเป็นไรมั้ย วิตกไปหมด สงสารลูกมาก
ทีนี้ทางหมอก็แจ้งว่า ต้องส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัดนะ สักพักก็มีรถโรงพยาบาลและพยาบาลวิชาชีพติดรถไปส่งด้วย ระหว่างทางลูกมีความดันตกเหมือนจะวูบๆไป เรากะพยาบาลก็เรียกน้องตลอดทาง จนไปถึงโรงพยาบาลในจังหวัด ก็รีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที
พอหลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็ได้พักรักษาตัวอยู่ เราและสามีก็ต้องคอยหยุดงานเพื่อดูแลลูกอยู่โรงพยาลสามีก็ต้องขับรถไปกลับจากบ้านมาโรงบาลทุกวัน เพราะด้วยเรื่องเอกสารการกินการอยู่การเดินทางต่างๆก็ถือว่าลำบากค่ะ ไม่ได้พักห้องพิเศษด้วย ลูกก็ตัวร้อนบ่อยมาก ไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยค่ะทีนี้
ส่วนของคู่กรณีมาเยี่ยมด้วยกระเช้าค่ะ วันแรก และเขาก็มาบอกว่าเขาต้องกลับต่างจังหวัดนะ เขาต้องทำงาน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งปัจจัยช่วยในการกินการใช้ การอยู่เลย ในณ ตรงนี้เราก็ไม่ว่าอะไร แต่เขาก็ไม่ได้หนี ส่วนเรื่องของน้องอาการบาดเจ็บน้องฟื้นตัวเร็วมากค่ะน้องพยายามลุกเดิน ลุกนั่ง และพอเริ่มไม่มีไข้ 5วันหมอก็ให้กลับบ้านไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้
เดี๋ยวกลับมาเล่าประสบการณ์และคำถามต่อนะคะ
ลูกชายโดนรถชนการเรียกค่าสินไหมเราเรียกจากหยุดงานของแม่ผู้เฝ้าด้วยได้มั้ยค่ะ
ส่วนตัวเรามีคนไปตามขณะจะออกจากบ้านไปทำงานเป็นวันหยุดเพื่อไปทำโอทีหารายได้ให้ครอบครัวเพิ่มค่ะ
เมื่อมีคนมาตามว่าลูกชายถูกรถชนด้วยความเป็นห่วงลูกจึงรีบตามไปที่เกิดเหตุ วินาทีที่เห็นลูกตอนนั้นบอกตรงๆค่ะจะเป็นลมให้ได้เลย เจอลูกในสภาพเลือดเต็มตัวหัว ตามตัวมีเลือดออก ลูกชายมีสภาพเบลอๆพูดรู้สึกตัวแต่ตาลอยๆค่ะ เราก็ร้องไห้เรียกลูกตอนนั้นกู้ภัยได้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้ยินกู้ภัยถามน้องตลอดว่าน้องรู้สึกตัวดีมั้ย เราสติแตกค่ะ แต่ได้ยินเสียงลูกพูดว่า "แม่อย่าร้อง นู๋ไม่เป็นไรหรอกแม่" โอ้ยยยย ใจแม่จะขาด พูดถึงเรื่องความรู้สึกกันแล้ว ทีนี้คู่กรณีละ นึกขึ้นได้ใครชน มองหาอีกที ก็มีคู่หญิงชายเดินมาร้องไห้ บอกขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ โอเคค่ะคนชนไม่หนี เราจึงไปโรงพยาบาลกับลูกพร้อมรถกู้ภัย โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ทีนี้พอถึงโรงพยาบาลใกล้บ้านส่วนของอำเภอ ส่งลูกเข้าห้องฉุกเฉิน ทางโรงเรียนก็มีอาจารย์ตามมาดูอาการลูกค่ะดีมากเลย พอรอหน้าห้องฉุกเฉินสักพัก ก็มีพยาบาลออกมาเรียกเข้าไป เรื่องการใช้สิทธิ์รักษาทางคู่กรณีก็ได้มาบอกให้ใช้สิทธิ์พรบ.ของเขาได้เลย และทางโรงพยาบาลก็แจ้งอาการของน้องด้วยว่า หัวน้องแตกมีแผลฉีกขาดต้องเย็บเบื้องต้นก่อน14เข็ม มีกระโหลกร้าวยุบลงไปมีเลือดหุ้มเยื่อสมองออกร่วมด้วย พอแม่ได้ยินขาอ่อนเลยค่ะ หันมาอีกทีได้ยินลูกเรียก บอกว่าเค้าจะอ้วก น้องมีอาการอ้วกพุ่งออกมาเลยค่ะ ตกใจมาก ลูกเราจะเป็นไรมั้ย วิตกไปหมด สงสารลูกมาก
ทีนี้ทางหมอก็แจ้งว่า ต้องส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัดนะ สักพักก็มีรถโรงพยาบาลและพยาบาลวิชาชีพติดรถไปส่งด้วย ระหว่างทางลูกมีความดันตกเหมือนจะวูบๆไป เรากะพยาบาลก็เรียกน้องตลอดทาง จนไปถึงโรงพยาบาลในจังหวัด ก็รีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที
พอหลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็ได้พักรักษาตัวอยู่ เราและสามีก็ต้องคอยหยุดงานเพื่อดูแลลูกอยู่โรงพยาลสามีก็ต้องขับรถไปกลับจากบ้านมาโรงบาลทุกวัน เพราะด้วยเรื่องเอกสารการกินการอยู่การเดินทางต่างๆก็ถือว่าลำบากค่ะ ไม่ได้พักห้องพิเศษด้วย ลูกก็ตัวร้อนบ่อยมาก ไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยค่ะทีนี้
ส่วนของคู่กรณีมาเยี่ยมด้วยกระเช้าค่ะ วันแรก และเขาก็มาบอกว่าเขาต้องกลับต่างจังหวัดนะ เขาต้องทำงาน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งปัจจัยช่วยในการกินการใช้ การอยู่เลย ในณ ตรงนี้เราก็ไม่ว่าอะไร แต่เขาก็ไม่ได้หนี ส่วนเรื่องของน้องอาการบาดเจ็บน้องฟื้นตัวเร็วมากค่ะน้องพยายามลุกเดิน ลุกนั่ง และพอเริ่มไม่มีไข้ 5วันหมอก็ให้กลับบ้านไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้
เดี๋ยวกลับมาเล่าประสบการณ์และคำถามต่อนะคะ