Gopro เมื่อไม่นานมานี้ได้ทำการเปิดตัว Gopro 8 Black รุ่นต่อยอดจากทาง Gopro 7 แต่ที่ตื่นเต้นจริงๆในงานนั้นต้องบอกว่าเป็นตัว MAX ที่เปิดตัวกล้องแบบ 360 ต่อยอดจากรุ่น Gopro Fusion ซึ่งได้พัฒนาต่อยอดไปทั้งเรื่องของคุณภาพและตัวฟีเจอร์อีกทั้งยังใส่หน้าจออะไรเข้ามาปรับปรุงเยอะมาก และยังมีการออกฟีเจอร์ที่จะช่วยในการถ่ายวีดีโอให้สนุกมากกว่าเดิมและเอามาตัดต่อได้ง่ายและดูได้ง่ายขึ้น ต้องบอกว่าตัว 360 องศานั้นถ้าไม่ถนัดอาจจะใช้งานยากและยิ่งเป็นวีดีโอนั้นอาจจะเอาไปใช้งานตัดต่อได้ยาก แต่ครั้งนี้ทาง Gopro เข้าใจจุดนี้และได้พัฒนาแอปรองรับทำให้ถ่ายตัดต่อง่ายๆและไม่ยุ่งยากเลยในตัวแอปเองเลยครับ และคุณภาพก็ใช้งานได้ดีเลยแหละ
Gopro MAX นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามและเรียบง่าย ต่อยอดจากรุ่นก่อนใส่หน้าจอเข้ามา มาพร้อมกับกล้อง 2 ตัวหน้าหลังแบบเก็บภาพมุมกว้างสุด รองรับ ถ่ายภาพได้ละเอียด 16.6 ล้านพิกเซล (360 องศา) และ 5.5 ล้านพิกเซล ในโหมดHERO รองรับการถ่ายวีดีโอ ถ่าย 360 องศาได้ 5.6K 30FPS และในโหมดปกติ 1440p 60fps และมีกันสั่นเทพเข้ามารวมถึง กันน้ำได้ 5 เมตร มีไมค์ทั้งหมด 6 ตัวแบบ Shotgun เก็บเสียงได้ดีกว่าเดิม มี GPS รองรับระบบเสียง 360 องศา พร้อมกับมีหน้าจอระบบสัมผัสมาให้ใช้งาน รองรับ USB-C และ micro-sd card ด้วยเช่นเดิมครับ สว่นราคานั้นต้องบอกว่าน่ารักขึ้นเปิดมาแค่ 17,000 บาทเท่านั้นถือว่าทำได้ดี
UNBOX
ตัวกล่องนั้นของขายจริงมันจะเป็นอีกแบบนึงครับแต่ในภาพนั้นจะเป็นกล่องแบบ VIP BOX ที่จะให้ของมาครบๆเพียงพอต่อการใช้งานเลยทั้งขาตั้ง ที่ยึดแบบกาว 2 หน้า ต่างๆกระเป๋าแข็งเวลาพกพาเป็นต้นครับ และมาพร้อมแบต สายชาร์จ ต่างๆครบรวมถึงที่ครอบเลนส์ ส่วนในตัวแบตนั้นจะใช้งานได้แค่ของมัน ใช้กับรุ่น 7-8 อะไรไม่ได้เลยนะครับ
Max Protective Lenses นั้นจะเป็น Cover เลนส์แบบพิเศษคล้ายๆกับการติดฟิล์มกันรอยหรือเหมือน Filter ป้องกันเลนส์นั้นเองซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่มันเป็น 360 องศาเลยทำให้ต้องออกแบบฝาครอบแบบคล้ายๆโดมก็แปลกตาดีเหมือนกันครับ แน่นอนว่าการใส่นั้นภาพที่ได้แอบดรอปลงไปนิดหน่อยและสั่นได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าใครจะไปลุยๆก็แนะนำติดไว้ดีกว่า แต่ถ้าลงน้ำนั้นจะไม่ให้ใส่นะครับเพราะใส่ตัวครอบลงน้ำไม่ได้ ออกแบบมานั้นก็ถือว่าปกป้องได้ดีพอสมควร
DESIGN
ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกเลยว่าดีไซน์นั้นเป็นการพัฒนาต่อยอดจากตัว Fusion เหลี่ยมๆทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดครับแต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุ การเพิ่มหน้าจอรวมถึงไมค์เข้ามาให้ใช้งานได้ดีขึ้นรวมถึงตัววัสดุเองนั้นก็พัฒนาขึ้นครับ เป็นรอยได้ยากกว่าเดิมและทนทานกว่าเดิม ดีไซน์การวางกล้องเอาจริงๆมันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของค่ายนี้ไปแล้วครับ ตัวกล้องมีทั้งหน้าหลังวางคนละฝั่งกันครับและมีไมค์ด้านหน้าหลังบนมาให้ครบๆเลยและปุ่มต่างๆวางเหมือนกับรุ่น 7 , 8 ก่อนหน้าทั้งหมดเลยทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะสำหรับใครที่เคยใช้งานกันมาด้วย
ในด้านหน้าหลังนั้นจะเห็นเลยว่ากล้องนั้นมีมาให้ทั้ง 2 ฝั่งครับในด้านหลังนั้นจะเป็นหน้าจอ ระบบสัมผัสซึ่งมีขนาดกลางๆกำลังดีครับแต่ระบบสัมผัสอาจจะไม่ได้ไวติดนิ้วเท่าไรอันนี้แอบบ่นนิดหน่อย ส่วน ตัวกล้องจะนูนออกมาแบบเลนส์เพียวๆเลย รวมถึง จะเห็นตัวไมค์ Shotgun ที่ให้มาทั้งด้านหน้าและหลังสามารถใช้งานได้เต็มที่ ระบบเสียงดีมากๆ ส่วนในด้านหน้านั้นจะเป็นโลโก้แบนูนๆครับ บอดี้เป็นยางกันกระแทกทั้งเครื่องและทนทานต่อรอยได้ดีมากๆ
ในขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นตัวปุ่มสำหรับกดถ่าย วีดีโอ ถ่ายภาพครับ และจะเห็นมีการใส่ไมค์เข้ามาให้อีกด้วยในด้านบนครับ ก็เรียกได้ว่าไมค์นั้นรองรับทั้ง 3 ด้านหลักๆเลย และ ยังมีในส่วนของด้านข้างอีกด้วยครับ ส่วนในด้านล่างฐานเครื่องนั้นจะเป็นจุดออกแบบพิเศษที่ใส่เข้ามาในปีนี้คือเป็นตัวขายึดกับไม้ หรือ อุปกรณ์ต่างๆในตัวเลยไม่ต้องไปใส่เคสแยกแบบแต่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังเป็นแม่เหล็กดูดติดกันได้ดี สามารถวางได้ยึดได้แน่ๆเลยครับไม่ต้องห่วงเลย
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเป็นชื่อรุ่นเขียนว่า MAX และ จะเห็นว่ามีช่องไมค์อีกตัวที่แบบเดียวกันด้านหน้าและหลังครับ ซึ่งไมค์ทั้งหมดจะเป็น 6 ตัว ถือว่าเยอะมากๆและตัดเสียงเก็บเสียงได้ดีเลย ทางด้านปุ่มเปิดปิดก็อยู่ทางฝั่งนี้ครับเหมือนรุ่นอื่นๆ ในด้านของอีกข้างนั้นจะเห็นว่าเป็นฝาเปิดปิดแบบใหม่ที่มีความแน่นหนากว่าเดิม และ มีซีลยางกันน้ำอย่างดี จะเห็นว่าแบตยังเป็นแบบดึงออกมาแบบเดิมครับรวมถึง มีช่อง Micro-sd และ USB-C มาให้ใช้งาน
ทางด้านขาจับแบบเล็กๆนั้นก็รองรับการใช้งานได้ดีระดับนึง แต่แนะนำว่าใครชอบถ่าย 360 นั้นควรจะหาไม้สูงๆยาวๆมาใช้งานจะทำให้ไม่เห็นตัวไม้เลยเหมือนกับการถ่ายด้วย Drone ได้เลยครับ จะสวยกว่ามาก และตัวขาตั้งเล็กอันนี้รองรับการยืดได้ระดับนึงสูงสุดแบบในภาพเลย และสามารถกางขาออกมาตั้งวางได้ หรือจะถือ Selfies ได้เลย
SPEC
- HERO + 360 Capture Modes
- Max HyperSmooth
- In-Camera Horizon Leveling
- Max TimeWarp รองรับการถ่ายแบบ 360 องศา
- เลือกเลนส์ถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ มีโหมด Max SuperView เพิ่มเข้ามา ออกแบบให้เก็บภาพได้กว้างเป็นพิเศษ
- PowerPano รองรับการถ่ายภาพ Panorama ความกว้าง 270 องศาไม่เกิดการบิดเบี้ยวของภาพ
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด 5.6K 30 เฟรมต่อวินาที ได้วิดีโอ 360 องศา, แบบ 1440p 60 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p 60 เฟรมต่อวินาที แบบรุ่น HERO
- ภาพนิ่งในโหมดรุ่น HERO จะได้ความละเอียด 5.5 ล้านพิกเซล, PowerPano ได้ภาพความละเอียด 6.2 ล้านพิกเซล
- ติดตั้งไมค์ไว้ 6 ตัวเพื่อเก็บเสียงได้ 360 องศา แบ่งทิศทางของเสียงเมื่ออัดคลิป
- ตัดต่อคลิปในแอพ GoPro ได้เลย
- Reframe คลิป 360 องศา
- Live stream ความละเอียด 1080p ทำงานกับระบบ HyperSmooth
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 12 คำสั่ง 15 ภาษา
- มีระบบ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
- Scene Detection ตัวกล้องตรวจจับฉากด้วยตัวเองว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นแบบใด
- กันน้ำลึก 5 เมตร
- บันทึกภาพและวิดีโอเก็บเข้าไปใน GoPro PLUS ระบบ Cloud ของ GoPro โดยอัตโนมัติ
SOFTWARE
ทางด้าน Software นั้นอาจจะเป็นจุดเด่นหลักๆเลยก็ว่าได้ของทาง Gopro ในครั้งนี้และยิ่งตัว Reframe นั้นคือการทำให้การถ่าย 360 องศาไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดและทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถดูได้แบบคลิปทั่วไปเลยนั้นเองไม่ต้องมานั่งหมุนแต่เราสามารถหมุนได้เลยและเซฟเป็นมุมๆแบบที่เหมือนกับการหมุนกล้องแต่จริงๆแล้วนั้นเราแค่ถือเฉยๆเลย ถือว่าล้ำมากๆ และ สามารถตัดต่ออะไรเรียบร้อยจากตัวกล้องได้เลย ซึ่งคลิปทั้งหมดในรีวิวจะตัดต่อบนมือถือทั้งหมด ไม่มีการตัดต่อภาพจาก Gopro บนคอมเลยนะครับเอาไปแค่ใส่ Intro ของช่องเราเท่านั้นเอง !
GOPRO APP ก็ดาวน์โหลดกันได้เลยครับตาม App Store Play Store ของแต่ละค่ายเมื่อโหลดเสร็จแล้วก็เชื่อมต่ออะไรได้ปกติเลยสามารถตั้งชื่อ ตั้งค่าอะไรได้สบายๆครับ เมื่อเข้ามาก็เป็น 4 หน้าหลักๆในการทำงาน เป็นส่วนของการควบคุมกล้อง การดูมีเดีย และการตัดต่อหรือมีเดียที่เซฟไว้ครับ และต่อไปเป็นหน้าตั้งค่าของตัวแอป
สามารถควบคุมกล้องผ่านมือถือ หรือจะเป็นการ Live Streaming FHD ลง Facebook – Youtube ได้เลยครับและสามารถใช้งานตัวกล้องในการตั้งค่า วีดีโอภาพนิ่ง ข้อมูลต่างๆของตัวกล้องได้โหมดถ่ายรูปเป็นต้นครับทำได้หลากหลายพอสมควรและปรับแต่งตั้งค่าได้ละเอียดมากๆครับในการใช้งานกล้องทั้งหมดที่คุมผ่านตัวมือถือ
ตัว Reframe นั้นแนะนำว่าให้เราโหลดทั้งหมดมาลงบนมือถือก่อนครับและค่อนจัดการ ไฟล์ที่ได้จะดีกว่าและไม่หน่วงไม่หลุดครับ ซึ่งการทำงานมันก็แค่เข้าไปแก้ไข คลิปของเราและแตะในส่วนของ Reframe ได้เลยและก็จะทำงานได้ง่ายๆครับอย่างแรกคือไฟล์ที่เราได้นั้นจะเป็นแบบ 360 องศาเราสามารถหมุนไปมาได้ซูมเข้าออกได้เลย และจากนั้นถ้าเราซูมเข้าออกได้แล้วก็กด เซฟมุมนั้นแค่นั้นเลย จากนั้นเลื่อนแถบเวลาว่า วินาทีต่อไปเราจะให้กล้องหมุนไปมุมไหนของภาพ จากนั้นก็เซฟมุมนั้น เมื่อเรากดเล่นมันก็จะเป็นการเปลี่ยนมุมจาก มุมแรกเป็นมุมที่ 2 แบบเนียนๆแบบแพนกล้องไปเลยโดยที่เราแค่ถือกล้องไว้เฉยๆ มันคือการเลือกมุมในแต่ละนาทีของเรานั้นเอง สามารถตั้งได้หมดเลยจะเอามุมไหน นาทีที่เราเปลี่ยนมุมบ่อยแค่ไหนก็แล้วแต่เราเลยนั้นเองต้องบอกเลยว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของรุ่นนี้และตัวนี้เลย !
และสามารถตัดต่อได้เลยผ่านในตัวแอพที่มีทั้งตัวเพลง Effect โทนสีของตัวกล้อง ใส่ตัวอักษร และตัดต่อแทรกคลิปอะไรได้ง่ายมากๆแนะนำให้ลองเล่นกันค่อนข้างสะดวกและตัดลงคลิปได้ไวมากๆ อีกทั้งยังรองรับการแชร์เข้า Social Media ต่างๆได้เลยโดยตรงครับ ส่วนในเรื่องของความละเอียดก็ทำได้ดี ไม่ได้ถูกลดทอนลงไปมากเท่าไรครับในตัวนี้
FEATURE
REFRAME
GOPRO MAX นั้นต้องบอกว่าเป็นรุ่นแรกที่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้และมันเหมาะสำหรับกล้อง 360 องศาจริงๆทำให้การถ่ายนั้นถ่ายก่อนเลือกมุมทีหลังได้เลยว่าจะกันไปทางไหน ซูมเข้าตรงไหน หมนไปทางไปได้หมดโดยที่เราแค่อยู่เฉยๆหรือตั้งกล้องนิ่งได้เลยไม่ต้องหมุนไปมา อีกทั้งการถ่ายภาพนิ่งก็รองรับได้หลากหลายโหมดมากๆ มุมมองเหมือน GoPro Hero 8 Black ได้ทั้งหมดคือ Superview, Wide, Linear, Narrow อีกทั้งยังมีมุมแบบ 360 องศาด้วย
MAX HYPER SMOOTH
เป็นกันสั่นเทพที่ต่อยอดมาจาก Hyper Smooth เดิมครับแต่ครั้งนี้ระบบกันสั่นจะเทพแบบตัว 8 เลยคือชื่อ Hyper Smooth 2.0 แต่พอมาอยู่ในรุ่น MAX นั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็น MAX Hyper smooth ซึ่งทำงานเหมือนกันแต่จะเป็นการกันสั่นแบบ 360 องศานั้นเองครับทำให้การถ่ายแบบ 360 องศาก็นิ่งขึ้นไปอีกระดับนึงเลยแหละ
[SR] รีวิว GoPro MAX กล้อง Action Cam 360 องศา ที่ลงตัวที่สุดในตอนนี้ !
Gopro เมื่อไม่นานมานี้ได้ทำการเปิดตัว Gopro 8 Black รุ่นต่อยอดจากทาง Gopro 7 แต่ที่ตื่นเต้นจริงๆในงานนั้นต้องบอกว่าเป็นตัว MAX ที่เปิดตัวกล้องแบบ 360 ต่อยอดจากรุ่น Gopro Fusion ซึ่งได้พัฒนาต่อยอดไปทั้งเรื่องของคุณภาพและตัวฟีเจอร์อีกทั้งยังใส่หน้าจออะไรเข้ามาปรับปรุงเยอะมาก และยังมีการออกฟีเจอร์ที่จะช่วยในการถ่ายวีดีโอให้สนุกมากกว่าเดิมและเอามาตัดต่อได้ง่ายและดูได้ง่ายขึ้น ต้องบอกว่าตัว 360 องศานั้นถ้าไม่ถนัดอาจจะใช้งานยากและยิ่งเป็นวีดีโอนั้นอาจจะเอาไปใช้งานตัดต่อได้ยาก แต่ครั้งนี้ทาง Gopro เข้าใจจุดนี้และได้พัฒนาแอปรองรับทำให้ถ่ายตัดต่อง่ายๆและไม่ยุ่งยากเลยในตัวแอปเองเลยครับ และคุณภาพก็ใช้งานได้ดีเลยแหละ
Gopro MAX นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามและเรียบง่าย ต่อยอดจากรุ่นก่อนใส่หน้าจอเข้ามา มาพร้อมกับกล้อง 2 ตัวหน้าหลังแบบเก็บภาพมุมกว้างสุด รองรับ ถ่ายภาพได้ละเอียด 16.6 ล้านพิกเซล (360 องศา) และ 5.5 ล้านพิกเซล ในโหมดHERO รองรับการถ่ายวีดีโอ ถ่าย 360 องศาได้ 5.6K 30FPS และในโหมดปกติ 1440p 60fps และมีกันสั่นเทพเข้ามารวมถึง กันน้ำได้ 5 เมตร มีไมค์ทั้งหมด 6 ตัวแบบ Shotgun เก็บเสียงได้ดีกว่าเดิม มี GPS รองรับระบบเสียง 360 องศา พร้อมกับมีหน้าจอระบบสัมผัสมาให้ใช้งาน รองรับ USB-C และ micro-sd card ด้วยเช่นเดิมครับ สว่นราคานั้นต้องบอกว่าน่ารักขึ้นเปิดมาแค่ 17,000 บาทเท่านั้นถือว่าทำได้ดี
UNBOX
ตัวกล่องนั้นของขายจริงมันจะเป็นอีกแบบนึงครับแต่ในภาพนั้นจะเป็นกล่องแบบ VIP BOX ที่จะให้ของมาครบๆเพียงพอต่อการใช้งานเลยทั้งขาตั้ง ที่ยึดแบบกาว 2 หน้า ต่างๆกระเป๋าแข็งเวลาพกพาเป็นต้นครับ และมาพร้อมแบต สายชาร์จ ต่างๆครบรวมถึงที่ครอบเลนส์ ส่วนในตัวแบตนั้นจะใช้งานได้แค่ของมัน ใช้กับรุ่น 7-8 อะไรไม่ได้เลยนะครับ
Max Protective Lenses นั้นจะเป็น Cover เลนส์แบบพิเศษคล้ายๆกับการติดฟิล์มกันรอยหรือเหมือน Filter ป้องกันเลนส์นั้นเองซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่มันเป็น 360 องศาเลยทำให้ต้องออกแบบฝาครอบแบบคล้ายๆโดมก็แปลกตาดีเหมือนกันครับ แน่นอนว่าการใส่นั้นภาพที่ได้แอบดรอปลงไปนิดหน่อยและสั่นได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าใครจะไปลุยๆก็แนะนำติดไว้ดีกว่า แต่ถ้าลงน้ำนั้นจะไม่ให้ใส่นะครับเพราะใส่ตัวครอบลงน้ำไม่ได้ ออกแบบมานั้นก็ถือว่าปกป้องได้ดีพอสมควร
DESIGN
ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกเลยว่าดีไซน์นั้นเป็นการพัฒนาต่อยอดจากตัว Fusion เหลี่ยมๆทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดครับแต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุ การเพิ่มหน้าจอรวมถึงไมค์เข้ามาให้ใช้งานได้ดีขึ้นรวมถึงตัววัสดุเองนั้นก็พัฒนาขึ้นครับ เป็นรอยได้ยากกว่าเดิมและทนทานกว่าเดิม ดีไซน์การวางกล้องเอาจริงๆมันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของค่ายนี้ไปแล้วครับ ตัวกล้องมีทั้งหน้าหลังวางคนละฝั่งกันครับและมีไมค์ด้านหน้าหลังบนมาให้ครบๆเลยและปุ่มต่างๆวางเหมือนกับรุ่น 7 , 8 ก่อนหน้าทั้งหมดเลยทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะสำหรับใครที่เคยใช้งานกันมาด้วย
ในด้านหน้าหลังนั้นจะเห็นเลยว่ากล้องนั้นมีมาให้ทั้ง 2 ฝั่งครับในด้านหลังนั้นจะเป็นหน้าจอ ระบบสัมผัสซึ่งมีขนาดกลางๆกำลังดีครับแต่ระบบสัมผัสอาจจะไม่ได้ไวติดนิ้วเท่าไรอันนี้แอบบ่นนิดหน่อย ส่วน ตัวกล้องจะนูนออกมาแบบเลนส์เพียวๆเลย รวมถึง จะเห็นตัวไมค์ Shotgun ที่ให้มาทั้งด้านหน้าและหลังสามารถใช้งานได้เต็มที่ ระบบเสียงดีมากๆ ส่วนในด้านหน้านั้นจะเป็นโลโก้แบนูนๆครับ บอดี้เป็นยางกันกระแทกทั้งเครื่องและทนทานต่อรอยได้ดีมากๆ
ในขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นตัวปุ่มสำหรับกดถ่าย วีดีโอ ถ่ายภาพครับ และจะเห็นมีการใส่ไมค์เข้ามาให้อีกด้วยในด้านบนครับ ก็เรียกได้ว่าไมค์นั้นรองรับทั้ง 3 ด้านหลักๆเลย และ ยังมีในส่วนของด้านข้างอีกด้วยครับ ส่วนในด้านล่างฐานเครื่องนั้นจะเป็นจุดออกแบบพิเศษที่ใส่เข้ามาในปีนี้คือเป็นตัวขายึดกับไม้ หรือ อุปกรณ์ต่างๆในตัวเลยไม่ต้องไปใส่เคสแยกแบบแต่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังเป็นแม่เหล็กดูดติดกันได้ดี สามารถวางได้ยึดได้แน่ๆเลยครับไม่ต้องห่วงเลย
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเป็นชื่อรุ่นเขียนว่า MAX และ จะเห็นว่ามีช่องไมค์อีกตัวที่แบบเดียวกันด้านหน้าและหลังครับ ซึ่งไมค์ทั้งหมดจะเป็น 6 ตัว ถือว่าเยอะมากๆและตัดเสียงเก็บเสียงได้ดีเลย ทางด้านปุ่มเปิดปิดก็อยู่ทางฝั่งนี้ครับเหมือนรุ่นอื่นๆ ในด้านของอีกข้างนั้นจะเห็นว่าเป็นฝาเปิดปิดแบบใหม่ที่มีความแน่นหนากว่าเดิม และ มีซีลยางกันน้ำอย่างดี จะเห็นว่าแบตยังเป็นแบบดึงออกมาแบบเดิมครับรวมถึง มีช่อง Micro-sd และ USB-C มาให้ใช้งาน
ทางด้านขาจับแบบเล็กๆนั้นก็รองรับการใช้งานได้ดีระดับนึง แต่แนะนำว่าใครชอบถ่าย 360 นั้นควรจะหาไม้สูงๆยาวๆมาใช้งานจะทำให้ไม่เห็นตัวไม้เลยเหมือนกับการถ่ายด้วย Drone ได้เลยครับ จะสวยกว่ามาก และตัวขาตั้งเล็กอันนี้รองรับการยืดได้ระดับนึงสูงสุดแบบในภาพเลย และสามารถกางขาออกมาตั้งวางได้ หรือจะถือ Selfies ได้เลย
SPEC
- HERO + 360 Capture Modes
- Max HyperSmooth
- In-Camera Horizon Leveling
- Max TimeWarp รองรับการถ่ายแบบ 360 องศา
- เลือกเลนส์ถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ มีโหมด Max SuperView เพิ่มเข้ามา ออกแบบให้เก็บภาพได้กว้างเป็นพิเศษ
- PowerPano รองรับการถ่ายภาพ Panorama ความกว้าง 270 องศาไม่เกิดการบิดเบี้ยวของภาพ
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด 5.6K 30 เฟรมต่อวินาที ได้วิดีโอ 360 องศา, แบบ 1440p 60 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p 60 เฟรมต่อวินาที แบบรุ่น HERO
- ภาพนิ่งในโหมดรุ่น HERO จะได้ความละเอียด 5.5 ล้านพิกเซล, PowerPano ได้ภาพความละเอียด 6.2 ล้านพิกเซล
- ติดตั้งไมค์ไว้ 6 ตัวเพื่อเก็บเสียงได้ 360 องศา แบ่งทิศทางของเสียงเมื่ออัดคลิป
- ตัดต่อคลิปในแอพ GoPro ได้เลย
- Reframe คลิป 360 องศา
- Live stream ความละเอียด 1080p ทำงานกับระบบ HyperSmooth
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 12 คำสั่ง 15 ภาษา
- มีระบบ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
- Scene Detection ตัวกล้องตรวจจับฉากด้วยตัวเองว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นแบบใด
- กันน้ำลึก 5 เมตร
- บันทึกภาพและวิดีโอเก็บเข้าไปใน GoPro PLUS ระบบ Cloud ของ GoPro โดยอัตโนมัติ
SOFTWARE
ทางด้าน Software นั้นอาจจะเป็นจุดเด่นหลักๆเลยก็ว่าได้ของทาง Gopro ในครั้งนี้และยิ่งตัว Reframe นั้นคือการทำให้การถ่าย 360 องศาไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดและทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถดูได้แบบคลิปทั่วไปเลยนั้นเองไม่ต้องมานั่งหมุนแต่เราสามารถหมุนได้เลยและเซฟเป็นมุมๆแบบที่เหมือนกับการหมุนกล้องแต่จริงๆแล้วนั้นเราแค่ถือเฉยๆเลย ถือว่าล้ำมากๆ และ สามารถตัดต่ออะไรเรียบร้อยจากตัวกล้องได้เลย ซึ่งคลิปทั้งหมดในรีวิวจะตัดต่อบนมือถือทั้งหมด ไม่มีการตัดต่อภาพจาก Gopro บนคอมเลยนะครับเอาไปแค่ใส่ Intro ของช่องเราเท่านั้นเอง !
GOPRO APP ก็ดาวน์โหลดกันได้เลยครับตาม App Store Play Store ของแต่ละค่ายเมื่อโหลดเสร็จแล้วก็เชื่อมต่ออะไรได้ปกติเลยสามารถตั้งชื่อ ตั้งค่าอะไรได้สบายๆครับ เมื่อเข้ามาก็เป็น 4 หน้าหลักๆในการทำงาน เป็นส่วนของการควบคุมกล้อง การดูมีเดีย และการตัดต่อหรือมีเดียที่เซฟไว้ครับ และต่อไปเป็นหน้าตั้งค่าของตัวแอป
สามารถควบคุมกล้องผ่านมือถือ หรือจะเป็นการ Live Streaming FHD ลง Facebook – Youtube ได้เลยครับและสามารถใช้งานตัวกล้องในการตั้งค่า วีดีโอภาพนิ่ง ข้อมูลต่างๆของตัวกล้องได้โหมดถ่ายรูปเป็นต้นครับทำได้หลากหลายพอสมควรและปรับแต่งตั้งค่าได้ละเอียดมากๆครับในการใช้งานกล้องทั้งหมดที่คุมผ่านตัวมือถือ
ตัว Reframe นั้นแนะนำว่าให้เราโหลดทั้งหมดมาลงบนมือถือก่อนครับและค่อนจัดการ ไฟล์ที่ได้จะดีกว่าและไม่หน่วงไม่หลุดครับ ซึ่งการทำงานมันก็แค่เข้าไปแก้ไข คลิปของเราและแตะในส่วนของ Reframe ได้เลยและก็จะทำงานได้ง่ายๆครับอย่างแรกคือไฟล์ที่เราได้นั้นจะเป็นแบบ 360 องศาเราสามารถหมุนไปมาได้ซูมเข้าออกได้เลย และจากนั้นถ้าเราซูมเข้าออกได้แล้วก็กด เซฟมุมนั้นแค่นั้นเลย จากนั้นเลื่อนแถบเวลาว่า วินาทีต่อไปเราจะให้กล้องหมุนไปมุมไหนของภาพ จากนั้นก็เซฟมุมนั้น เมื่อเรากดเล่นมันก็จะเป็นการเปลี่ยนมุมจาก มุมแรกเป็นมุมที่ 2 แบบเนียนๆแบบแพนกล้องไปเลยโดยที่เราแค่ถือกล้องไว้เฉยๆ มันคือการเลือกมุมในแต่ละนาทีของเรานั้นเอง สามารถตั้งได้หมดเลยจะเอามุมไหน นาทีที่เราเปลี่ยนมุมบ่อยแค่ไหนก็แล้วแต่เราเลยนั้นเองต้องบอกเลยว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของรุ่นนี้และตัวนี้เลย !
และสามารถตัดต่อได้เลยผ่านในตัวแอพที่มีทั้งตัวเพลง Effect โทนสีของตัวกล้อง ใส่ตัวอักษร และตัดต่อแทรกคลิปอะไรได้ง่ายมากๆแนะนำให้ลองเล่นกันค่อนข้างสะดวกและตัดลงคลิปได้ไวมากๆ อีกทั้งยังรองรับการแชร์เข้า Social Media ต่างๆได้เลยโดยตรงครับ ส่วนในเรื่องของความละเอียดก็ทำได้ดี ไม่ได้ถูกลดทอนลงไปมากเท่าไรครับในตัวนี้
FEATURE
REFRAME
GOPRO MAX นั้นต้องบอกว่าเป็นรุ่นแรกที่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้และมันเหมาะสำหรับกล้อง 360 องศาจริงๆทำให้การถ่ายนั้นถ่ายก่อนเลือกมุมทีหลังได้เลยว่าจะกันไปทางไหน ซูมเข้าตรงไหน หมนไปทางไปได้หมดโดยที่เราแค่อยู่เฉยๆหรือตั้งกล้องนิ่งได้เลยไม่ต้องหมุนไปมา อีกทั้งการถ่ายภาพนิ่งก็รองรับได้หลากหลายโหมดมากๆ มุมมองเหมือน GoPro Hero 8 Black ได้ทั้งหมดคือ Superview, Wide, Linear, Narrow อีกทั้งยังมีมุมแบบ 360 องศาด้วย
MAX HYPER SMOOTH
เป็นกันสั่นเทพที่ต่อยอดมาจาก Hyper Smooth เดิมครับแต่ครั้งนี้ระบบกันสั่นจะเทพแบบตัว 8 เลยคือชื่อ Hyper Smooth 2.0 แต่พอมาอยู่ในรุ่น MAX นั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็น MAX Hyper smooth ซึ่งทำงานเหมือนกันแต่จะเป็นการกันสั่นแบบ 360 องศานั้นเองครับทำให้การถ่ายแบบ 360 องศาก็นิ่งขึ้นไปอีกระดับนึงเลยแหละ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้