"เรามักจะเชื่อความรู้สึกแรกของตัวเองเสมอ"
หลายคนอาจจะงงว่าเป็นกระทู้แนะนำที่ท่องเที่ยวแต่ทำไมเกริ่นมาด้วยเรื่องของความรู้สึกแรกของตัวเอง ถ้ามีคำถามถามว่า ภายใน 1 สัปดาห์คุณอยู่กับใครเป็นเวลานานที่สุด?....และถ้าเรารีบเฉลยไปแล้วว่า "คุณอยู่กับตัวคุณมากที่สุด" จะเชื่อเราไหมคะ? สวัสดีค่ะ เราคือผู้หญิงโนเนมคนหนึ่งที่เคยเขียนกระทู้เที่ยวฮ่องกงจนได้ลงในโพสต์ของกระทู้แนะนำPantip และเป็นแรงผลักดันให้เรากลับมาเขียนกระทู้บอกเล่าเรื่องราวในเว็บไซต์แห่งนี้ แต่ก็มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเขียนกระทู้ล่าสุดไม่จบ...ซึ่งเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าพอเราใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรื่อยๆ เรามักจะทำอะไรหล่นหาย อย่างเช่นความทรงจำบางอย่างในทริปนั้น
เรามาอยู่ไต้หวันได้เกือบ 3 เดือน ใช้เวลาปรับตัวทั้งอาหาร การใช้ชีวิต การพบปะเพื่อนฝูง เรารู้สึกโชคดีที่การมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวครั้งนี้ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนสนิทที่เหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเรา มันเลยเป็นคำสั่งให้กับตัวเองว่า "แกจะต้องรอดและมีความสุขไปให้ได้" เรามาเรียนที่เมืองเล็กๆในไถจง เราแสวงหาความสงบ แต่ก็ไม่ห่างไกลความวุ่นวาย เมื่อชีวิตต้องการเติมความวุ่นวายเพราะมันเอื่อยเฉื่อยเกินไป แน่นอนเราก็คงต้องแสวงหาความวุ่นวายอย่างเมืองหลวง 'ไทเป'

ทริปสั้นๆที่ตกลงกันอย่างไม่รู้ตัว แต่พอมาอีกทีก็กดจองที่พักไปแล้ว ที่มหาลัย มีแก๊งค์คนไทยที่หายากพอๆกับความรักดีๆในชีวิตคนนึงได้เลยค่ะ ดังนั้นเมื่อเราพบปะเราจึงเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อย ชวนกินชาบู ปิ้งย่าง ปีนเขา (เดินหลงจนไปเจอสุสาน) ซื้อของ จัดการการใช้ชีวิตเบื้องต้นในเมืองใหม่ๆที่เราไม่คุ้นเคย เราจึงมีชื่อแก๊งค์ว่า "คนไทยไม่ทิ้งกัน" เราไปไทเป 3 วัน 2 คืน เหตุผลเพราะมหาลัยมีวันหยุดกีฬาสี 1 วันและวันอังคารเรามีเรียนแค่ตอนเช้า สรุปคือเรานั่งรถบัสจากไถจงรอบ 12:40 น. ไปลง Taipei Main Station ถึงประมาณ 15:30 น. ในราคาตั๋ว 240 บาท ถ้าใครอยากนั่งรถเพลินๆเราว่าการนั่งรถบัสก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะคะ

ตอนนี้อากาศที่ไถจงเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ย 22 องศาเซลเซียส ด้วยความที่บรรยากาศน่านอนแบบนี้เราแทบไม่อยากออกไปไหน อยากกินๆนอนๆ ออกไปเดินเล่นแถวมหาลัยแล้วก็หาข้าวเย็นกินแถบนั้น เราแค่คิดว่าวันกีฬาสี ก็คงเป็นหนึ่งวันที่เราไม่ต้องทำอะไร หรือทำมากสุดก็คือการทำรายงานที่จะส่งเร็วๆนี้ ในขณะที่เดินมาขึ้นรถเมล์กับสมาชิกคนไทยไม่ทิ้งกัน เพื่อนคนนึงเปิดประเด็นว่าจะต้องเข้าไทเปไปทำพาสปอร์ต เพราะจะหมดอายุ เพื่อนอีกคนซึ่งค่อนข้างจะมีแนวโน้มว่าอยากไปอยู่แล้วหันมาชวนเรา ในใจคิดว่านอนกลิ้งอยู่ที่หอ กับ การนั่งรถ 2 ชั่วโมงกว่าๆไปไทเป เราลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ตอบไปว่า "เอาดิ" คำนี้มันเหมือนเป็นความรู้สึกแรกของเราที่พูดออกมา พอเห็นเพื่อนหาที่พัก เห็นเพื่อนถามความเห็น ในตอนนั้นแม้ความขี้เกียจมักจะคอยเข้ามาวนเวียน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เราก็ตัดสินใจจองที่พักในวันต่อมา...เพราะเราเชื่อว่า การเข้ามาไทเปครั้งนี้มันจะทำให้เราได้อะไรกลับมา หรือเติมเต็มอะไรบางอย่างในตัวเรา

นี่เป็นครั้งแรกที่เราเข้าไทเป และเป็นครั้งแรกที่เรามาไทเป จะตั้งกระทู้ว่า "Taipei First Time" ก็ไม่ผิดนัก ทริปนี้แก๊งคนไทยมากันหมด 3 คน มีเพื่อน 1 คนต้องมาทำพาสปอร์ตจึงเข้ามาก่อนวันจันทร์ เราและเพื่อนอีกคนจึงตามมาหลังเรียนคลาสเช้าเสร็จในวันอังคาร พอเราซื้อตั๋วรถก็ออกพอดี ทำให้เราไม่ได้เตรียมซื้อข้าวกลางวันขึ้นไปกิน และเราก็ไม่ได้กินข้าวเช้าไปเสียด้วย ทำให้หลังจากนั่งรถมาสักพัก พวกเราหิวมาก เป็นการคิดถึงร้านสะดวกซื้อที่สถานีรถบัสมากกว่าการที่จะได้เห็นตึกไทเป 101 ซะอีก ดังนั้นเมื่อลงรถบัสเราและเพื่อนจึงตรงไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรกินกันก่อน และสิ่งที่เราไปพบนั่นก็คือคุณลุงคนขับรถที่ซื้อโอเด้งเกือบ 10 ไม้ ชาเขียว 1 ขวด และลูกอมอีกนิดหน่อย และการที่เราได้เห็นภาพนี้มันก็ย้ำในคำตอบของเราแล้วว่า เราไม่ได้หิวคนเดียวแน่ๆ คุณลุงก็คงหิวไม่ต่างกัน (Have a nice lunch นะคะคุณลุง)

เพื่อนที่ล่วงหน้ามาก่อนได้ส่งสาส์นมายังชาวไทยในไถจงอย่างเราๆว่า "ไทเปฝนตกนะ เอาร่มมาด้วย นี่หนาวนอนอยู่ในโฮสเทล" เรามั่นใจว่านี่อาจจะเป็นคำเตือนที่แม่นยิ่งกว่ากรมอุตุฯ แถมยังรู้สึกดี๊ด๊า เพราะเราซื้อสื้อกันฝนลายเลม่อนมาจากไทย แน่นอนว่าเมื่อเจอฝนเจอลม ร่มบางๆจากประเทศแถบร้อนคงเอาไม่อยู่และเราอยากกลับไปอยู่ในวัยที่เคยใส่เสื้อกันฝนครั้งล่าสุด (ไม่เกินประถม) เราแค่รู้สึกว่าเสื้อกันฝนเป็นสิ่งที่ใครใส่แล้วคงจะน่ารักน่าดู เราเลยอยากจะมีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งของชนิดนี้ ดังนั้นคุณชุดกันฝนลายเลม่อนที่นอนหลบแดดหลบลมในตู้เสื้อผ้ามาเกือบ 3 เดือนได้ออกมาเฉิดฉายท้าลมท้าฝนในไทเปสักที ต้องขอบคุณเสื้อกันฝนลายนี้ที่เพิ่มความน่ารักให้กับตัวเรา (ไม่ต้องรอให้ใครชมชิงชมตัวเองไปก่อนแล้ว)

ถ้าถามถึงอะไรที่ผิดแผนไปตามที่คิดทริปนี้คงหนีไม่พ้น เราไม่รู้ว่าเพราะเป็นนิสัยของตัวเราหรือเพราะธรรมชาติของสังคมมันมักจะมีอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง สิ่งแบบนี้จึงเกิดขึ้นรายล้อมสังคมมนุษย์อย่างเรา เวลาที่คาดคะเน การจราจร ความหิวที่เกิดขึ้น การเดินทางที่ไม่รู้ข้อมูล หรือแม้แต่การที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะมากินชาบูร้านหม่าล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรามองว่านี่เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของการออกมาใช้ชีวิต อย่างน้อยสิ่งที่ไม่ผิดแผนคือการที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ มายืนที่ไทเปตามที่เราตั้งใจไว้ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปวัดกันก่อนแล้วจะไปตระเวนร้านคาเฟ่เก๋ๆ สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจมาย่านซีเหมินติงเพราะใกล้ที่พักและมาดูคิวเผื่อว่าร้านชาบูคิวจะยาว เราเดินมาเอาคิวที่ร้านก่อน แต่เพราะเป็นวันอังคารคนไม่เยอะและมีโต๊ะ ตอนนั้นพวกเราลังเลว่าจะไปเดินเล่นก่อนแล้วค่อยกลับมากินหรือกินเลยดี พนักงานก็ยืนรอคำตอบ ลังเลไป 3 นาทีสุดท้ายก็ตัดสินใจกินที่ร้านเพราะไม่อยากกลับที่พักดึก

ขอสารภาพตรงนี้ เวลานี้เลยว่า ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนกระทู้พันทิพ อยากไปใช้เวลากับไทเป และเที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่พอมันได้อะไรกลับมาเราก็อยากเอามาเขียน เพราะเราค้นพบในวัยเกือบ 23 ของเราว่าเราเป็นคนชอบเล่า เรามักจะรู้สึกสนุกและมีแววตาสดใสในการที่เราเล่าและย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าประทับใจเหล่านั้น แต่เพราะสิ่งที่เรามักจะได้รับบางทีมันก็เกิดขึ้นด้วยการไม่ได้สรรสร้าง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้หรือเตรียมใจมาก่อน ดังนั้น รูปที่เรานำมาลงมันมักจะมีเรื่องราวที่เราอยากจะเล่าด้วยหมดทั้งสั้น ปล. ราคาชาบูมื้อกลางวันจะถูกกว่ามื้อเย็น 100 บาทนะคะ เราจ่ายไป 768 บาท ทานได้ 2 ชั่วโมง ชอบมากเชื่อว่าจะกลับมากินอีกแน่ๆ แถวๆที่พักเรามีร้านชาบูหม่าล่าเหมือนกัน คราวหน้าจะลองแถวๆที่พักดู
"เพราะทุกภาพถ่ายมักมีเรื่องเล่าเสมอ"
หลังจากที่เรากินชาบูกันเสร็จเราและเพื่อนๆตัดสินใจเดินย่อย ถ้าหากให้เราเป็นคนนำเดินแล้วคงไม่แคล้วกันการกลีกเลี่ยงคนเยอะๆ ถ้าใครเคยไปย่านซีเหมินติงคงพอจะนึกออกว่าเป็นโซนๆ มี 4 แยกให้เดินเข้าไปแล้วก็แบ่งเป็นแยกเล็กๆเข้าไปอีก ร้านดังๆก็จะอยู่แถวทางออกรถไฟใต้ดินทางออกที่ 6 กลับมาทางเราต่อ เราเดินไปแถวๆที่ไม่ค่อยมีคน เดินไปเรื่อยๆจนไปเจอซอยเล็กๆที่มีร้านบาร์ญี่ปุ่นอยู่หน้าปากซอย สิ่งที่ดึงดูดเราไม่ใช่หนุ่มหน้าตาดีที่เดินสวนแต่เป็นภาพวาดตามผนังตลาดทั้งซอยพร้อมกลิ่นทินเนอร์ที่ลอยอบอวล เราเดินไปถ่ายรูป กับประโยคที่ว่า "All I have are negative" ถ้าคุณเข้ามาอ่านถึงตรงนี้แล้ว ช่วยเติมให้หน่อยว่าสำหรับเราแล้ว ควรเป็น "All I have are...." อะไรดี

อย่างที่บอกว่าตลอดทั้งซอยนี้เป็นงาน Street Art ใครอยากมาชื่นชมศิลปะหรือมาถกประเด็นความหมายที่ซ่อนอยู่ในงานศิลปะเราก็เชิญชวนนะ เราไม่แน่ใจว่าชื่อตรอกนี้จริงๆคืออะไร แต่ลองค้นหาในเน็ตว่า "Street Art at Ximending" น่าจะช่วยคุณๆกันได้ สำหรับความเบลอของภาพมันทำให้เราอยากเก็บภาพนี้ไว้แทนที่จะลบ ตอนที่เราเห็นภาพนี้เราชอบ positionของตัวเรา รวมถึงสีหน้าแววตา รวมถึงหน้าม้าที่ยังพอดูดี ซึ่งในปกติความไม่ชัดมักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลือกกดภาพที่เบลอทิ้งไป เพราะคิดว่าคงใช้ไม่ได้ สำหรับภาพนี้มันต่างออกไป เรากลับมองว่าความเบลอของภาพทำให้ภาพนี้ดูดีขึ้นมาซะอย่างงั้น ซึ่งถ้ามันชัดก็อาจจะเป็นภาพที่เราชอบองค์ประกอบที่ตัวเรา แต่พอเบลอเรากลับสนใจด้านหลังมากกว่าเสียอีก
[จบวันที่ 1]
วัดหลงชาน คงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงในไทเป ด้วยความเก่าแก่ของวัดและความดังของเครื่องรางที่ราคาไม่สูงมากและมีประสิทธิผลดีเกินราคา (ฟังเขาๆกันมาอีกทีนะคะ) ทางเราขอเข้าไปดูไปไหว้ ด้วยความที่ไม่ได้ทำการบ้านมาเราแทบไม่รู้เลยว่าท่านเทพที่ประทับแต่ละตำหนักมีเงื่อนไขและการขอพรที่จะเน้นด้านไหนเป็นพิเศษ จึงขอพรรวบยอดพร้อมๆกันเชื่อว่าท่านเทพจะนำไปแบ่งกันเองอีกที เราซื้อเครื่องรางด้านสุขภาพมาให้คุณพ่อเราค่ะ ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสไปงานแต่งลูกสาวอาจารย์ของเพื่อน ในงานเราพอสื่อสารภาษาจีนได้สามีของอาจารย์เป็นคุณพ่อทางเจ้าสาว ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านต้องจูงมือลูกสาวขึ้นไปบนเวที แถมท่านยังมีเพียงลูกสาวคนเดียวเสียอีก ตอนที่เล่าท่านน้ำตาคลอ เข้าใจว่าท่านคงไม่อยากมาร้องไห้ต่อหน้าคนที่พึ่งรู้จัก ท่านนิ่งไปสักพักและบอกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของเขามากเลยนะ...มันทำให้เรานึกถึงพ่อเราค่ะ เราแค่เพียงอยากให้พ่อจูงมือในทุกๆวันสำคัญของเรา (รวมถึงหม่ามี้ด้วยน้า) เพียงแต่คุณพ่อพึ่งผ่าตัดใหญ่มาเราหวังว่าขอให้เครื่องรางเป็นหนึ่งทำให้พ่อยังสามารถจูงมือเราไปได้ตราบนานเท่านาน

การรีวิวถือว่ามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่จะไปไหนหรือไม่ไปไหนของเรา ด้วยความที่เราเป็นคนชอบกินหมูกรอบตอนอยู่ไทยมากๆและยังหาร้านหมูกรอบที่ไถจงไม่เจอ เพื่อนส่งรีวิวร้านหมูกรอบตรงตลาดวัดหลงซานมาให้ตอนนั้นในรูปน่ากินมาก เราจึงตั้งใจว่าเมื่อมาวัดตอนสายๆคงได้ทานหมูกรอบเป็นมื้อกลางวันพอดี ร้านชื่อว่า 周记肉粥店 ในความเห็นส่วนตัวรู้สึกว่าธรรมดา อาจจะเพราะเราเจอร้านที่ถูกปากเราก่อนหน้านี้อยู่แล้ว (ปล.หมูกรอบเรายกให้ฮ่องกงอันดับ 1 ร้านไหนก็ได้คือดีหมด) เต็ม 10 เราให้ 7.5 ถ้าใครอยากลองรสชาติก็แนะนำนะคะ ส่วนตัวเราชอบการบริการของอาอี๋ อวยพรให้ร้านขายดีๆนะคะ
[TAIPEI] ไทเป 3 วัน 2 คืน ...แป๊บๆก็กลับแล้ว (เน้นเล่าเรื่องไม่เน้นรีวิว)