
สวัสดีครับชาวพันทิป หายไปนานหน่อยนะครับ หลังจากการตามรอยอนิเมะคราวที่แล้ว คราวนี้เป็น Cinematic Photography จากโทรศัพท์มือถือเหมือนเดิมครับ แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกกระทู้แบบไหนดี เลยเลือกเป็นรีวิวแล้วกัน จะได้แบ่งปันประสบการณ์การใช้งานถ่ายภาพโดยคร่าวๆไปเลยในทีเดียว
โทรศัพท์ที่ใช้ถ่ายภาพในวันนี้เป็น Xiaomi Redmi Note 8 Pro กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 "Bright" Sensor ความละเอียด 64MP ใช้เทคโนโลยี Quad Bining แล้วเหลือ 16MP ครับ (64/4 = 16) โดยภาพในอัลบั้มนี้ผมถ่ายไฟล์ RAW และโปรเซสด้วย Adobe Lightroom ทั้งหมดครับผม
อัลบั้มการเดินทางนี้เป็นการเดินทางของผมจากไซตามะไปสู่คาวากูจิโกะ จังหวัดยามานาชิด้วยตัวคนเดียว โดยรถไฟครับ เป็นการเดินทางที่ให้อะไรกับผมหลายอย่างมาก อาจจะไม่ได้รายละเอียดเยอะ เน้นบรรยากาศและความเป็น Cinematic ของภาพมากกว่า ไปชมกันครับ

))

ออกจากบ้านตีห้า ปั่นจักรยานด้วยแรงทั้งหมดที่มีที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า แรงแทบจะหมดตั้งแต่ชอทแรกของวัน พลาดรถไฟเที่ยวแรกตอน 5:22 (ไปถึง 5:22 แต่รถไฟออกไปแล้ว) ใช้รถไฟสาย Kawagoe - Hachiko Line ของ JR จาก Matoba ไป Hachioji ใช้เวลาประมาณ 1 ชม กับอีก 10 นาทีครับ
รอเปลี่ยนรถที่ Komagawa และไปขึ้น JR Chuo ต่อที่ Hachioji

ลง JR Sagamiko จาก Chuo Line เพื่อจะมาขึ้นรถบัสทางด่วนตามที่ Google Maps บอกไว้

ทางเดินระหว่าง JR Sagamiko ไปยังทางด่วน กลายเป็นชอบเมืองทางผ่านนี้ซะงั้น..
แล้วก็ขึ้นมาถึงทางด่วน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

แต่รถบัสทางด่วนต้องซื้อตั๋วมาจากชินจูกุหรือจากเว็บไซต์ ซึ่งผมไม่มี และผมไม่รู้ ทำให้การเดินทางล่าช้ากว่ากำหนดไปกว่า 1:30 ชม เพราะต้องกลับไปรอรถไฟ และถึงตอนนี้ Stamina แทบจะหมดแล้ว (ตั้งแต่ต้นวัน) เพราะวิ่งขึ้นเขาหาทางขึ้นทางด่วนนานมาก จริงๆ ควรจะถึงใน 9 แต่เราล่อไป 20 นาที
และก็ตัดสินใจกลับมาใช้ทางเดิมโดยที่ไม่คิดเลย (นอกจากคิดจะกลับบ้าน) ซึ่งรูทเดิมผมคือจาก Sagamiko ไป Otsuki โดย Chuo Line แล้ว Transit ที่
Otsuki เพื่อขึ้นรถไฟสาย Fujikyuu ไป Kawaguchiko ครับ
ที่จับไม้บนรถไฟสาย Fujikyu

"First view of Mt.Fuji"

ถึงสถานีแล้วเลยเดินเท้าจาก Kawaguchiko Station มายังริมทะเลสาบคาวากูจิ

ใบไม้กำลังแดงได้ที่ครับช่วงนี้ ใครอยากมาตอนใบไม้แดงๆ แนะนำวันที่ 17 เดือน 11หรือสุดสัปดาห์ของกลางเดือน 11 ครับ
ถ่ายเมเปิ้ลแดงกับฟูจิ เป็นหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาฟูจิตอนฤดูใบไม้ร่วงครับ
ใบนี้น่าจะเป็นใบที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มนี้แล้วครับ มุมมหาชนที่หาถ่ายได้แค่ช่วงใบไม้แดงเท่านั้น
และมุมนี้เช่นกัน
เดินเล่นรอบ Lake เสร็จ (รอติดตามชมในอัลบั้มเต็ม) สถานที่สุดท้ายของทริปนี้คือ Chureito Pagoda หรือเจดีย์แดง
ถ้าลืมไปแล้วจะเตือนความจำให้นะครับ ว่าผม Stamina หมดตั้งแต่วิ่งหารถบัสตอนเช้าแล้ว กว่าจะขึ้นเจดีย์แดงถึงยอดได้ เกือบตายครับ แถมเกือบไม่ทันแสงเย็นด้วย
อ๋อ ลืมไป โดนตัดเน็ตมือถือตั้งแต่ออกจากคาวากูจิด้วยครับ
และสุดท้ายผมก็ทำมันสำเร็จ

ถึงแม้จะเป็นทริปที่หลายอย่างไม่เป็นใจ เหนื่อย พลาด ท้อ แต่สุดท้ายมันก็สวยงาม และเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครั้งหนึ่งในชีวิตครับ
ผมเชื่อว่า ทุกการเดินทาง มันเป็นมากกว่าการเดินทางครับ
ออกไปเดินทางกันครับ

)))
กล้อง Xiaomi Redmi Note 8 Pro โดยเฉพาะเซนเซอร์หลัก ในความคิดเห็นของผมคือมันค่อนข้างเกินราคาไปพอสมควรเลยนะ ยิ่งสามารถถ่าย RAW ผ่าน 3rd application ได้แล้ว คนที่พกเพื่อถ่ายรูปเล่นและมีงบไม่ถึงหมื่นบาท ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามองจริงๆ ครับ ทั้งแบตเตอร์รี่ที่ค่อนข้างทนเลย กับกล้องที่ใช้ได้ทีเดียว เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีใน Mid Ranger ของปี 2019 ถ้าอยากหามือถือที่ถ่ายภาพแบบน่าประทับใจได้ครับ
วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ
[SR] จะเรียกว่าแบ่งปันประสบการณ์ถ่ายภาพจากมือถือดีไหมนะ "A Journey" cinematic shots by Xiaomi Redmi Note 8 Pro Feat. Mt.Fuji
สวัสดีครับชาวพันทิป หายไปนานหน่อยนะครับ หลังจากการตามรอยอนิเมะคราวที่แล้ว คราวนี้เป็น Cinematic Photography จากโทรศัพท์มือถือเหมือนเดิมครับ แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกกระทู้แบบไหนดี เลยเลือกเป็นรีวิวแล้วกัน จะได้แบ่งปันประสบการณ์การใช้งานถ่ายภาพโดยคร่าวๆไปเลยในทีเดียว
โทรศัพท์ที่ใช้ถ่ายภาพในวันนี้เป็น Xiaomi Redmi Note 8 Pro กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 "Bright" Sensor ความละเอียด 64MP ใช้เทคโนโลยี Quad Bining แล้วเหลือ 16MP ครับ (64/4 = 16) โดยภาพในอัลบั้มนี้ผมถ่ายไฟล์ RAW และโปรเซสด้วย Adobe Lightroom ทั้งหมดครับผม
Otsuki เพื่อขึ้นรถไฟสาย Fujikyuu ไป Kawaguchiko ครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้