"ช่อ" ไม่หวั่น มาดามเดียร์ขู่ฟ้อง ไล่ดูหลักฐานถือหุ้นสื่อ-ใช้เนชั่นโจมตีอนาคตใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1759376
“ช่อ” ไม่กลัว มาดามเดียร์ ไล่ดูหลักฐานถือหุ้นสื่อ-ใช้เนชั่นโจมตีอนค.
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน น.ส.
พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่น.ส.
วทันยา วงโอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศจะใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ หลังถูกกล่าวพลาดพิงเรื่องนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ว่า
ก็เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ของเขา ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก่อนที่เราจะแถลงข่าว เราก็มีความมั่นใจและไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่า การกล่าวพาดพิงบุคคลที่สามจะไม่เสี่ยงโดนฟ้อง เราจึงรัดกุมพอสมควรว่า สิ่งที่เราพูดเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ผู้บริหารของเนชั่น ผู้บริหารของนิวส์ เน็ตเวิร์ค และผู้บริหารของสถาบันทิศทางไทย รวมไปถึงสัดส่วนเวลาที่ช่องเนชั่นนำเสนอข่าวของอนาคตใหม่ ถ้าสงสัยว่าข้อมูลส่วนไหนบิดเบือนก็สามารถไปเช็คสถิติได้ และนำหลักฐานมาแสดง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตามแล้วธรรมนูญมาตรา 98 (3) ระบุเรื่องคุณสมบัติของส.ส. ว่าห้ามถือหุ้นสื่อนั้น มีขอบเขตครอบคลุมแค่ไหน น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ถือว่า อยู่ที่การตีความทางกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายคู่สมรส ถือว่า เป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะเวลาที่นักการเมืองแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ต้องแสดงทรัพย์สินของคู่สมรสด้วย
เรื่องนี้เราคิดว่า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายเลยในทางจิตสำนึกทุกคนก็ย่อมทราบดีว่านาย
ฉาย บุนนาค และน.ส.
วทันยา เป็นสามีภรรยากัน และใครๆ ก็ทราบว่า เนชั่นเป็นสำนักข่าวที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นแบบไหน ให้คุณกับฝ่ายไหนและให้โทษกับฝ่ายไหน เราเชื่อว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ตนเข้าใจว่า น.ส.
วทันยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนาย
ฉาย เพราะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้มีหลายคดีแล้ว เพิ่มอีกสักคดีคงไม่เป็นไร
ส่วนกรณีที่เนชั่นอ้าง แฉความสัมพันธ์ระหว่างมติชนและนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ น.ส.
พรรณิการ์ แสดงความเห็นว่า คงต้องแบ่งเรื่องนี้เป็นสองส่วน อย่างแรกคือ อาจจะเทียบกันได้ว่าน.ส.
วทันยา และนาย
ฉาย เป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับนาง
สมพร และนาย
ธนาธร เป็นแม่ลูกกัน แม้จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็มีความเกี่ยวข้องกัน ข้อเท็จจริงอีกส่วนที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ให้ใช้สื่อนั้นเป็นคุณกับตัวเองและเป็นโทษกับคนอื่น
“ถ้าเราดูการนำเสนอข่าวของมติชนก็จะเห็นว่า มีทั้งข่าวที่เป็นคุณและเป็นโทษกับอนาคตใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า ด่ามาหลายหลายครั้งนั้นเกิดมาจากมติชน ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำงานสื่อที่ต้องวิจารณ์คนนั้นวิจารณ์คนนี้ คอลัมน์ของมติชนเองก็มีความหลากหลาย ดิฉันคิดว่า ควรพิสูจน์กันที่ผลงานดีกว่าว่าเป็นคุณกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือเปล่า คิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายแทนมติชน เพราะผลงานก็มีให้เห็นอยู่แล้ว” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าว
แชร์กระหึ่ม! ย้อนคำสอน “สุทธิชัย หยุ่น” ถึงเนชั่น เปรียบเจ็บ “แบบไหน กระจกร้าว!”
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3069051
โลกออนไลน์แชร์ว่อน! ย้อนคำสอน สุทธิชัย หยุ่น ถึงเนชั่น ทำตัวแบบไหน ถึงเป็น ‘กระจกร้าว’
19 พ.ย. ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์คำสัมภาษณ์ของ นาย
สุทธิชัย หยุ่น อดีตประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , บรรณาธิการอำนวยการ เครือเนชั่น, นักหนังสือพิมพ์, นักเขียน, ผู้ร่วมก่อตั้ง หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น, กรุงเทพธุรกิจ, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี, เนชั่นทีวี ฯลฯ
โดยเป็นคลิปการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่การนำเสนอข่าวของรายการ รายการข่าวข้นคนเนชั่น ทางเนชั่นทีวี เมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค. ได้นำเสนอคลิปเสียงบทสนทนาของบุคคล 2 คน โดยทางรายการได้ทำกราฟิกเป็นภาพเงาคล้าย นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในทำนองของการกำลังพูดคุยต่อรองทางการเมือง โดยนาย
ธนาธร ได้วิจารณ์เรื่องนี้ว่า
“ผมไม่คิดว่าสื่อมวลชนที่มีคุณภาพจะเอาคลิปแบบนี้มาออกรายการ การที่เนชั่นเอาคลิปนี้ออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานจริยธรรมของเนชั่นตกต่ำลง”
ซึ่งในเวลาต่อมา นาย
กนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ดำเนินรายการเนชั่น ออกมายืนยันผ่านรายการข่าวข้นคนเนชั่น คืนวันที่ 20 มี.ค. “กรณีคลิปเสียงตัดต่อ” โดยระบุว่า ไม่ได้ว่านาย
ธนาธร โดยคลิปดังกล่าวมีคนส่งต่อมาให้ และทีมข่าว ทั้งยังเรียกร้องให้นาย
ธนาธรขอโทษเนชั่น ซึ่ง นาย
สุทธิชัย ได้วิพากษณ์วิจารณ์ไว้ดังนี้
“ผมเชื่อว่าสังคมไทยช่วยกันตัดสินแล้ว ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ”
และ
“สำหรับผมมองว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด และเป็นเรื่องที่คนที่เกี่ยวข้องควรจะต้องทบทวน ฟื้นความน่าเชื่อถือของคนทำสื่อ ไม่ใช่เฉพาะเนชั่น ในภาวะปัจจุบัน ที่มีการหาเสียง การให้ข้อมูลทั้งบวกและลบ ต่อพรรคการเมือง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความระมัดระวัง และตรวจสอบข่าวก่อน”
“การตัดสินใจของเนชั่นทีวีครั้งนี้ ไม่น่าจะเป็นหน้าที่ของสื่อที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้เฝ้าประตู” เพราะผู้ที่เฝ้าประตูมีหน้าที่ตรวจสอบว่าอะไรควรจะผ่านประตูนี้ หรืออะไรไม่ควรจะผ่านประตูนี้ ถ้าหากเราเป็นผู้เฝ้าประตูแล้ว เราบอกว่า อะไรก็ผ่านเข้ามาได้ แล้วคนที่อยู่ในบ้านไปตัดสินเอาเอง นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของ ผู้เฝ้าประตู” นาย
สุทธิชัย กล่าว (เริ่มฟัง นาทีที่ 55 เป็นต้นไป)
https://www.facebook.com/talktogethermrn/videos/2177623535900866/
“กระจกจะต้องสะท้อนความเป็นจริง กระจกมัวๆ กระจกแตก กระจกร้าว ไม่สามารถทำหน้าที่ที่ถูกต้องได้” ผู้ก่อตั้งเนชั่น กล่าวปิดท้าย
JJNY : ช่อไม่หวั่น เดียร์ขู่ฟ้อง ไล่ดูหลักฐานฯ/ย้อนคำสอน “สุทธิชัย หยุ่น” ถึงเนชั่นฯ/ห่วงหนี้เสียพุ่งฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1759376
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่น.ส.วทันยา วงโอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศจะใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ หลังถูกกล่าวพลาดพิงเรื่องนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ว่า
ก็เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ของเขา ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก่อนที่เราจะแถลงข่าว เราก็มีความมั่นใจและไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่า การกล่าวพาดพิงบุคคลที่สามจะไม่เสี่ยงโดนฟ้อง เราจึงรัดกุมพอสมควรว่า สิ่งที่เราพูดเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ผู้บริหารของเนชั่น ผู้บริหารของนิวส์ เน็ตเวิร์ค และผู้บริหารของสถาบันทิศทางไทย รวมไปถึงสัดส่วนเวลาที่ช่องเนชั่นนำเสนอข่าวของอนาคตใหม่ ถ้าสงสัยว่าข้อมูลส่วนไหนบิดเบือนก็สามารถไปเช็คสถิติได้ และนำหลักฐานมาแสดง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตามแล้วธรรมนูญมาตรา 98 (3) ระบุเรื่องคุณสมบัติของส.ส. ว่าห้ามถือหุ้นสื่อนั้น มีขอบเขตครอบคลุมแค่ไหน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ถือว่า อยู่ที่การตีความทางกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายคู่สมรส ถือว่า เป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะเวลาที่นักการเมืองแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ต้องแสดงทรัพย์สินของคู่สมรสด้วย
เรื่องนี้เราคิดว่า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายเลยในทางจิตสำนึกทุกคนก็ย่อมทราบดีว่านายฉาย บุนนาค และน.ส.วทันยา เป็นสามีภรรยากัน และใครๆ ก็ทราบว่า เนชั่นเป็นสำนักข่าวที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นแบบไหน ให้คุณกับฝ่ายไหนและให้โทษกับฝ่ายไหน เราเชื่อว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ตนเข้าใจว่า น.ส.วทันยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายฉาย เพราะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้มีหลายคดีแล้ว เพิ่มอีกสักคดีคงไม่เป็นไร
ส่วนกรณีที่เนชั่นอ้าง แฉความสัมพันธ์ระหว่างมติชนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ แสดงความเห็นว่า คงต้องแบ่งเรื่องนี้เป็นสองส่วน อย่างแรกคือ อาจจะเทียบกันได้ว่าน.ส.วทันยา และนายฉาย เป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับนางสมพร และนายธนาธร เป็นแม่ลูกกัน แม้จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็มีความเกี่ยวข้องกัน ข้อเท็จจริงอีกส่วนที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ให้ใช้สื่อนั้นเป็นคุณกับตัวเองและเป็นโทษกับคนอื่น
“ถ้าเราดูการนำเสนอข่าวของมติชนก็จะเห็นว่า มีทั้งข่าวที่เป็นคุณและเป็นโทษกับอนาคตใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า ด่ามาหลายหลายครั้งนั้นเกิดมาจากมติชน ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำงานสื่อที่ต้องวิจารณ์คนนั้นวิจารณ์คนนี้ คอลัมน์ของมติชนเองก็มีความหลากหลาย ดิฉันคิดว่า ควรพิสูจน์กันที่ผลงานดีกว่าว่าเป็นคุณกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือเปล่า คิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายแทนมติชน เพราะผลงานก็มีให้เห็นอยู่แล้ว” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าว
แชร์กระหึ่ม! ย้อนคำสอน “สุทธิชัย หยุ่น” ถึงเนชั่น เปรียบเจ็บ “แบบไหน กระจกร้าว!”
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3069051
โดยเป็นคลิปการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่การนำเสนอข่าวของรายการ รายการข่าวข้นคนเนชั่น ทางเนชั่นทีวี เมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค. ได้นำเสนอคลิปเสียงบทสนทนาของบุคคล 2 คน โดยทางรายการได้ทำกราฟิกเป็นภาพเงาคล้าย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในทำนองของการกำลังพูดคุยต่อรองทางการเมือง โดยนายธนาธร ได้วิจารณ์เรื่องนี้ว่า
“ผมไม่คิดว่าสื่อมวลชนที่มีคุณภาพจะเอาคลิปแบบนี้มาออกรายการ การที่เนชั่นเอาคลิปนี้ออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานจริยธรรมของเนชั่นตกต่ำลง”
ซึ่งในเวลาต่อมา นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ดำเนินรายการเนชั่น ออกมายืนยันผ่านรายการข่าวข้นคนเนชั่น คืนวันที่ 20 มี.ค. “กรณีคลิปเสียงตัดต่อ” โดยระบุว่า ไม่ได้ว่านายธนาธร โดยคลิปดังกล่าวมีคนส่งต่อมาให้ และทีมข่าว ทั้งยังเรียกร้องให้นายธนาธรขอโทษเนชั่น ซึ่ง นายสุทธิชัย ได้วิพากษณ์วิจารณ์ไว้ดังนี้
“ผมเชื่อว่าสังคมไทยช่วยกันตัดสินแล้ว ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ”
และ
“สำหรับผมมองว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด และเป็นเรื่องที่คนที่เกี่ยวข้องควรจะต้องทบทวน ฟื้นความน่าเชื่อถือของคนทำสื่อ ไม่ใช่เฉพาะเนชั่น ในภาวะปัจจุบัน ที่มีการหาเสียง การให้ข้อมูลทั้งบวกและลบ ต่อพรรคการเมือง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความระมัดระวัง และตรวจสอบข่าวก่อน”
“การตัดสินใจของเนชั่นทีวีครั้งนี้ ไม่น่าจะเป็นหน้าที่ของสื่อที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้เฝ้าประตู” เพราะผู้ที่เฝ้าประตูมีหน้าที่ตรวจสอบว่าอะไรควรจะผ่านประตูนี้ หรืออะไรไม่ควรจะผ่านประตูนี้ ถ้าหากเราเป็นผู้เฝ้าประตูแล้ว เราบอกว่า อะไรก็ผ่านเข้ามาได้ แล้วคนที่อยู่ในบ้านไปตัดสินเอาเอง นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของ ผู้เฝ้าประตู” นายสุทธิชัย กล่าว (เริ่มฟัง นาทีที่ 55 เป็นต้นไป)
https://www.facebook.com/talktogethermrn/videos/2177623535900866/
“กระจกจะต้องสะท้อนความเป็นจริง กระจกมัวๆ กระจกแตก กระจกร้าว ไม่สามารถทำหน้าที่ที่ถูกต้องได้” ผู้ก่อตั้งเนชั่น กล่าวปิดท้าย