วิมานวาดฝัน! ครอบครัว 3 แม่ลูกชาวอินเดีย อ้างตนเป็นเชื้อสายกษัตริย์ จนได้อาศัยในปราสาทเก่าหลายปี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

รูปภาพและเนื้อหาอ้างอิงจาก

https://www.nytimes.com/2019/11/22/world/asia/the-jungle-prince-of-delhi.html

https://www.bbc.com/news/stories-41861843

ในปี 1985 หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ Queen Wilayat Mahal หญิงสาวผู้อ้างตัวเป็นทายาทของราชวงศ์แห่งอาณาจักร Awadh State ที่ล่มสลายไปแล้วหลังการยึดครองอินเดียของจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งเธอได้ประท้วงเรียกร้องทรัพย์สมบัติของผู้ที่เธออ้างว่าเป็นบรรพบุรุษของเธอ โดยการอาศัยอยู่ในห้องรับรองของสถานีรถไฟกลางกรุงนิวเดลีเป็นเวลาเกือบ 10 ปี พร้อมลูกชายและลูกสาวที่อ้างตัวตามผู้เป็นแม่ว่าเขาและเธอคือ Prince Ali Raza และ Princess Sakina Mahal ซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลอินเดียในเวลานั้นจึงตัดสินใจยกปราสาทร้างที่มีชื่อว่า Malcha Mahal ในกรุงนิวเดลีให้ครอบครัวนี้อยู่อาศัยแทน


เรื่องราวอันน่าพิศวงของสามแม่ลูกนี้ยังเกิดขึ้นต่อภายหลังจากที่ทั้งสามได้ย้ายไปอยู่ในปราสาทแห่งนั้นจริง ๆ ตามที่รัฐบาลอินเดียได้มอบให้ ซึ่งเป็นปราสาทร้างที่รายล้อมด้วยป่า ใกล้กับที่ตั้งสถานีภาคพื้นดินขององค์การวิจัยอวกาศแห่งชาติอินเดีย เมื่อลูกชายและลูกสาวได้เชิญสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่งไปสัมภาษณ์ในปี 1997 ว่า ผู้เป็นแม่ของเธอได้ฆ่าตัวตายไปแล้วด้วยการดื่มยาพิษที่ผสมกับเศษของเพชรและไข่มุก! ทำให้เรื่องราวของสามคนแม่ลูกนี้ยิ่งน่าพิศวงไปใหญ่ บางคนกล่าวโทษลัทธิล่าอาณานิคมที่ทำให้ครอบครัวนี้ต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าสงสาร


ที่น่าพิศวงคือ ปราสาทที่พวกเขาอยู่อาศัย ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าหรือน้ำประปา แถมอยู่กลางป่า สิ่งอำนวยความสะดวกเดียวที่มีให้คือโทรศัพท์บ้านอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังอยู่อาศัยกันได้ โดยใช้ชีวิตประหนึ่งเป็นเชื้อสายของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โบราณที่ล่มสลายไปแล้ว มีองครักษ์ และฝูงสุนัขดุ ๆ คอยเห่าไล่ผู้มารุกราน

เรื่องราวอันน่าพิลึกเกิดขึ้นต่อเมื่อปี 2016  Ellen Barry นักข่าวนิวยอร์กไทมส์ที่ประจำการอยู่ในอินเดียเวลานั้น ถูกเจ้าชายซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของครอบครัวนี้เชิญไปสัมภาษณ์ที่ปราสาทร้างกลางป่า เรื่องราวหลายอย่างทำให้นักข่าวอาวุโสคนนี้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของครอบครัวพิศวงนี้เพราะสาเหตุต่าง ๆ คือ

1. ลูกชายคนที่ยังมีชีวิตอยู่อ้างว่าการให้สัมภาษณ์ของนักข่าวเผยแพร่ออกไปไม่ได้ เพราะเจ้าหญิงอีกคนที่อยู่ด้วยกันยังไม่อนุญาต แต่ตอนหลังกลับโทรศัพท์มาบอกนักข่าวว่า เจ้าหญิงอีกคนได้ตายไปสักพักแล้ว และเขาฝังศพเธอด้วยตัวของเขาเอง

2. เมื่อเธอซักถามถึงภูมิหลังชีวิตก่อนการอ้างสิทธิ์เป็นรัชทายาท เขาตอบเธอไม่ได้

3. เริ่มมีการแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ หลายอย่างออกมามากมาย จนนักข่าวเองก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องราวของคนพวกนี้แล้ว

ต่อมาในปี 2017 มีรายงานข่าวว่า Prince Ali Raza เสียชีวิตลงอย่างโดยเดียวในปราสาทกลางป่าแห่งนั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณนักข่าวของ Ellen Barry เธอยังตามสืบเรื่องนี้ต่ออย่างเงียบ ๆ จนได้รับคำตอบที่ต้องอึ้งว่า ครอบครัวสามคนแม่ลูกนี้ ยังมีญาติ ๆ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ทั้งในปากีสถาน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และทั้งหมดได้เปิดเผยความจริงว่าพวกเขาเป็นเพียงคนยากจนธรรมดา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์ที่ล่มสลายไปแล้วแม้แต่น้อย

พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาจากเมืองลัคเนาทางตอนเหนือของอินเดีย ที่สูญเสียพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวไปจากความขัดแย้งทางศาสนาและการเมือง ที่ต้องแบ่งแยกอินเดียและปากีสถาน จนท้ายที่สุดต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ปากีสถาน

จากนั้นผู้เป็นแม่มีอาการทางจิตจนต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช ซึ่งภายหลังที่เธอออกจากโรงพยาบาลมา เธอได้พาลูกชายและลูกสาวกลับไปยังอินเดียอีกครั้ง และแผนการอ้างตัวเป็นทายาทของราชวงศ์ก็เริ่มต้นขึ้น ทุกคนเปลี่ยนชื่อเดิมของตัวเอง แล้วอ้างตัวเป็นเชื้อสายราชวงศ์ที่สูญสิ้นขึ้นมาทันที

คนที่เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดคือ Shahid Butt ลูกชายคนหนึ่งของครอบครัวที่หนีออกมา และอพยพไปอยู่สหราชอาณาจักรจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต พร้อมทั้งเป็นคนที่คอยกุมความลับ และส่งเงินจากอังกฤษกลับมาดูแลแม่และพี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งความจริงแล้วชายผู้ที่นักข่าวไปสัมภาษณ์และอ้างว่าเป็นเจ้าชายนั้น มีชื่อเดิมว่า Mickey Butt เป็นเพียงเด็กหนุ่มยากจนธรรมดาจากเมืองลัคเนา

Ellen Barry เก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้นานพอสมควร และตัดสินใจเปิดโปงความจริงของเรื่องราวอันน่าพิศวงที่เคยทำให้คนอินเดียและชาวโลกงงงวยเมื่อวานนี้ (วันที่ 22 พฤศจิกายน 2019) ภายหลังจากที่ Shahid Butt ได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็งเมื่อไม่นานมานี้

ร่างของ Mickey Butt หรือชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าชายแห่งอาณาจักรโบราณได้ถูกฝังเป็นศพไร้ญาติในสุสาน เรื่องราวก็เลยจบลงอย่างน่ากลัวและน่าเศร้าสลด

ปีท้าย ๆ ของชีวิต มีคนพบว่า Mickey Butt ปั่นจักรยานออกจากปราสาทมาหาข้าวให้สุนัขกิน และไม่นานก่อนเสียชีวิตเขาเดินออกมาจากป่าในสภาพของคนป่วยหนักเพื่อขออาหารกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ของรัฐ และปฏิเสธการรักษาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบเขานอนตายอย่างโดยเดี่ยวในปราสาทแห่งนั้นเอง

ขอปิดท้ายคลิปด้วยภาพคลิปของบีบีซีที่เข้าไปสำรวจปราสาทแห่งนั้น และหน้าของ Mickey Butt ในช่วงบั้นปลายชีวิตครับ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่