คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ที่ยังเป็นปริศนา

คดีฆาตกรรมฆ่านางงามเด็ก Jonbenet Ramsey Murder



โจนเบนท์ แรมซี่ย์(JonBenet Ramsays)เป็นเด็กหญิงอายุเพียง 6 ปีมีสวยเสน่ห์ ฉลาด ช่างพูด ร้องเล่นเต้นรำบนเวทีเก่ง เธอทำได้ราวจนเป็นมืออาชีพ ใคร ๆ ก็ชื่นชม เธอพึ่งได้รับเกียรติจากโรงเรียน ให้เป็นผู้ชนะรางวัล"นักเรียนดีเด่น"   เธอเป็นนางงามเด็กที่ประกอบที่ไหนก็ได้รับรางวัลที่นั่นทั่วสหรัฐอเมริกา เป็นบุตรสาวของตระกูลแรมซี่ย์ครอบครัวที่มั่งคั่งแห่งเมืองโบลเดอร์

วันที่25ธันวาคม ปี1996เป็นวันคริสต์มาสสำหรับหลายๆ คน แต่เป็นวันหายนะของครอบครัวแรมซี่ย์ เมื่อเช้าวันนั้นแม่ของเธอแจ้งความว่าเธอได้รับโน้ต เนื้อความประมาณว่าลูกสาวของเธอโดนคนคนร้ายลักพาตัวไปให้เงินประกันมาไถ่ แน่นอนตำรวจการดำเนินหาตัวเธอก็เริ่มขึ้น แปดชั่วโมงผ่านไปแต่ก็ไม่มีใครพบเบาะแส ขณะที่ทุกคนมึนงงอยู่นั้น สมาชิกในบ้านแรมซีย์ก็พบเธอที่ชั้นใต้ดินเด็กหญิงนอนหงายเธอถูกทุบกระโหลก และเธอถูกรัดคอตายอย่างโหดร้ายโดยสายเชือกสีขาวรัดแน่นมากอยู่ลำคอ มันมีแท่งไม้เสียบคล้ายขันชะเนาะฆาตกรคงใช้ไม้ขันชะเนาะนั้นรัดคอเด็กหญิงคนนั้นแบบช้าๆ

คดีนี้สร้างความพิศวงไปทั่วอเมริกา ปกติคดีฆ่าเด็กหญิงผู้ต้องสงสัยจะเป็นสมาชิกครอบครัวของเธอเป็นอันดับแรก แต่ปรากฏว่า จากการสอบสวนแล้วไม่พบพิรุธในครอบครัวของเธอเลยหลักฐานต่อมาน่าฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือ โน้ตหรือจดหมายลักพาตัวนั้น ถูกเขียนโดยปากกาในบ้านนั้นเอง แต่ลายมือไม่ใช่ของคนในบ้าน  ถึงแม้ชายที่ชื่อ John Mark Karr จะสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวในปี 2006 แต่ผล DNA ปรากฏว่าไม่ตรงกับดีเอ็นเอจากศพ ศาลจึงสั่งไม่ฟ้อง  ปัจจุบันคดียังมีการสืบสวนอยู่(กฎหมายคดีฆาตกรรมเมืองโบลเดอร์ไม่หมดอายุความ)  เพราะหลักฐาน DNA จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร.

เมื่อปี 2016 Netflix ได้หยิบเอาคดีนี้มาสร้างเป็นหนังสารคดีกึ่งฟิกชัน Casting JonBenet (เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์เมื่อเดือน มกราคม 2017 และฉายทาง Netflix เมื่อเดือนเมษายน 2017)  ในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้นโฆษกตำรวจแถลงข่าวว่าจะมีการสืบสวนคดีฆาตกรรมนี้สืบต่อ แต่ตราบถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก themomentum.co/ 
Cr.board.postjung.com/

Andrew and Abby Borden


เช้าของวันพฤหัสบดี วันที่4สิงหาคม1892แอนดรูว์ เบอร์เด็น(Andrew Borden) เศรษฐีผู้มั่งคั่งประจำเมืองนิวอิงแลนด์ประเทศสหรัฐอเมริกากลับมาบ้านเลขที่92เซคันด์สตรีทซึ่งเป็นบ้านของเขา ในเวลานั้นในบ้านของเขามีภรรยาคนที่สองชื่อแอบบี้เบอร์เด็น(Abby Borden), สาวใช้ไอริชบริจิต ซาลีแวน(Bridget Sullive) และลูกสาวของเขาลิซซี่ เบอร์เด็น(Lizzie Borden)(แอนดรูว์มีลูกสาวอีกคนแต่งวันนั้นเธอออกทำธุระนอกบ้าน) เขาพูดคุยกับสมาชิกในบ้านนิดๆ หน่อยก่อนที่จะขึ้นบนบ้านและโน้นตัวลงบนโซฟาเพื่อหลับนอน

เวลา11.05น. ลิซซี่ก็ได้ศพของพ่อเธอถูกฆ่าตายบนโซฟา เขาถูกขวานจามเข้าที่ศีรษะขณะกำลังงีบหลับอยู่ถึง11แผล หูถึงกับขาด และตาทั้งสองหลุดทะลุออกมาจากเบ้าตาอย่างหฤโหด เมื่อตำรวจและแพทย์มาถึงบ้านตระกูลเบอร์เดน พวกเขาก็ได้พบกับอีกศพ แอบบี้ถูกฆ่าตายอยู่ในห้องพักแขกชั้นสอง เธอถูกจามศีรษะด้านหลังถึง19แผล จนลงกองไปกับพื้น ผลจากการตรวจพบว่านางแอบบี้ตายก่อนหน้าแอนดรูว์หลายชั่วโมง

ต่อมาตำรวจทำการจับกุมลิซซี่ เบอร์เดน เนื่องจากตำรวจสืบพบว่าเธอซื้อยาพิษจากร้านขายยาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ(แต่หาซื้อไม่ได้) และมีคนพบเห็นเธอเผาชุดเปื้อนเลือดที่เตาไฟ และขวานที่เป็นอาวุธฆาตกรรมอยู่ชั้นใต้ดิน ลิซซี่ เบอร์เด็นถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ผลสุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดและปล่อยตัวออกมาอย่างน่าพิศวง นั้นเองที่ทำให้หลายฝ่ายต่างสงสัยว่าทำไมลิซซี่จึงบริสุทธิ์ทั้งๆ ที่มีหลักฐานอยู่ตรงหน้า สาเหตุอาจมาจากอิทธิพลของตระกูลเบอร์เดนซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ ในเมืองทั้งหมด จึงไม่น่าแปลกที่มีหลายคนพยายามรวมหัวกันช่วยลิซซี่ เบอร์เดน ซึ่งหลังจากลิซซี่ เบอร์เดนรอดพ้นคดี เธอยังคงอาศัยในบ้านที่เกิดคดีฆาตกรรมหลังนั้นจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่ออายุ67ปี
Cr.board.postjung.com/

คดีฆาตกรรม “ลอร์ดน้อยฟอนเติลรอย” 


ลอร์ดน้อยฟอนเติลรอย (Little Lord Fauntleroy) เป็นนวนิยายชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในปีค.ศ.1881 (พ.ศ.2424) และโด่งดัง
แต่ชื่อของนวนิยายเรื่องนี้ได้นำมาตั้งเป็นชื่อคดีปริศนาคดีหนึ่ง

วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1921 (พ.ศ.2464) ในรัฐวิสคอนซิน คนงานเหมือง O’Laughlin พบร่างของเด็กชายคนหนึ่งอยู่ในบึงใกล้ๆ กับเหมือง
ภายหลังจากที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าเด็กคนนั้นมีอายุราวๆ 5-7 ปี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง คล้ายกับลูกผู้ดีมีอันจะกิน สื่อมวลชนจึงตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า “ลอร์ดน้อยฟอนเติลรอย ”
เมื่อมีการชันสูตรพลิกศพ ก็พบว่าเด็กชายคนนี้มีบาดแผลที่ศรีษะ และแทบไม่มีน้ำในปอดเลย ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าเด็กคนนี้ถูกทำร้ายก่อนจากนั้นจึงนำร่างมาทิ้งลงในบึง คดีนี้จึงน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมมากกว่าอุบัติเหตุ  เรื่องราวของเด็กปริศนาคนนี้จึงยังคงเป็นปริศนา และได้มีการฝังร่างของเด็กคนนี้ไป แต่ได้มีรายงานว่ามีหญิงสาวปริศนามาเยี่ยมหลุมศพเด็กคนนี้อย่างสม่ำเสมอ

หลังจากเกิดคดีได้ 20 กว่าปี ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) ได้มีทีมแพทย์มาตรวจสอบคดีนี้อีกครั้ง และพบว่าคดีนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเด็กชื่อโฮเมอร์ เลเยอร์ ผู้ซึ่งหายตัวไปในช่วงเดียวกับที่พบศพเด็กปริศนา  แต่เมื่อได้ไปสอบถามยังพ่อของเลเยอร์ พ่อของเลเยอร์กลับบอกว่าลูกของเขาไม่ได้หายตัวไป แต่ได้ไปอาศัยอยู่กับแฟนที่อาร์เจนตินา และโฮเมอร์ก็เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

แต่เมื่อมีการตรวจสอบอุบัติเหตุที่พ่อของโฮเมอร์อ้าง กลับพบว่าไม่มีรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวลงหนังสือพิมพ์ และชื่อคู่รักของโฮเมอร์ที่พ่อของโฮเมอร์อ้าง ก็ไม่มีรายชื่อลงหนังสือพิมพ์ฮบับใดเลย  แต่ก่อนจะมีการสืบสวนมากกว่านี้ หัวหน้ากรมตำรวจก็ตัดสินใจให้ปิดคดีนี้ซะก่อน คดีนี้จึงยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ และบนหลุมศพของเด็กปริศนา ก็ไม่มีชื่อของเด็กปริศนา มีเพียงข้อความว่า “เด็กไม่ทราบชื่อ ผู้ถูกพบในเหมือง O’Laughlin”
Cr.ปริศนารอบโลก

คดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย


คดีห้องปิดตาย เหตุฆาตกรรมที่ส่วนใหญ่จะเน้นทริคประเภท ฆาตกรไม่มีทางเข้า-ออกหนีจากห้องอันเป็นสถานที่เกิดเหตุ ที่เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี เพราะมันมักจะปรากฏในนิยายและการ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวนชื่อดังหลายเรื่อง เช่น นักสืบโคนัน เป็นต้น

คดีแรก เกิดขึ้นเมื่อต้นปีศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศฝรั่งเศส สถานที่เกิดคดีเป็นชั้นบนสุดของอพาร์ตเมนต์ในกรุงปารีส ภายในห้องนั้นมีหญิงสาวชื่อ “โรส แดรกคูล” พักอยู่ในห้องที่สูง 20 เมตร แต่วันหนึ่งเกิดความผิดปกติขึ้นเนื่องจากเธอไม่ตื่นจนถึงเที่ยง ผู้ดูแลจึงได้มาเคาะประตูเรียกดูก็ไม่มีเสียงตอบจึงได้แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจพังประตูเข้าไปในห้อง โรสยังนอนอยู่บนเตียงเธอถูกแทงที่หน้าอกจนเสียชีวิต มีดที่แทงนั้นยังปักคาทะลุไปข้างหลังราวกับว่าถูกแทงจนสุดกำลัง
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบห้องพักก็พบว่า หน้าต่างห้องล็อคจากด้านในและลงกลอนอยู่ ประตูลงกลอนและล็อคกุญแจ และห้องนี้ไม่มีห้องลับมีทางเดียวที่จะเข้าออกได้คือทางท่อระบายอากาศ แต่ก็แคบเกินกว่าที่คนจะเข้าออกได้ ถือเป็นคดีที่แปลกมาก อีกทั้งไม่มีของถูกขโมยและผู้ตายก็ไม่มีศัตรูอีกด้วย
คดีนี้ถูกนำไปเขียนลงในนิตยสาร Stange และกลายเป็นข่าวลือของคนไปทั่วและคดีนี้ก็เป็นต้นแบบที่มีอิทธิพลต่อนักเขียนนิยายปริศนาในเวลาต่อมา

คดีที่สอง อยู่ในรายงาน The New York Times เหตุเกิดวันที่ 9 มีนาคม 1929 นางล็อกแลนด์ สมิธ ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนและเสียงหวด (แต่ไม่ได้ยินเสียงปืน) จากร้านซักแห้งบ้านเลขที่ 5 ของมหานครนิวยอร์ก เธอได้แจ้งตำรวจให้ไปค้นหาต้นตอของเสียงกรีดร้อง
 
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงสถานที่อันเป็นที่มาของเสียงนั้นปรากฏว่า ประตูร้านนั้นปิดตายอย่างแน่นหนาจากด้านใน ยกเว้นหน้าต่างบานเล็กบานหนึ่งที่อยู่เหนือประตูบานใหญ่ที่มีไว้ให้หมา แมวหรือจดหมายลอด ตำรวจจึงส่งเด็กเล็กๆ ลอดเข้าไปเปิดประตู  เมื่อสำรวจภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ก็พบนายไอสิดอร์ ฟิงก์ นอนตายอยู่บนพื้นห้อง ในสภาพที่ถูกยิงบริเวณหน้าอก 2 นัดและอีกหนึ่งนัดทะลุฝ่ามือซ้ายของเขา และมีกระเป๋าเงินพร้อมเงินสดจำนวนมากอยู่ในกระเป๋า
ที่น่าประหลาดใจชวนให้สงสัยคือ ฟิงก์ถูกฆ่าโดยฝีมือใคร และฆาตกรหลบหนีออกไปทางด้านไหน อีกทั้งเมื่อตรวจสอบวิถีกระสุนปืนก็พบว่า ฆาตกรจ่อยิงนายฟิงก์ในระยะเผาขน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าฆาตกรจะยิงนายฟิงก์จากด้านนอกร้าน ซึ่งท้ายสุดคดีนี้ตำรวจก็ไม่สามารถไขได้
จนขนานนามคดีนี้ว่า “insoluble mystery” และมันก็ถูกนำมาแต่งนิยายในชื่อ “The Mystery of the Fabulous Laundry man.”

คดีที่สาม 16 พฤษภาคม 1937 มีคนไปพบ เลติเชีย ตูโรซ์ หญิงสาวอายุ 29 ปี ถูกแทงตายด้วยกริซยาวกว่า 9 นิ้วที่คอ และนอนตายในห้องว่างเปล่าของตู้ขบวนโบกี้แรกของรถไฟใต้ดิน
รถไฟขบวนนี้ถูกปล่อยออกจากสถานีต้นทาง Porte de Charenton ในเมืองปารีส เมื่อ เวลา 6:27 p.m. โปรดสังเกตเวลาให้ดี เพราะรถไฟขบวนนี้กำลังจะไปลงต่อที่ สถานี Porte Dor ในเวลา 6:28 p.m. เพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้นเจ้าหน้าที่สถานีให้การว่าเขาไม่เห็นใครใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากผู้ตายคนเดียวที่ขึ้นโบกี้แรก
และพยานอีกสองที่อยู่ใกล้ทางเข้า-ออกประตูทางเชื่อมโบกี้นี้ก็ให้การว่าไม่มีใครพยายามเข้า-ออกประตูที่เชื่อมโบกี้แรกนี้เลยสักคน จนกระทั้งมีคนพบศพตูโรซ์หลังจากนั้น ซึ่งจากรูปคดีนี้เป็นการฆาตกรรมไม่ใช้การฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน

เพียงแต่ปัญหาคือฆาตกรสามารถฆ่าเธอได้อย่างไรทั้งๆ ที่มีเวลาลงมือเพียงหนึ่งนาทีกับอีกยี่สิบวินาทีเท่านั้น และฆาตกรสามารถเข้า-ออกจากโบกี้ที่ผู้ตายอยู่ด้วยวิธีใดถึงไม่มีพยานทั้งหลายเห็น และจนบัดนี้คดีปริศนาก็ยังไม่มีใครไขออกสักคน กลายเป็นสุดยอดคดีฆาตกรรมห้องปิดตายของโลกไปโดยปริยาย
Cr.ที่มา https://www.dek-d.com/board/view/1354119/

มาร่วมไขคดีการตายปริศนาไปกับ แดเนียล เคร็กใน Knives Out



 คดีฆาตกรรมในวันรวมญาติ ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย ใครคือฆาตกรตัวจริง ? Knives Out ประชันทีมนักแสดงชั้นนำ คริส อีแวนส์, แดเนียล เคร็ก, คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ และอีกเพียบ ! โดยผู้กำกับ Star Wars: The Last Jedi
  
“Knives Out” ภาพยนตร์พล็อตต้องจับตาที่ว่าด้วยเรื่องราวของปริศนาฆาตกรรมร่วมสมัย เมื่อทั้งครอบครัวมารวมตัวกันพร้อมหน้า เพื่อฉลองวันเกิดครบ 85 ปีของนักเขียนรุ่นใหญ่ แต่ดันเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนา งานนี้นักสืบมือดีจึงต้องเข้ามาคลี่คลายคดี และแน่นอนว่าทุกคนในบ้านกลายเป็นผู้ต้องสงสัย! ภายใต้ปาร์ตี้อันสนุกสนาน คำโกหกที่ถูกปกปิด ความจริงที่กำลังจะถูกเปิดเผย ไม่มีรายชื่อผู้ต้องสงสัยคนไหนที่เราจะตัดทิ้งได้! ซึ่งถือเป็นผลงานที่ได้แรงบันดาลใจจากงานของราชินีแห่งนิยายฆาตกรรม “อกาธา คริสตี้”

 
รับรองว่างานนี้คอหนังไม่มีผิดหวังแน่นอน! ร่วมลุ้น สืบ และค้นหาว่าใครกันที่เป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมปริศนานี้ หาคำตอบได้ใน “Knives Out ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่” เปิดรอบพิเศษเริ่ม 5 ธันวาคม สองทุ่มเป็นต้นไป ฉายจริง 10 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Cr.https://sahamongkolfilm.com/saha-movie/knives-out-movie/
Cr.https://www.majorcineplex.com/movie/knives-out

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่