จุดหมายปลายทางค่ำคืนนี้อยู่ที่ "หุบเขาคนโฉด" – ความลึบลับของมื้ออาหารที่รอการค้นเจอ สิ่งที่ลูกค้าแวะมาเยียนดินแดนต้องมนต์แห่งนี้ได้รับกลับไปเสมอคือเรื่องราวของความอร่อยในมื้ออาหาร Fine dinning แบบ Chef’s Table ที่ถูกคัดสรรปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันผ่านเมนูทีละจานในคอร์สพร้อมทั้งดื่มด่ำสุนทรีย์ไปกับหมู่มวลดอกไม้สะพรั่ง ท่ามกลางบรรยากาศวินเทจแหล่งรวมศิลปะ ของเก่าหายากในหุบเขาแห่งนี้
หุบเขาคนโฉด (BadBoyValley) โดยคุณกุ่ยและคุณยศ อยู่ที่อ. แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เกือบชั่วโมง ให้บริการมื้ออาหาร Fine dinning แบบ Chef’s Table สุดพิเศษและเป็นส่วนตัวซึ่งจะรับลูกค้าไม่เกิน 1-2 กรุ๊ปเท่านั้น
สำหรับคอร์สอาหารจะบริการเป็นแบบ Chef’s Table ใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่มีเมนูตายตัว และเสิร์ฟทีละจาน เหตุเพราะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในแต่ฤดูกาล ซึ่งจะเน้นนำวัตถุดิบ มาจากภายในเชียงใหม่ ในไร่ในส่วนของอาณาจักรหุบเขาคนโฉด โครงการหลวงปลอดสารพิษ และของพื้นเมืองของดีของดังจังหวัดบ้านเกิด ผ่านกรรมวิธีที่หลากหลายอย่างลงตัว ที่รับประกันถึงความอร่อยล้ำทั้งรสชาติและหน้าตาการตกแต่ง ทำให้ลูกค้ารู้สึกอิ่มท้องและอิ่มใจไปในคราวเดียวกัน
หลังจากขับรถเคี้ยวคดไปมาตามทาง จนเราเห็นจุดสังเกตสิงโตหินสีชมพูกลางทุ่งนาตามที่เชฟเจ้าของร้านแจ้งกับเรา แสดงว่าจุดหมายปลายทางของคืนนี้อยู่ข้างหน้าแล้ว – หุบเขาคนโฉด จากจุดจอดรถด้านล่าง เดินขึ้นเนินผ่านอุโมงค์ไม้เลื้อยทอดยาวบนสะพานไม้ เราก็จะพบกับห้องกระจกรับรองมื้อค่ำของเราคืนนี้
ความประทับใจตั้งแต่แรกเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ห้องเครื่องกระจกสไตล์ rustic ที่ภายในแน่นขนัดไปด้วยหมู่มวลดอกไม้บานสะพรั่งทั่วทั้งห้องและโต๊ะอาหารที่ยาวเกินกว่าเมตร ฝูงสัตว์สตาฟตามผนังที่แอบมองแขกผู้มาเยือนอย่างสนใจใคร่รู้ ข้าวของตกแต่งภายในห้องตั้งแต่ของเก่าสไตล์จีน รูปปั้นงานภาพวาดงานศิลป์ แชงเดอเรียระย้าประดับประดาบนเพดาน เก้าอี้ โต๊ะ ถ้วย ชาม จาน ไหที่มีความเป็นวินเทจและเก่าแก่ (บางใบเก่าถึงขนาดร้อยปี) ทุกอย่างมองดูลงตัวเข้ากันในแบบรสนิยมเฉพาะของหุบเขาคนโฉดอย่างแท้จริง
ระหว่างสำรวจบริเวณโดยรอบห้องอาหารไม่ทันไร welcome drink ก็พร้อมมาเสิร์ฟแก้กระหายให้แก่เราแล้ว – ซอร์เบตน้ำละมุดที่มาพร้อมขนมพื้นเมืองของเชียงใหม่ หวานชื่นใจ
ต่อมาด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง มะม่วงน้ำปลาหวาน ที่กะปิมาจากจังหวัดตรัง บ้านเกิดเชฟกุ่ย มะม่วงแก้วถูกเสิร์ฟในพิมพ์รูปดอกไม้แสดงถึงความประณีต จานนี้มาพร้อมกับแปะก๋วยคั่วเกลือ ข้าวเกรียบ และแอปเปิ้ลเขียว
ความพิเศษนอกจากความอร่อยในอาหารแต่ละจานแล้ว อาณาจักรหุบเขาคนโฉดยังเสิร์ฟอาหารลงบนเครื่องชามของเก่าคลาสิคที่บางใบมีอายุมากกว่าร้อยปี หรือเคยใช้ในรัชกาลเก่าอีกด้วย
จานแรกในคอร์สแคกเกอร์ฟักทองบด – แครกเกอร์ออแกนิคมากับฟักทองบดผัดโหระพา ท๊อปด้วยใบโหระพา อัลมอนล์ และโรสแมรี่ปั่นปลูกเอง
แคกเกอร์ฟักทองบด
ตัวฟักทองปลูกเองภายในหุบเขาคนโฉด รสชาติแบบไทยๆขึ้นจมูกด้วยกลิ่นโหระพา ประดับประดาจานด้วยฟักทองกดลงพิมพ์รูป และตัวฟักทองจะทาด้วยเกลือดอกซากุระจากเกียวโต (ดอกซากุระชุดสุดท้ายหมักกับดอกเกลือเป็นการถนอมอาหารของญี่ปุ่น) อ่อ มีแถมลูกฟิคปลูกในเชียงใหม่เป็นกับแกล้มอีกชิ้นด้วยนะ
ถัดมาเป็นจาน 3 คำ เมี่ยงมะพร้าวทับสะแกคั่วราดด้วยน้ำเมี่ยงท๊อปด้วยดอกไม้ทานได้บนกลีบบัวหลวง ยำส้มโอขาวพิจิตรกุ้งแห้งสดปลาซิวบนกลีบบัวหลวง และเต้ากั๊ว(เต้าหู้) ราดด้วยน้ำซอสถั่วเปรี้ยว
รากบัวรูปพิมพ์ดอกไม้ไว้ล้างปาก
กลีบใบบัวหลวงนี้สามารถกินได้เลย ซึ่งบัวจะเป็นฤทธิ์ยาเย็น ทานแล้วจะช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย
ส่วนเต้ากั๊วตามความเชื่อของคนจีนแล้ว ถ้าได้กินจะเป็นใหญ่เป็นโตในวงการราชการ ตัวเต้ากั๊วจะกรอบนอกนุ่มใน รสชาติกลมกล่อมหอม
เซี่ยวเล่งนึ่ง – กุ้งแช่บ๊วยไร้สาร พร้อมกับน้ำยำรสเปรี้ยวกำลังดีปรุงรสจากกระเทียมโทน ส้มเล็ก มะนาว รองด้วยผักโครงการหลวงทั้งเห็ด อโวคาโด ดอกแคสีแดง บลอคโครี่ ดอกเทียนไทย โรยทับด้วยทับทิมอินเดีย และไข่กุ้ง
เซี่ยวเล่งนึ่ง
น้อยใจยา – Signature Menu ของหุบเขาคนโฉด ได้แรงบันดาลใจที่สร้างสรรเมนูจานนี้ขึ้นมาเกิดจากบทพระราชนิพนธ์จากพระชายาดารารัศมี (เจ้าหญิงแห่งเชียงใหม่) ในรัชกาลที่5 แต่งขึ้นมารับเสด็จรับกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณณีซึ่งบทประพันธ์กล่าวถึงหมู่มวลดอกไม้เบ่งบาน เหมือนกับอาหารจานนี้ – น้อยใจยา
น้อยใจยา – Signature Menu
ตัวน้อยใจยาประกอบด้วยแป้งบางโรลห่อบรรดาสารพันธ์ุผักกว่า 20 ชนิด ทั้งผักกาดแก้ว เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ต้นอ่อนทานตะวัน รอคเกต และหมูยอเห็ดหอมพริกไทยดำสูตรฉบับเชียงใหม่ จานนี้มาพร้อมกับซอสมะเฟืองเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊ป ส้ม และเสาวรส
โรลน้อยใจยานี้ประดับด้วยดอกเก็กฮวยขาวเหลือง ดอกกุหลาบมอญ(ปลูกเอง) ดอกบัวตองญี่ปุ่นที่มีกลิ่นหอมตรงกลางเกสรเหมือนน้ำผึ้ง ที่ช่วงนี้กำลังบานเต็มที่ และแน่นอนว่า กินได้เช่นกัน
อาหารแต่ละจานมีวิธีทานที่ถูกแนะนำโดยเชฟ อย่างเช่น น้อยใจยา คำแรกให้ทานแบบไม่ใส่อะไรเลย จะได้รสสัมผัสของวัตถุแท้จริงในคำ คำต่อมาให้ใส่ซอสมะเฟือง และอีกคำให้บีบส้มและเสาวรส ทำให้ในหนึ่งจานเราได้หลากหลายรสชาติที่แตกต่างอย่างลงตัว
เบรคคอร์สกันด้วย แป้งข้าวหมาก ล้างปากก่อนจะรับประทาน main course
Main course จานนี้ประกอบด้วยหลายหลากส่วน ได้แก่ ปลาเขื่อนนึ่งกับกิมจิ ข้าวน้ำปู๋ – ปูในนาข้าวมาตำกับตะไคร้เคี่ยวหลายวันแล้วผัดกับข้าวเสริฟพร้อมหมูหวานและมะม่วงสับ ไก่เบรสเป็นไก่ชนชั้นสูงพันธ์ุพื้นเมืองฝรั่งเศสที่โครงการหลวงนำมาเลี้ยงแล้วจำหน่ายในเมืองไทย
ปลาเขื่อนนึ่งกับกิมจิ
ออเดิร์ฟเมือง ได้แก่ น้ำพริกกระท้อนบนใบดองชงโค ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ท๊อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ ข้าวเหนียวอัญชัญท๊อปด้วยอ่องปู มันปูปรุงรสแล้วนำกลับไปกระดองปูเอาไปย่างให้ได้กลิ่นหอม แคปหมูและไส้อั่ว
ไก่เบรส
ข้าวเหนียวอัญชัญท๊อปด้วยอ่องปู

ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ท๊อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์
ผัดถั่วแระเชียงใหม่ผัดไข่
แถม น้ำซุปเห็ดโครงการหลวงและลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น
ทั้งจานยังโรยด้วยดอกไม้กินได้ทั้งดอกมะเขือ ดอกอโศก ดอกเทียน ดอกเอสเตอ
ของหวานวันนี้เป็นไอศรีมมะพร้าวปั่นโรยด้วยขนมตุบตับ
ล้างปากต่อด้วยผลไม้นานาชนิดกับความละเมียดละไมของทางหุบเขาคนโฉดที่ตั้งใจทำทุกรายละเอียดบนจาน
ท้ายสุดเป็น Complimentary จากทางหุบเขาคนโฉดให้แก่โอกาสวันสำคัญของลูกค้า Cheese Tart ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้(กินได้) สวยงาม สร้างความประทับยิ้มแทบไม่หุบเลย
มาต่อกันคอมเม้นท์ด้านล่างนะคะ

[CR] [GoaroundwithYou] The Ulitmate Dining experience at Bad Boy Valley - เสน่ห์มื้อค่ำ ณ ดินแดนหุบเขาคนโฉด เชียงใหม่
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้